
มะเร็งหลังโพรงจมูก หรือชื่อทางการแพทย์ว่า Nasopharyngeal Cancer คือมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบริเวณด้านหลังของโพรงจมูก ซึ่งเป็นบริเวณเชื่อมต่อระหว่างจมูกและลำคอ โดยทั่วไปแล้วโรคนี้พบได้มากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในเพศชายที่มีอายุระหว่าง 40–60 ปี การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกและการรักษาอย่างเหมาะสมสามารถเพิ่มโอกาสในการหายขาดได้อย่างมีนัยสำคัญ
มะเร็งหลังโพรงจมูกคืออะไร?
มะเร็งหลังโพรงจมูก เป็นเนื้อร้ายที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์บริเวณเยื่อบุด้านในของโพรงจมูกด้านหลัง ซึ่งสามารถลุกลามไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง เช่น ลำคอ เส้นประสาท สมอง และต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ โดยเฉพาะหากปล่อยไว้นานโดยไม่รับการรักษา
ตำแหน่งของโพรงหลังจมูก หรือ “Nasopharynx” อยู่ด้านหลังโพรงจมูก เหนือช่องคอ และใต้ฐานสมอง การวินิจฉัยจึงอาศัยวิธีเฉพาะ เช่น การส่องกล้อง หรือการตัดชิ้นเนื้อ (biopsy)
สาเหตุของมะเร็งหลังโพรงจมูก
1. พันธุกรรม
มีหลักฐานว่าพันธุกรรม โดยเฉพาะยีนที่ควบคุมการเจริญเติบโตและการตายของเซลล์ เช่น p53 อาจมีบทบาทสำคัญในความเสี่ยงต่อมะเร็งชนิดนี้
2. การติดเชื้อไวรัส Epstein–Barr Virus (EBV)
ไวรัส EBV เป็นปัจจัยที่มีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ว่าเกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ของเซลล์ในโพรงจมูก โดยเฉพาะในประชากรเอเชียและชาวจีนตอนใต้
3. สิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต
- การได้รับสารก่อมะเร็ง เช่น ไนโตรซามีน (จากอาหารหมักดองหรืออาหารรมควัน)
- การสูบบุหรี่ หรือการสัมผัสกับฝุ่นควัน
- อากาศที่มีมลพิษในระดับสูง
4. อาหารการกิน
อาหารที่มีสารก่อมะเร็งสูง เช่น ปลาเค็ม หมูดิบ อาหารแปรรูป เป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ในโพรงจมูกได้
อาการของมะเร็งหลังโพรงจมูก
โรคนี้มักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก แต่เมื่อเข้าสู่ระยะลุกลามจะพบอาการหลากหลาย ดังนี้:
- คัดจมูกเรื้อรังข้างเดียว
- มีเลือดปนในน้ำมูกหรือเลือดกำเดาไหล
- ปวดศีรษะเรื้อรังหรืออาการไมเกรนแบบเฉียบพลัน
- หูอื้อ หรือสูญเสียการได้ยินข้างเดียว
- ปวดใบหน้า หรือใบหน้าชา
- ตาเหล่หรือเห็นภาพซ้อน
- มีก้อนหรือต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณลำคอ
- กลืนลำบาก เสียงเปลี่ยน
การที่ผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกแสดงอาการในตำแหน่งต่างๆ ขึ้นอยู่กับทิศทางที่ก้อนเนื้อลุกลามไป
วิธีการวินิจฉัยมะเร็งหลังโพรงจมูก
การวินิจฉัยโรคจะประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้:
1. การตรวจร่างกายโดยแพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก
- การส่องกล้องโพรงจมูกเพื่อหาก้อนเนื้อหรือความผิดปกติ
2. การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy)
- เพื่อตรวจยืนยันทางพยาธิวิทยาว่าเป็นเซลล์มะเร็งหรือไม่
3. การตรวจทางรังสีวิทยา
