การดูแลผิว
เพื่อการมีผิวสวยอ่อนเยาว์อย่างยั่งยืน เราต้องเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและวิธีการปรนนิบัติผิวตามประเภทของผิวแต่ละคน ซึ่งจำเป็นต้องมี การดูแลผิว ตามวัยอีกด้วย เนื่องจากในแต่ละช่วงเวลาระบบต่าง ๆ ของร่างกายรวมไปถึงผิวพรรณจะมีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน การปรนนิบัติผิวที่ได้ผลดีในช่วงเวลาหนึ่งอาจใช้ไม่ได้ผลเมื่อเวลาผ่านไปด้วยการปรนนิบัติผิวอย่างถูกต้องเหมาะสม เราสามารถรักษาความสวยงามและความอ่อนเยาว์ของผิวเอาไว้ได้อย่างยาวนาน ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณได้ทำการแบ่งประเภทของผิวพรรณและวิธีการดูแลเอาไว้ 8 กลุ่มตามลักษณะของการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างดังต่อไปนี้
ประเภทของผิวพรรณและวิธีการดูแลตามลักษณะของการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้าง
การดูแลผิว ช่วงวัยแรกเกิด – 1 ปี
ผิวในช่วงอายุนี้เป็นผิวที่เเห้ง แพ้ง่ายและมีความบอบบางเป็นที่สุด จึงควรหลีกเลี่ยงการขัดถูอย่างแรง อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาด สบู่หรือสารเคมีที่รุนแรงเพราะอาจทำให้ผิวได้รับความเสียหาย ระคายเคืองและแพ้ง่าย เนื่องจากยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ต่อมน้ำมันและต่อมเหงื่อยังไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดปัญหาผิวตามมามากมายหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ปัญหาที่พบได้บ่อยในผิวช่วงอายุนี้ ได้แก่ ปัญหาผดผื่นที่เกิดจากต่อมเหงื่อบวม ผิวได้รับความเสียหาย มีอาการระคายเคืองจากการขัดถูอย่างรุนแรง เนื่องจากการสัมผัสสารเคมีที่รุนแรง ผิวแห้ง แพ้ง่าย มีอาการคันที่เกิดจากการติดเชื้อราที่มีสาเหตุมาจากความอับชื้น เป็นต้น
การดูแลผิว ช่วงวัย 2 – 6 ปี
ผิวในช่วงนี้เริ่มแข็งแรงขึ้นมากกว่าเดิม ต่อมน้ำมันและต่อมเหงื่อทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ปัญหาผิวบางอย่างลดน้อยลง เช่น การติดเชื้อรา ต่อมเหงื่อบวม ผดผื่นคัน อย่างไรก็ตามผิวหนังในช่วงนี้ยังเติบโตไม่เต็มที่ยังคงมีปัญหาผิวใหม่ ๆ ตามมาอีก เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังชั้นตื้น ๆ ซึ่งเกิดจากการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมนอกบ้าน อาการผิวไหม้เนื่องจากการสัมผัสกับแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน
การดูแลผิว ช่วงวัย 7-11 ปี
โครงสร้างของผิวในช่วงอายุนี้มีการเจริญเติบโตและแข็งแรงขึ้นมาก ปัญหาผิวต่าง ๆ เริ่มลดน้อยลง แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตสูง มีการออกไปทำกิจกรรมข้างนอกมากกว่าช่วงก่อน เช่น ไปโรงเรียน ไปเล่นกลางแจ้งกับเพื่อน ๆ ทำให้ผิวมีโอกาสสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ผิวอาจมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น ผิวไหม้จากการโดนแดดจัดเป็นเวลานาน กลาก เกลื้อน เชื้อราบนหนังศีรษะ เป็นต้น ซึ่งเป็นปัญหาที่มีผลสืบเนื่องมาจากการมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมทั้งสิ้น
การดูแลผิว ช่วงวัย 12-19 ปี
ช่วงอายุนี้เป็นช่วงที่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว ผิวมีการพัฒนาเติบโตอย่างเต็มที่ ปัญหาผิวที่พบบ่อยในช่วงนี้คือ สิว วิธี การดูแลผิว ในช่วงนี้คือการหมั่นดูแลทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธีอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของ สารซักฟอก สบู่ แอลกอฮอล์ หรือสารเคมีที่รุนแรง หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกา หรือบีบสิว พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าเครียด ปรนนิบัติผิวอย่างอ่อนโยน กินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน แต่อย่ามากจนเกินไป ในบางครั้งอาจพบว่ามีหน้ามันมากให้ทำความสะอาดด้วยโฟมหรือสบู่อ่อน ๆ หลีกเลี่ยงการเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์เพราะจะทำให้ผิวหน้าแห้งตึง ระคายเคือง และแพ้ง่าย ทำให้แลดูแก่เกินวัย
การดูแลผิว ช่วงวัย 20-26 ปี
ช่วงอายุนี้เป็นช่วงที่ย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้น ปัญหาสิวเริ่มลดน้อยลง ยกเว้นในบางคนที่ยังมีปัญหาสิวอยู่ เนื่องจากมีฮอร์โมนเพศมากและมีปัญหาผิวอย่างอื่นตามมา เช่น ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น เนื่องจากผิวในช่วงนี้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงเสื่อมโทรมจึงควรระมัดระวังผิวเอาไว้เสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันมิให้ผิวเสื่อมโทรมก่อนวัยอันควร หลีกเลี่ยงการทำงานกลางแสงแดดโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน หลีกเลี่ยงการตากแดดให้มากที่สุด ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อรักษาความชุ่มชื้น ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ปรนนิบัติผิวอย่างนุ่มนวลและถูกต้องตามประเภทของผิว กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะเน้นผักและผลไม้ที่มีวิตามินสูง
