รักษาสิว
มารู้จักเลเซอร์ รักษาสิว แบบเวิร์คๆ สำหรับเลเซอร์แล้วมีหลายชนิดมาก ซึ่งสถาบันความงามแต่ละแห่งเรียกชื่อเลเซอร์เหมือนกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง การทำเลเซอร์ทุกชนิดจะได้ผลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ ความยืดหยุ่นของผิวรวมถึงการตอบสนองของผิวต่อเลเซอร์ บางชนิดทำแล้วมีแผลแต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า บางชนิดทำแล้วเนียนมากไม่มีรอยแผล แต่กว่าจะเห็นผลก็ใช้เวลานานฉะนั้น ก่อนทำเลเซอร์ต้องศึกษาให้ละเอียดก่อนว่าแบบไหนเหมาะกับความต้องการ งบประมาณและการใช้ชีวิตประจำวันของเรามากที่สุด
เลเซอร์ชนิดที่ทำแล้วไม่มีแผล เช่น V-beam, Gentle YAG, Cynergy
ข้อดี หายไว กลับบ้านไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไปทำสวยมาไม่มีใครรู้ในระยะยาวผิวจะมีความแข็งแรงขึ้น
ข้อเสีย ค่าใช้จ่ายจะสูงตามระดับความสามารถของเลเซอร์ ต้องดูแลทะนุถนอมผิวเป็นอย่างดี อย่าให้โดนแดดในช่วงแรก เพราะผิวหน้าจะบอบบางเป็นพิเศษ
ชนิดของเลเซอร์ที่ รักษาสิว ได้ผลดี
E-MATRlX
เหมาะสำหรับการ รักษาหลุมสิว ตื้น ๆ ช่วยกระชับรูขุมขนและทำให้ใบหน้าใสขึ้น เป็นการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงปล่อยพลังงานจากจุดเล็ก ๆ ลงไป แล้วแผ่ขยายเป็นมุมกว้างในชั้นหนังแท้ในลักษณะพีระมิด แผลบนผิวจึงมีขนาดเล็กมาก (เลเซอร์แบบอื่น ๆ ทำให้เกิดแผลกว้างด้านบน) และยังลดผลข้างเคียง เช่น ผิวคล้ำ เป็นต้น
ผลลัพธ์หลังการรักษา ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ จะเริ่มเห็นผลเมื่อเนื้อเยื่อและคอลลาเจนถูกกระตุ้นให้สร้างขึ้นมาใหม่ การดูแลผิวหลังทำ อาจเกิดสะเก็ดแผลเล็ก ๆ คล้ายรอยตะแกรงบาร์บีคิว แต่จะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่วัน
ข้อดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน หลุมสิวตื้นขึ้น ใบหน้าเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลงใบหน้ากระจ่างใสขึ้น ที่สำคัญลดความเจ็บปวดไปได้มาก ระหว่างทำผิวจะรู้สึกอุ่น ๆ มีความปลอดภัยสูงเพราะผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข้อเสีย ราคาจะค่อนข้างสูง ครั้งละประมาณ 15,000 บาท เนื่องจากหัวเลเซอร์ที่ใช้ยิงเป็นทองคำ ใช้ครั้งเดียวแล้วต้องทิ้ง
ข้อแนะนำ ถ้าหลุมสิวลึกมากอาจต้องทำ 3 – 6 ครั้ง และใช้วิธีอื่นร่วมด้วย แต่ก็ไม่ถึงกับหาย 100 เปอร์เซ็นต์
V-beam
สำหรับ รักษารอยแดงสิว จากการอักเสบ ปานแดง เส้นเลือดขอดและแผลเป็นคีลอยด์ พลังงานเลเซอร์นี้จะลงไปทำลายเส้นเลือดให้ฝ่อไปแล้วกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่
ผลลัพธ์หลังการรักษา หลังการรักษาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ รอยแดงใหม่ ๆ จากสิวจะเริ่มจางลงไป 60 – 70 เปอร์เซอร์ ส่วนรอยสิวที่เป็นมาสักพักจะจางลงประมาณ 20 – 40 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น จึงควรรีบทำตั้งแต่ที่เริ่มเป็นรอยแดงใหม่ ๆ รอยบุ๋มจากสิวก็จะตื้นขึ้นและมีขนาดเล็กลงบ้าง
การดูแลผิว หลังทำเลเซอร์นี้ เมื่อทำแล้วจะไม่มีแผล มีเพียงรอยบวมแดงเท่านั้น แต่จะเริ่มจางและหายไปในวันรุ่งขึ้น สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ไม่ควรให้ผิวโดนแสงแดดโดยตรง
ข้อดี รอยแผลสิวสด ๆ รอยแดงใหม่ ๆ จะจางไว เห็นผลดีมาก อย่างเร็วที่สุด 1 เดือนจะหายสนิท อย่างช้าไม่เกิน 3 เดือน ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่เกิดสิวใหม่ให้เป็นรอยแดงเพิ่มอีก