- CT Scan หรือ MRI เพื่อตรวจการลุกลามของก้อนมะเร็ง
- PET Scan เพื่อค้นหาการกระจายของโรคไปยังอวัยวะอื่น
ระยะของมะเร็งหลังโพรงจมูก
มะเร็งชนิดนี้แบ่งเป็น 4 ระยะหลัก ดังนี้:
ระยะ | ลักษณะ |
ระยะที่ 1 | มะเร็งจำกัดเฉพาะในโพรงหลังจมูก |
ระยะที่ 2 | ลุกลามเข้าสู่โพรงคอหอย หรือต่อมน้ำเหลืองขนาดไม่เกิน 6 ซม. |
ระยะที่ 3 | ลุกลามถึงฐานกระโหลกหรือกล้ามเนื้อลึก |
ระยะที่ 4 | ลุกลามไปยังสมอง ตา หรืออวัยวะอื่นที่ห่างไกล เช่น ปอด |
วิธีการรักษามะเร็งหลังโพรงจมูก
1. การฉายรังสี (Radiotherapy)
เป็นการรักษาหลัก โดยใช้รังสีพลังงานสูงทำลายเซลล์มะเร็งในตำแหน่งเฉพาะ มีความแม่นยำสูง เช่น IMRT (Intensity-Modulated Radiotherapy)
2. การทำเคมีบำบัด (Chemotherapy)
มักใช้ร่วมกับรังสี โดยเฉพาะในระยะที่ลุกลาม การให้ยาเคมีจะช่วยควบคุมการกระจายของเซลล์มะเร็ง
3. การผ่าตัด
ใช้ในกรณีที่มีเนื้องอกตกค้างหรือมีการกลับเป็นซ้ำเฉพาะที่ แม้จะไม่ใช่วิธีหลักในการรักษามะเร็งหลังโพรงจมูก
4. การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy)
สำหรับผู้ป่วยระยะลุกลามที่ไม่สามารถรับเคมีบำบัด อาจใช้ยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็ง เช่น cetuximab
การป้องกันมะเร็งหลังโพรงจมูก
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง อาหารแปรรูปที่มีสารไนโตรซามีน
- หยุดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
- ตรวจสุขภาพและพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ
- รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด
ความหวังของผู้ป่วย
อัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกในระยะเริ่มต้นอยู่ที่ราว 70–90% ขึ้นอยู่กับสุขภาพโดยรวมและการตอบสนองต่อการรักษา หากตรวจพบตั้งแต่ระยะ 1–2 โอกาสหายขาดมีสูงมาก
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: มะเร็งหลังโพรงจมูกตรวจพบได้จากการตรวจสุขภาพประจำปีหรือไม่?
A1: โดยทั่วไปมักไม่สามารถตรวจพบจากการตรวจสุขภาพประจำปี ต้องอาศัยการตรวจเฉพาะทาง เช่น การส่องกล้องจมูกหรือการตัดชิ้นเนื้อ
Q2: มะเร็งโพรงหลังจมูกรักษาหายได้หรือไม่?
A2: หากตรวจพบในระยะแรก มีโอกาสรักษาหายได้สูงโดยใช้การฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด
Q3: การติดเชื้อ EBV ทำให้เป็นมะเร็งโพรงหลังจมูกจริงหรือ?
A3: ใช่ EBV เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดมะเร็งโพรงหลังจมูก โดยเฉพาะในประชากรเอเชีย
Q4: ใครบ้างที่ควรระวังโรคนี้เป็นพิเศษ?
A4: ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะเพศชาย เชื้อสายจีนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้ที่มีประวัติการบริโภคอาหารหมักดองเป็นประจำ
Q5: การฉายรังสีมีผลข้างเคียงหรือไม่?
A5: มี เช่น ปากแห้ง กลืนลำบาก หรือผิวหนังบริเวณที่ฉายรังสีลอก แต่สามารถดูแลและฟื้นฟูได้หลังจบการรักษา
ร่วมตอบคำถามกับเรา
[/vc_column_text]
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. รู้ก่อนเข้าใจการตรวจรักษามะเร็ง. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2557.