ซิลิโคนเจล รักษาแผลเป็น

อาการบาดเจ็บบริเวณผิวหนังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก มีหลายสิ่งรอบตัวที่ล้วนทำให้เกิดแผลเป็นได้ เช่น อุบัติเหตุต่าง ๆ, การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด, การเป็นสิว เป็นต้น 

สำหรับอาการบาดเจ็บบนผิวหนังที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมจะนำมาซึ่งปัญหาของการมีรอยแผลเป็นที่คอยทำลายความมั่นใจในบุคลิกของตนเองยามเมื่อปรากฏบนส่วนที่สำคัญของร่างกาย เช่น ใบหน้า ลำคอ แขน ขา ทำให้ดูไม่สวยงามและอาจเกิดอาการคันอีกด้วย

แต่การดูแลรักษาเบื้องต้นที่เหมาะสมก็สามารถช่วยรักษาแผลเป็นให้จางลง ยกตัวอย่างเช่น การใช้ซิลิโคนเจล ที่จะช่วยลบรอยแผลเป็นบนผิวหนัง ซึ่งมันมีสรรพคุณอะไร และมีวิธีอะไรอีกบ้างที่ช่วยลบรอยแผลเป็นได้ หาคำตอบได้จากบทความนี้


สารบัญบทความ


การปฐมพยาบาลสำหรับแผลหลายประเภท

การรักษาแผลเป็นที่ดีที่สุด คือ การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่รอยจะลุกลามจนกลายเป็นรอยแผลเป็น ซึ่งตัวการที่ไปเร่งให้เกิดรอยแผลเป็น คือ อาการแผลติดเชื้อ,รับประทานอาหารปรุงไม่สุก, อาหารหมักดอง, สูบบุหรี่, ดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งต้องระมัดระวัง หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้

การรักษาความสะอาดเป็นขั้นตอนแรกของการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่จะช่วยให้แผลหายไวยิ่งขึ้น พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้เกิดอาการอักเสบที่ทำให้หายยากยิ่งขึ้น พร้อมแนะนำให้หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ๆ ในช่วงที่มีแผลใหม่ภายในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกแผลจะได้ไม่เกิดการปริแตก สุดท้ายเมื่อแผลหายสนิทก็สามารถใช้ซิลิโคนเจลรักษาหากเกิดรอยแผลเป็นขึ้น

ซึ่งแผลก็มีอยู่หลายแบบ โดยการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับรอยแผลต่าง ๆ มีดังนี

ซิลิโคนเจล ลบรอยแผลเป็น

แผลถลอก

ทำให้เกิดเป็นแผลเป็นทั่วไป ช่วงแรกจะมีสีคล้ำแต่สุดท้ายก็จะกลับมาเรียบเนียน และจางลงเรื่อย ๆ ตามเวลาที่ผ่านไปจนกลายเป็นแผลเป็นที่ดูไม่เด่นชัดนัก การดูแลรักษาให้ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ ทาครีมทาแผลเป็นรอยดำ

แผลจากความร้อน (ไฟไหม้ ท่อไอเสีย น้ำร้อนลวก)

แผลที่มีสาเหตุมาจากความร้อน เช่น ไฟไหม้ ท่อไอเสีย น้ำร้อนลวก จะทำให้ผิวหนังที่อยู่รอบบาดแผลเกิดการหดตัวและดึงรั้ง มีลักษณะเป็นรอยแผลขรุขระ ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ดูคล้าย ๆ กับถูกดึงรั้ง การใช้แผ่นแปะซิลิโคนเจลบนแผลเพื่อรักษาความชุ่มชื้นสามารถลดรอยแผลเป็นให้จางลงได้

แผลจากของมีคม

แผลที่เกิดจากของมีคม เช่น แผลผ่าตัด จะมีลักษณะนูนขึ้นมาจากพื้นผิวหนังระดับปกติ เพราะคอลลาเจนถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนมากเกินไป แต่ขอบเขตการเกิดนั้นจะเป็นไปในขอบเขตของบาดแผลเท่านั้น เราควรป้องกันการติดเชื้อ ทำความสะอาดรักษาแผลจนหายสนิทก่อนที่จะใช้ยาซิลิโคนเจลเพื่อทำให้แผลเป็นมีขนาดเล็กลงและดูกลมกลืนกับผิวมากที่สุด 

