Bladder Tumor Antigen (Urine BTA) คืออะไร? ตรวจหามะเร็งกระเพาะปัสสาวะด้วยปัสสาวะ

0
5349
มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นในเยื่อบุกระเพาะอาหาร

Bladder Tumor Antigen (Urine BTA) คืออะไร?

Bladder Tumor Antigen (Urine BTA) คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่ผลิตโดยเซลล์มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ การตรวจวัดสารนี้ในปัสสาวะถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้ในการคัดกรองมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว และไม่รุกล้ำร่างกาย จึงเหมาะสำหรับการเฝ้าระวังและติดตามผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง

ความสำคัญของ Urine BTA ในการตรวจหามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

การตรวจ Urine BTA มีความสำคัญในด้านการประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น เนื่องจากโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก หากไม่ได้รับการตรวจเชิงรุก อาจทำให้โรคลุกลามโดยไม่รู้ตัว ซึ่ง Urine BTA สามารถช่วยคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ที่สัมผัสสารเคมี หรือมีอาการปัสสาวะผิดปกติ

การทำงานของ Bladder Tumor Antigen (BTA)

สาร BTA จะถูกปล่อยออกมาจากเซลล์มะเร็งที่อยู่บริเวณเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะ จากนั้นจะถูกขับออกมากับปัสสาวะ การตรวจหาค่านี้จึงสามารถทำได้ง่ายโดยไม่ต้องเจาะเลือดหรือส่องกล้อง ซึ่งทำให้สะดวกและลดความไม่สบายตัวของผู้ป่วยลงได้มาก

วิธีการตรวจ Urine BTA

ขั้นตอนการเก็บตัวอย่างปัสสาวะ

  1. ผู้ป่วยควรเก็บปัสสาวะช่วงกลาง (midstream urine) ลงในภาชนะที่สะอาดและปลอดเชื้อ

  2. หลีกเลี่ยงการปัสสาวะครั้งแรกในตอนเช้า เพราะอาจมีความเข้มข้นของสารต่างๆ มากเกินไป

  3. นำตัวอย่างส่งห้องปฏิบัติการภายใน 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสลายตัวของโปรตีน

การเตรียมตัวก่อนตรวจ

  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักใน 24 ชั่วโมงก่อนตรวจ

  • งดมีเพศสัมพันธ์ก่อนตรวจอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

  • ควรดื่มน้ำตามปกติ ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร

ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าผลตรวจ Urine BTA

แม้ค่า Urine BTA จะสามารถช่วยคัดกรองมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ แต่ก็มีปัจจัยอื่นที่อาจทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อน เช่น:

  • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

  • นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

  • ภาวะอักเสบเรื้อรัง

  • เลือดปนในปัสสาวะ

ค่าปกติและเกณฑ์การแปลผล BTA

  • ค่า ปกติของ Urine BTA มักอยู่ที่ < 14 U/mL

  • หากพบค่าสูงกว่าเกณฑ์ดังกล่าว อาจบ่งชี้ถึงความผิดปกติที่ควรตรวจซ้ำหรือทำการส่องกล้อง (Cystoscopy) เพื่อยืนยันผล

ความแม่นยำของการตรวจ Urine BTA เทียบกับวิธีอื่น

วิธีการตรวจ ความแม่นยำ ความรุกล้ำ เหมาะสำหรับ
Urine BTA ปานกลาง ต่ำ คัดกรองเบื้องต้น
Cystoscopy สูง สูง วินิจฉัยเฉพาะเจาะจง
CT Urogram / MRI สูง ปานกลาง ประเมินระยะโรค
Urine Cytology ปานกลาง ต่ำ คัดกรองเซลล์ผิดปกติ

Urine BTA กับการติดตามการกลับเป็นซ้ำของโรค

หลังการผ่าตัดหรือการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด การตรวจ Urine BTA เป็นระยะสามารถช่วยเฝ้าระวังการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีแรกหลังการรักษา

ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

  • การสูบบุหรี่ (ผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป 3-4 เท่า)

  • การสัมผัสสารเคมีในที่ทำงาน เช่น อะนิลีน หรืออุตสาหกรรมสี

  • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง

  • การฉายรังสีบริเวณอุ้งเชิงกรานในอดีต

  • อายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะในเพศชายอายุเกิน 60 ปี