การดูแลผิว ช่วงวัย 27-48 ปี
ผิวในช่วงอายุนี้จะเริ่มเสื่อมสภาพมากขึ้นจนเห็นได้ชัด เช่น ผิวไม่สดใส หรือเปล่งปลั่งอย่างเคย มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก มุมปาก หางตา มีกระ ริ้วรอยใต้ตาและฝ้า โดยสาเหตุของความเสื่อมโทรมดังกล่าว 2 ประการ ได้แก่ ความเสื่อมโทรมที่เกิดขึ้นตามอายุ เนื่องจากกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของร่างกายทำงานได้น้อยลง ในขณะที่ความเสื่อมโทรมที่เกิดขึ้นกับเซลล์และเนื้อเยื่อกลับมีมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอก เช่น โภชนาการ ความเครียด การพักผ่อน การแสดงสีหน้า การออกกำลังกาย แรงโน้มถ่วงของโลกและความเสื่อมโทรมที่เกิดจากแสงแดดซึ่งเป็นตัวทำลายความเต่งตึง เรียบเนียนกระชับของผิวพรรณ เพื่อที่จะปรนนิบัติผิวอย่างถูกต้อง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่านอกจากการเอาใจใส่ด้านโภชนาการ การพักผ่อน การจัดการกับความเครียดและการออกกำลังกายแล้ว การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวก็มีส่วนช่วยรักษาผิวพรรณไม่ให้เสื่อมโทรมมากไปกว่าเดิม นอกจากการเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ให้ถูกต้องตามประเภทของผิวแล้ว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสรรพคุณในการต้านการเกิดริ้วรอยและลดรอยเหี่ยวย่น
การดูแลผิว ช่วงวัย 49-62 ปี
ช่วงอายุนี้เป็นช่วงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ผิวจึงมีความเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร่างกายไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน ผิวจึงแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวน้อยลง ขาดความยืดหยุ่น และอ่อนแอ เพื่อคงความแข็งแรงของผิวพรรณและชะลอกระบวนการเสื่อมโทรมให้ดำเนินไปอย่างช้าลง นอกจากการทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธีแล้ว ควรปรนนิบัติผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ที่ช่วยต้านและลดการเกิดริ้วรอยที่เหมาะกับสภาพผิว นอกจากปัญหาผิวที่คนในช่วงนี้ต้องให้ความสนใจแล้ว ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าคนในวัยนี้มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ให้หมั่นสังเกตการผิดปกติของผิวพรรณอย่างใกล้ชิด หากสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ เช่น ไฝที่มีขนาดรูปร่าง หรือสีที่เปลี่ยนแปลงไป ไฝมีเลือดออก ผิวหนังมีผื่นและตกสะเก็ดเป็นขุย ๆ มีผื่นแดงอักเสบ หรือแผลเรื้อรังที่ไม่หายสักที โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ต้องสัมผัสแสงแดดเป็นประจำ เช่น ใบหน้า คอ แขน หรือขา ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วนเพื่อหาวิธีรักษาเสียแต่เนิ่น ๆ
การดูแลผิว ช่วงวัย 63 ปี ขึ้นไป
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผิวหนังมีความเสื่อมโทรมมากที่สุด เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อ ระดับฮอร์โมนน้อยลง เกิดจุดด่างดำและมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังเพิ่มขึ้น ผิวหนังบางลง ต่อมไขมันใต้ผิวหนังมีการผลิตน้ำมันที่มีประโยชน์ออกมาน้อยลง ยังผลให้ผิวหนังแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้นและอ่อนแอ การปรนนิบัติผิวในช่วงอายุนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวพรรณด้วยการดื่มน้ำสะอาดให้มาก ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ปราศจากสารเคมีหรือสารซักฟอกที่รุนแรง แอลกอฮอล์ หรือสบู่จะทําให้ผิวที่เเห้งอยู่แล้วเกิดการระคายเคือง แพ้ และอักเสบได้ในที่สุด เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ออกแบบมาเพื่อผิวแห้งโดยเฉพาะ ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีประสิทธิภาพในการรักษาระดับน้ำของผิวพรรณเอาไว้ เสริมฮอร์โมนเอสโตรเจนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวพรรณ หมั่นสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผิวพรรณโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่ต้องสัมผัสแดดเป็นประจำ เช่น ใบหน้า คอ แขน หรือขา หากพบอาการผิดปกติที่คาดว่าจะเป็นสัญญาณของมะเร็งผิวหนัง ให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
ริตา, เกรียร์. อาหารขจัดอนุมูลอิสระ. กรุงเทพ: หมอชาวบ้าน,2551. 176 หน้า : 1.อาหาร-แง่สุขภาพ. 2.อนุมูลอิสระ. I.วูดเวิร์ด,โรเบิร์ต, II.พิสิฐ วงศ์วัฒนะ,ผู้แปล. III.ชื่อเรื่อง. 613.2 ISBN 978-974-04-5522-6.
Papanelopoulou, Faidra (2013). “Louis Paul Cailletet: The liquefaction of oxygen and the emergence of low-temperature research”. Notes and Records, Royal Society of London. 67 (4): 355–73. doi:10.1098/rsnr.2013.0047.Emsley 2001, p.303
How Products are Made contributors (2002). “Oxygen”. How Products are Made. The Gale Group, Inc. Retrieved December 16, 2007.