แผลจากสัตว์เลี้ยง

การปฐมพยาบาลขั้นต้นหลังสัตว์เลี้ยงกัดก็คือการล้างแผลจนสะอาด แล้วทำการสำรวจความรุนแรงของแผล โดยระดับความรุนแรง ประเมินได้ดังนี้

  • แผลไม่รุนแรง ให้ใช้ครีมทาแผลฆ่าเชื้อแล้วปิดแผล ควรทำแผลทุกวันจนหาย
  • แผลไม่ใหญ่มาก แต่มีอาการปวด หลังล้างแผลทำความสะอาด ให้รีบไปพบแพทย์
  • แผลฉีกขาดเลือดเยอะ ควรล้างแผลทำความสะอาด ห้ามเลือดแล้วรีบไปพบแพทย์

รอยแผลเป็นเกิดได้อย่างไร

รอยแผลเป็นนั้นเกิดจากกระบวนการตามธรรมชาติเมื่อผิวหนังได้รับบาดเจ็บก็จะมีการสมานและปิดแผลเพื่อแทนที่ผิวบาดเจ็บหรือเสียหาย รอยแผลเป็นจะเกิดในช่วงที่มีการปรับสภาพหลังแผลปิดสนิทประมาณ 2-3 สัปดาห์ จำนวนคอลลาเจนที่ไม่เป็นระเบียบและมีจำนวนมากจะทำให้เส้นใยไม่ยืดหยุ่นเพียงพอจึงเกิดเป็นรอยแผลเป็น

นอกจากนี้แล้วรอยแผลเป็นยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิดดังนี้

  1. แผลเป็นปกติ (normal) มีลักษณะเรียบ ซีด จะค่อย ๆ จางลงตามเวลา
  2. แผลเป็นที่มีลักษณะโตนูน จะมีอยู่ 2 แบบคือ แผลเป็นนูนเกิน (hypertrophic scar) และแผลเป็นคีลอยด์
  3. แผลเป็นที่ลึกบุ๋มลงไป (depressed scar) มีลักษณะเป็นร่องหรือรูบุ๋มลงไปใต้ผิวหนัง
  4. แผลเป็นที่มีการหดรั้งร่วมด้วย (scar contracture) ลักษณะของแผลจะดึงรั้งผิวโดยรอบให้ดูผิดรูป

รอยแผลเป็นที่กล่าวเบื้องต้นนี้สามารถทำให้ลดเลือน เรียบเนียน จางลงได้ทั้งนี้ขึ้นกับขนาด และความลึก แต่ไม่สามารถทำให้หายไปหมดได้ การรักษาแผลเป็นอาจทำได้ด้วยตัวเองโดยการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลรอยแผลเป็นที่มีขายในท้องตลาด เช่นซิลิโคนเจลที่เป็นทั้งแผ่นแปะและยาทานั่นเอง

รักษาแผลเป็น


รักษารอยแผล ด้วยวิธีใด เหมาะกับแผลประเภทไหน

เพื่อจะได้ลบรอยแผลเป็นที่เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การผ่าตัด ทำเลเซอร์ อุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เป็นสิว ฯลฯ คนไข้สามารถเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งในการรักษาแผลเป็นที่เราจะมาแนะนำให้รู้จักดังต่อไปนี้เพื่อเป็นการลดรอยแผลเป็น หรืออาจเป็นหลาย ๆ วิธีร่วมกันได้

โดยทั่วไปแล้วถ้าบาดแผลเกิดลึกถึงชั้นหนังแท้ หรือเป็นแผลติดเชื้อถึงชั้นหนังแท้ ก็อาจจะทำให้เกิดแผลเป็นขึ้นได้ สำหรับวิธีลดรอยแผลเป็น จากที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าสามารถใช้ซิลิโคนเจลได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายวิธี โดยสามารถเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งที่เหมาะสมกับแผลซึ่งเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน หรืออาจใช้หลายวิธีร่วมกันก็ได้เพื่อให้รอยแผลจางลงให้มากที่สุด

การเลเซอร์แผลเป็น (Laser therapy)