อาการที่ควรเฝ้าระวัง

  • เลือดปนในปัสสาวะ (Hematuria)

  • ปัสสาวะขัด ปวด หรือปัสสาวะบ่อยโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน

  • ปวดหลังหรืออุ้งเชิงกรานโดยไม่ทราบสาเหตุ

หากพบอาการเหล่านี้ร่วมกับค่า Urine BTA ที่สูง แนะนำให้พบแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินปัสสาวะทันที

BTA เทียบกับ Tumor Markers อื่นๆ

ตัวบ่งชี้ โรคหลักที่ใช้ตรวจ จุดเด่น
Urine BTA มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ใช้ปัสสาวะ ตรวจง่าย
NMP22 มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ใช้ร่วมกับ BTA ได้ดี
CEA มะเร็งลำไส้ใหญ่, กระเพาะปัสสาวะ ความแม่นยำเฉพาะโรคสูง
CA 19-9 มะเร็งตับอ่อน, ท่อน้ำดี ใช้คู่กับภาพถ่ายรังสี

ประโยชน์ของการตรวจ Urine BTA ร่วมกับการดูแลเชิงป้องกัน

การตรวจ Urine BTA ร่วมกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เช่น:

  • ดื่มน้ำมากเพียงพอ (อย่างน้อย 1.5–2 ลิตรต่อวัน)

  • รับประทานผัก ผลไม้ และอาหารต้านอนุมูลอิสระ

  • หลีกเลี่ยงสารพิษ เช่น สารเคมี โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

  • ตรวจสุขภาพระบบทางเดินปัสสาวะประจำปี

สามารถช่วยลดโอกาสเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อไรควรตรวจ Urine BTA?

  • มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

  • มีอาการผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ

  • มีประวัติเกี่ยวข้องกับสารก่อมะเร็งหรือเคมี

  • เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งแล้ว ต้องการติดตามผล

คำแนะนำสำหรับผู้ที่มีผลตรวจ BTA ผิดปกติ

  • อย่าตื่นตระหนก เนื่องจากค่า BTA สูงอาจไม่ได้แปลว่าเป็นมะเร็งเสมอไป

  • เข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการตรวจเพิ่มเติม เช่น ส่องกล้องหรือ MRI

  • หลีกเลี่ยงการวินิจฉัยด้วยตนเองจากผลการตรวจเพียงค่าเดียว

  • ควรติดตามผลซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

สรุป

การตรวจ Bladder Tumor Antigen (Urine BTA) เป็นทางเลือกหนึ่งในการคัดกรองและติดตามมะเร็งกระเพาะปัสสาวะอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความสะดวกและไม่ต้องพึ่งการตรวจรุกล้ำ การตรวจนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงหรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง อย่างไรก็ตาม ควรใช้ร่วมกับการตรวจวินิจฉัยอื่นเพื่อความแม่นยำสูงสุด และควรปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อดูแลสุขภาพในระยะยาว

FAQ (คำถามที่พบบ่อย)

Q: Bladder Tumor Antigen (Urine BTA) ตรวจอย่างไร?

A: การตรวจ Urine BTA ทำได้โดยเก็บตัวอย่างปัสสาวะกลางลำในภาชนะสะอาด แล้วส่งตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์หาสาร BTA

Q: ค่า Urine BTA เท่าไหร่จึงถือว่าผิดปกติ?

A: ค่า BTA ที่สูงกว่า 14 U/mL อาจบ่งชี้ถึงภาวะผิดปกติ เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่ต้องแปลผลร่วมกับอาการและการตรวจอื่นๆ

Q: มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ผล BTA ผิดเพี้ยน?

A: การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่ว หรือภาวะอักเสบ อาจทำให้ค่า BTA สูงขึ้นโดยไม่ใช่มะเร็ง

Q: ตรวจ BTA จำเป็นต้องเตรียมตัวล่วงหน้าหรือไม่?

A: โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวพิเศษ แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนตรวจเพื่อความแม่นยำ

Q: ถ้าค่า Urine BTA สูง ต้องตรวจอะไรเพิ่มเติม?

A: แนะนำให้ตรวจเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) หรือการตรวจภาพถ่ายรังสีตามคำแนะนำของแพทย์

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. รู้ก่อนเข้าใจการตรวจรักษามะเร็ง. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2557. 

[/vc_column][/vc_row]