มะเร็งในเด็ก (Pediatric Cancer) คืออะไร? อาการ สาเหตุ วิธีรักษา และการป้องกัน

0
5379
โรคมะเร็งในเด็ก (Pediatric Cancer)
โรคมะเร็งในเด็ก คือโรคมะเร็งที่จะเกิดกับเด็กแรกเกิดตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา พบมากสุดคือมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มะเร็งในเด็ก หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า Pediatric Cancer คือกลุ่มโรคร้ายแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ทารกในครรภ์จนถึงเด็กอายุ 14 ปี แม้จะพบได้น้อยกว่ามะเร็งในผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ในเด็กที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง โรคนี้ต้องได้รับการตรวจพบแต่เนิ่นๆ และเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มโอกาสในการหายขาด

ความแตกต่างของมะเร็งในเด็กและในผู้ใหญ่

มะเร็งในเด็กแตกต่างจากผู้ใหญ่ในหลายด้าน โดยเฉพาะชนิดของมะเร็งและธรรมชาติของโรค เด็กมักเผชิญกับมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของการพัฒนาเซลล์ ไม่ใช่จากพฤติกรรมเสี่ยงหรือสิ่งแวดล้อม เช่น การสูบบุหรี่หรือการสัมผัสสารเคมี ซึ่งพบมากในผู้ใหญ่

สถิติการเกิดมะเร็งในเด็ก

  • มะเร็งในเด็กคิดเป็นเพียง 1% ของมะเร็งทั้งหมด

  • ชนิดที่พบมากที่สุดคือ:

    • มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) – 30-35%

    • มะเร็งสมองและระบบประสาทส่วนกลาง – 15-20%

    • มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) – 10-15%

    • มะเร็งต่อมหมวกไต, ตับ, กระดูก, จอตา ฯลฯ

แม้การวินิจฉัยจะเกิดช้ากว่าผู้ใหญ่ แต่เด็กมีแนวโน้มตอบสนองต่อการรักษาได้ดีกว่า

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งในเด็ก

มะเร็งในเด็กยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจมีบทบาท ดังนี้:

1. พันธุกรรม

  • เด็กบางคนมีความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ส่งผ่านจากพ่อแม่ เช่น

    • กลุ่มอาการดาวน์ (Down Syndrome)

    • กลุ่มอาการ Li-Fraumeni

    • Retinoblastoma (มะเร็งจอตา)

2. การกลายพันธุ์ของเซลล์

  • เกิดขึ้นแบบสุ่มโดยไม่มีการถ่ายทอด แต่ทำให้เซลล์แบ่งตัวผิดปกติ

3. รังสีและสารเคมี

  • มารดาที่ได้รับรังสีเอกซ์ขณะตั้งครรภ์

  • การสัมผัสยาฆ่าแมลงหรือสารก่อมะเร็ง

4. การติดเชื้อไวรัส

  • HIV, EBV, HTLV-1 อาจเกี่ยวข้องกับมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

อาการของมะเร็งในเด็กที่ควรระวัง

แม้มะเร็งในเด็กไม่มีอาการจำเพาะ แต่พ่อแม่ควรสังเกตอาการเหล่านี้อย่างใกล้ชิด:

  • คลำพบก้อนผิดปกติ

  • มีไข้เรื้อรัง โดยไม่ทราบสาเหตุ

  • น้ำหนักลดผิดปกติ

  • อ่อนเพลีย ไม่สดใส

  • ปวดกระดูกหรือข้อเรื้อรัง

  • เลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดกำเดา จุดเลือดตามร่างกาย

  • ตาเหลือง หรือตาบวมแดง

  • เดินเซ หรือพฤติกรรมเปลี่ยนไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

การวินิจฉัยมะเร็งในเด็ก

กระบวนการวินิจฉัยมักใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น:

  • การตรวจร่างกาย โดยกุมารแพทย์เฉพาะทาง

  • การตรวจเลือด โดยเฉพาะค่าซีบีซี (CBC) และค่าไต ตับ

  • การถ่ายภาพรังสี เช่น X-ray, MRI, CT scan, PET scan

  • การเจาะไขกระดูก

  • การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) ตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันชนิดของมะเร็ง

ระยะของมะเร็งในเด็ก

การแบ่งระยะของมะเร็งในเด็กมีความสำคัญต่อการวางแผนการรักษา โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่:

  • ระยะที่ 1: ก้อนเนื้อมะเร็งยังอยู่เฉพาะที่

  • ระยะที่ 2: ก้อนโตขึ้นและเริ่มลุกลามเข้าเนื้อเยื่อข้างเคียง

  • ระยะที่ 3: มะเร็งลุกลามเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะข้างเคียง

  • ระยะที่ 4: มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะไกล เช่น ปอด สมอง ตับ ไขกระดูก

วิธีการรักษามะเร็งในเด็ก

แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งและระยะโรค โดยอาจใช้วิธีผสมผสานดังนี้:

1. การผ่าตัด

  • สำหรับมะเร็งที่เป็นก้อนและยังไม่แพร่กระจาย

2. เคมีบำบัด (Chemotherapy)

  • ยาเคมีจะฆ่าเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย

  • ใช้ในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายแล้ว

3. รังสีรักษา (Radiation Therapy)