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แพทย์ต้องเป็นผู้รักษาด้วยการยิงเลเซอร์ส่งพลังงานความร้อนผ่านชั้นผิวลงไปทำลายเนื้อเยื่อที่นูนขึ้นมาให้เรียบขึ้น

การฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Intralesional corticosteroid)

เป็นวิธีลดรอยแผลเป็นนูนใหญ่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยแพทย์จะเป็นผู้ฉีดยาสเตียรอยด์ไปยังแผลนูนโดยตรง ตัวยาที่ฉีดเข้าไปจะช่วยลดอาการอักเสบที่ทำให้เกิดแผลคีลอยด์ได้ ช่วยให้แผลนุ่ม ยุบ และแบนราบในที่สุด วิธีนี้จะเห็นผลก็ต่อเมื่อทำภายใน 1 ปีหลังจากบาดเจ็บมีแผลการใช้งาน : ควรฉีดประมาณ 1 ครั้งต่อเดือน ความถี่จะขึ้นอยู่กับอาการตอบสนองของยา

การผ่าตัดแผลเป็น

การใช้วิธีผ่าตัดเป็นการลดรอยแผลเป็นเพื่อให้ดูดีขึ้น สำหรับการผ่าตัดนั้นทำได้ 2 วิธีคือ ผ่าตัดออกเป็นเส้นตรง หรือตัดออกเป็นรูปซิกแซกเพื่อเอาแผลเก่าออกแล้วเย็บเป็นแผลใหม่อีกครั้ง หรือ ผ่าตัดเพื่อลดขนาดของแผลเป็นให้เล็กลง อาจมีการผ่าตัดมากกว่า 1 ครั้งก็ได้ ปกติแล้วจะใช้ร่วมกับการฉีดยา หรือปิดด้วยแผ่นซิลิโคนเจลแผ่นก็ได้

การใช้แผ่นซิลิโคนเจล (Silicone gel sheet)

เป็นวิธีรักษาแผลเป็นด้วยการปิดแผ่นซิลิโคนเจลบนแผลที่ปิดสนิทแล้ว หรือหลังจากที่ได้ตัดไหมเรียบร้อยแล้ว วิธีนี้จะช่วยรักษาความชุ่มชื้น ลดอาการอักเสบ ลดการสร้างคอลลาเจนของเซลล์ผิวหนังที่เป็นสาเหตุให้เกิดเป็นรอยแผลนูนเกิน ทั้งยังสามารถปรับสีของผิวบริเวณแผลเป็นให้จางลง และแบนราบลงได้ด้วย 

การใช้งาน : ให้แปะแผ่นซิลิโคนเจลต่อเนื่องอย่างน้อยวันละ 12 ชั่วโมงเป็นเวลานานอย่างน้อย 6-12 เดือน

การใช้ผลิตภัณฑ์ซิลิโคนเจลลดรอยแผลเป็น

ผลิตภัณฑ์ซิลิโคนเจลที่เป็นยาทารอยแผลเป็นนั้นเป็นได้ทั้งเจลทาแผลเป็น และครีมทาแผลเป็น การดูแลด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายสะดวกสบายเพราะหาซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไป มีวิธีการใช้ง่าย การพกพาก็สะดวก เพียงแต่ต้องเลือกซื้อซิลิโคนเจลที่เหมาะกับแผลเป็นที่มีด้วย

การใช้งาน : ให้ทาต้องทาเช้าเย็นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6-12 เดือนหลังแผลหาย


สรุปประโยชน์จากซิลิโคนเจล

สำหรับซิลิโคนเจลนั้นไม่ว่าจะเป็นยาทารอยแผลเป็นหรือแบบแผ่นแปะก็จะมีคุณสมบัติเหมือน ๆ กันคือ ช่วยรักษารอยแผลเป็นนูนให้แลดูเรียบเนียนขึ้น ขณะเดียวกันยังสามารถช่วยลดความเจ็บปวดได้ เพียงแต่ว่าแบบชนิดทาสามารถลดอาการคันได้ดีกว่าแบบแปะ นอกเหนือจากนี้ควรดูแลแผลให้สะอาดและชุ่มชื้นอยู่เสมอ ห้ามกด บีบ แคะตุ่มสิว