  • ใช้เมื่อมะเร็งดื้อยา หรืออยู่ในจุดที่ผ่าตัดไม่ได้

4. การปลูกถ่ายไขกระดูกหรือสเต็มเซลล์

  • สำหรับเด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดรุนแรง

5. ยาต้านมะเร็งแบบเฉพาะเจาะจง (Targeted Therapy)

  • ใช้ในกรณีที่มะเร็งมีสัญญาณชีวโมเลกุลที่รู้จัก

โอกาสในการรักษาหาย

โอกาสในการหายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

ปัจจัย ส่งผลต่อการรอดชีวิต
อายุของเด็ก เด็กเล็กตอบสนองต่อการรักษาดีกว่า
ระยะของโรค ยิ่งพบเร็ว โอกาสหายสูง
ชนิดของมะเร็ง มะเร็งบางชนิดมีอัตรารอดมากกว่า 90%
การเข้าถึงการรักษา โรงพยาบาลเฉพาะทางมีผลต่อคุณภาพการรักษา

มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Acute Lymphoblastic Leukemia (ALL) มีโอกาสรอดชีวิตสูงถึง 85–90% หากรักษาเร็วและครบวงจร

การฟื้นฟูและติดตามอาการหลังการรักษา

หลังสิ้นสุดการรักษา เด็กต้องได้รับการติดตามผลอย่างใกล้ชิดเป็นระยะ เพื่อเฝ้าระวัง:

  • การกลับมาเป็นซ้ำ

  • ผลข้างเคียงระยะยาวจากเคมีบำบัด/รังสี

  • ปัญหาด้านพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจ

  • ความสามารถในการเรียนรู้และเข้าสังคม

ทีมสหวิชาชีพ เช่น แพทย์ นักจิตวิทยา พยาบาล และนักสังคมสงเคราะห์ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการฟื้นฟู

วิธีป้องกันโรคมะเร็งในเด็ก

เนื่องจากมะเร็งในเด็กมักไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงโดยตรง จึงไม่มีวิธีป้องกันได้ 100% แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ดังนี้:

  • หลีกเลี่ยงสารพิษขณะตั้งครรภ์ เช่น ยาฆ่าแมลง สารเคมี ยาปฏิชีวนะเกินความจำเป็น

  • หมั่นสังเกตอาการผิดปกติในเด็ก

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสรังสีโดยไม่จำเป็น

  • รับวัคซีนที่ป้องกันไวรัสเสี่ยง เช่น HPV, HBV

  • ออกกำลังกายและกินอาหารที่ปลอดภัยตั้งแต่วัยเด็ก

คำแนะนำสำหรับพ่อแม่และผู้ดูแล

  • ตรวจร่างกายสม่ำเสมอ – โดยเฉพาะหากมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง

  • ให้ความรู้และพูดคุยกับลูก – เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ

  • เข้าถึงระบบสนับสนุน – กลุ่มผู้ปกครอง เครือข่ายมะเร็งเด็ก โรงพยาบาลเฉพาะทาง

  • วางแผนฟื้นฟูระยะยาว – การเรียน การเข้าสังคม พัฒนาการทางอารมณ์

สรุป

โรค มะเร็งในเด็ก (Pediatric Cancer) แม้พบได้น้อยแต่เป็นโรคที่ไม่ควรละเลย พ่อแม่ควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ และไม่เพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในร่างกายของลูก เพราะการตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เด็กสามารถหายขาดจากโรคนี้ และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับมะเร็งในเด็ก

Q1: มะเร็งในเด็กสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่?

A: ได้ครับ เด็กส่วนใหญ่มีโอกาสหายขาดจากมะเร็ง หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตามแผน เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (ALL) มีอัตรารอดชีวิตสูงถึง 85–90%

Q2: มะเร็งในเด็กมีอาการเตือนอะไรบ้าง?

A: อาการที่ควรเฝ้าระวังได้แก่ มีไข้บ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลีย ซีดจาง จุดเลือดออกผิดปกติ คลำพบก้อน หรือพฤติกรรมเปลี่ยนไปแบบไม่มีสาเหตุ

Q3: มะเร็งในเด็กเกิดจากพฤติกรรมของพ่อแม่หรือไม่?

A: โดยส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของพ่อแม่ แต่มีบางปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยง เช่น การได้รับรังสีสูง สารพิษ หรือการถ่ายทอดพันธุกรรมผิดปกติ

Q4: สามารถป้องกันมะเร็งในเด็กได้หรือไม่?

A: ยังไม่มีวิธีป้องกัน 100% แต่สามารถลดความเสี่ยงได้โดยหลีกเลี่ยงสารพิษ ยา หรือสารเคมีระหว่างตั้งครรภ์ และสังเกตความผิดปกติในเด็กตั้งแต่เนิ่นๆ

Q5: มะเร็งในเด็กต่างจากมะเร็งในผู้ใหญ่อย่างไร?

A: ต่างกันที่ชนิดของมะเร็ง สาเหตุ และการตอบสนองต่อการรักษา เด็กมักตอบสนองต่อเคมีบำบัดได้ดีกว่า และมะเร็งส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากพฤติกรรมเสี่ยงเหมือนผู้ใหญ่

[/vc_column_text]

ร่วมตอบคำถามกับเรา

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

Prasad AR, Bernstein H (March 2013). Epigenetic field defects in progression to cancer. World Journal of Gastrointestinal Oncology.

[/vc_column][/vc_row]