ข้อเสีย ยิ่งเห็นผลไวราคาก็สูงตาม แต่ถ้ารอยแดงนั้นเกิดขึ้นนานจะเปลี่ยนเป็นรอยดำต้องใช้เลเซอร์ชนิดอื่นแทน รอยแดงจะจางลง 10 – 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังคงมีรอยแดงต้องทำเลเซอร์ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง
ข้อแนะนำ ควรทำเลเซอร์ 2 อาทิตย์ต่อครั้ง จะช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ถ้าใช้วิธีอื่น เช่น ทายา กินวิตามินเสริมร่วมด้วยจะยิ่งหายเร็ว
ดูแลผิวให้เวิร์คในช่วงวันนั้นของเดือน
“ทำไมช่วงนี้ผิวดี ทำไมช่วงนี้ผิวแย่ เพราะอะไรกัน ก็ใช้ครีมตัวเดิมนี่นา ทำไมเคยใช้ครีมตัวนี้แล้วไม่แพ้ แต่ตอนนี้แพ้ เกิดอะไรขึ้น” หนุ่มๆ สาวๆ หลายคนคงเคยเกิดปัญหานี้ แล้วรู้ไหมว่าวงจรการมาของประจำเดือนมีผลกับผิวของเราอย่างมาก
ฮอร์โมนเพศหญิงที่มีผลต่อร่างกายและผิวของเราในแต่ละเดือนคือ เอสโทรเจน (Estrogen) และโพรเจสเทอโรน (Progesterone) ฮอร์โมนสองตัวนี้คอยเนรมิตผิวเราให้สุขภาพดีหรืออ่อนแอสลับไปมา เลือกไม่ได้ด้วยว่าให้สุขภาพดีตลอดไป แต่อย่างน้อยเราก็จะได้หันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น
เรามาดูกันว่าในแต่ละเดือนนั้น เราจะเจอปัญหาผิวแบบไหนกันบ้าง ทั้งในช่วงที่ผิวมีสุขภาพดีถึงขีดสุดและผิวมีสุขภาพแย่ถึงขั้นสุด
ช่วงผิวสุขภาพดี : ฮอร์โมนเอสโทรเจนสูง
คือ ช่วงที่ประจำเดือนหมดและร่างกายกำลังเตรียมการตกไข่ครั้งใหม่ ทุกคนจะปลาบปลื้มมาก เพราะเป็นช่วงที่ผิวแข็งแรงที่สุด สวยงาม เปล่งปลัง สิวเกิดได้ยากหรือขึ้นน้อย หากอยากทดลองผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ ๆ ต้องช่วงนี้เลย ผิวสามารถรับสารบำรุงทุกอย่างได้ดี ดูดซึมรวดเร็วและง่ายดาย ช่วงนี้ใช้ไวท์ เทนนิ่งจะเห็นผิวกระจ่างใสที่สุด
สครับผิวสัปดาห์ละ 1- 2 ครั้งเพื่อผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันรูขุมขน คนผิวมัน สิวมักจะขึ้นที่เดิมช่วงมีประจำเดือน ควรเตรียมผิวล่วงหน้า 3 วันก่อนผิวอ่อนแอ โดยแต้มยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (เชื้อสิว) หรือยาลดการอักเสบของผิว เช่น ยาตระกูล BP บริเวณจุดเดิมที่คิดว่าสิวจะขึ้น เพื่อลดการอุดตันของสิวและลดการเกิดสิว
ช่วงผิวอ่อนแอ : ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนสูง
คือ ช่วงหลังตกไข่และกำลังจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งใหม่ ช่วงนี้สุขภาพผิวอ่อนแอ สิวมักขึ้นง่าย อักเสบง่าย และภูมิต้านทานผิวลดลงต่ำ หากจะลองผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ ๆ ควรหลีกเลี่ยงช่วงนี้ไปก่อน เพราะต่อมไขมันผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวมากเกินปกติและรูขุมขนจะเล็กน้อยจึงเกิดการอุดตันได้ง่าย
คนผิวแห้งอาจจะชอบช่วงเวลานี้ เพราะผิวจะชุ่มชื้น มีน้ำมีนวล มีสิวอุดตันบ้าง สิวอักเสบบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะคาง รอบริมฝีปาก ส่วนคนผิวมันต้องไม่ปลื้มเป็นแน่เพราะหน้าจะมันมาก เกิดสิวง่ายมาก และจะมาแบบทะลักทลาย ช่วงนี้จึงควรทำความสะอาดผิวให้หมดจดอย่างทะนุถนอมและพิถีพิถัน และควรทาครีมกันแดดอย่าละเลยเป็นอันขาด เพราะผิวหน้าจะไวต่อแสงมาก ทำให้เมลานินสีเข้มเพิ่มปริมาณได้ง่าย จะเห็นฝ้า กระชัดขึ้น และจะขึ้นได้ง่าย อาจเลือกใช้ไวท์เทนนิ่งที่เหมาะสมกับสภาพผิว ควรแต่งหน้าบาง ๆ อย่าโบกหลายชั้นเป็นอันขาด
สำหรับคนผิวมันควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำมัน เพื่อไม่ให้อุดตันและเพิ่มความมันให้ผิวมากขึ้น ที่ฉลากจะระบุว่า Oil-free เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขน ฉลากจะระบุว่า Non-Comedogenic ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันที่ฉลากระบุว่า Oil Control
คนผิวแห้ง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ฉลากอาจจะบุว่า Hypoallergenic, Dermatologist Tested, Fragrance-free, Alcohol-free ช่วงผิวแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น : ฮอร์โมนเอสโทรเจนและโพรเจสเทอโรนต่ำทั้งคู่ คือ ช่วงมีประจำเดือน ผิวพรรณจะอ่อนแอมาก จึงไม่ควรลองผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัวใหม่ ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นและควรเป็นชุดเดิมที่เคยใช้
การดูแลสภาพร่างกายทั้งก่อนมีประจำเดือนและระหว่างมีประจำเดือน
ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนที่สูงขึ้นจะกระตุ้นให้ร่างกายสะสมน้ำไว้ ทำให้ตัวบวม ตาบวมบางคนก็หน้าบวม (ฝันร้ายที่เป็นจริงชัด ๆ) ร่างกายรู้สึกอึดอัด ผิวพรรณหมอง ไม่สดใส อิดโรย ปวดหลัง คัด/เจ็บหน้าอก
ลดอาการบวมน้ำโดยการออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อขับเหงื่อและของเสียออกจากร่างกาย อาจใช้ความเย็นประคบได้บ้าง เช่น บริเวณดวงตา ลดอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และธัญพืชขัดสี เพราะกระตุ้นผิวอักเสบ ทำให้เซลล์เสื่อมและสิวขึ้นง่าย ควบคุมรสชาติอาหารไม่ให้เผ็ด เปรี้ยว หวาน มัน และเค็มมากเกินไป โดยเฉพาะรสเค็ม ดื่มน้ำให้มาก เลิกเครียด เพราะยิ่งเครียด ฝ้าที่มีอาจจะชัดขึ้น สิวขึ้น ผิวกร้านหมองได้ง่ายอีกด้วย
ควรทำความสะอาดผิวบริเวณน้องสาวให้ดี เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีและไม่ให้เกิดกลิ่นอับชื้น ซึ่งก่อให้เกิดเชื้อรา เชื้อโรค แบคทีเรียอันไม่พึงประสงค์ถ้าดูแลไม่ดีอาจเกิดการอักเสบ เป็นผื่นคันได้
5 Anti-Acne ltems
น้ำเกลือล้างแผล Klean & Kare : ใช้แทนโทนเนอร์ที่ส่วนใหญ่มีแอลกอฮอล์ซึ่งทำให้รูขุมขนกว้าง น้ำเกลือยังช่วยทำความสะอาดผิวที่อักเสบจากสิวได้อย่างอ่อนโยน หรือจะนำไปแช่เย็นแล้วชุบสำลีมาโปะหน้าก็กระชับรูขุมขนได้คะ ทำได้สารพัดทั้ง เช็ดตา ล้างตา ล้างจมูก ผสมผงพิเศษ เป็นต้น
ผงพิเศษ : มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ ช่วยสมานแผลสิว ทำให้แผลแห้งไว เมื่อโปะผงพิเศษผสมน้ำหรือน้ำเกลือบริเวณแผลสิวอักเสบที่มีหนอง หลังจากเอาหนองออกเรียบร้อยแล้ว แผลจะแห้งไวและรอยสิวไม่ค่อยมี
ผลิตภัณฑ์แต้มสิว Madame Heng Ozzy Oil : เป็นน้ำมันสกัดที่ไม่อุดตันรูขุมขน ทำให้สิวอักเสบที่ไม่มีหัวยุบลงได้ ถ้าเป็นสิวหนอง หัวสิวจะหลุดออกเอง
Ezerra Cream : ครีมสำหรับทาผิวแห้ง รักษาหน้าที่เป็นผื่น รักษาสิวผด สิวอักเสบ ช่วยลดอาการระคายเคืองจากการแพ้สารเคมีบนใบหน้า
แปรงล้างหน้า KURON : ใช้ทุกวันคู่กับมูสเพื่อทำความสะอาดรูขุมขน และคราบที่เกาะอยู่ให้เกลี้ยงหมดจดในขั้นตอนสุดท้ายหลังจากเช็ดเครื่องสำอางจนเกลี้ยง
การป้องกันสิวตั้งแต่เริ่มเป็นด้วยวิธีง่ายๆ ด้วยตัวเอง
ดูแลสภาพผิวให้ชุ่มชื้นอย่างสมดุล ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิว “หน้าที่มีโอกาสเป็นสิวน้อยที่สุด คือหน้าที่มีผิวชุ่มชื้นสมดุลไม่แห้งและไม่มันจนเกินไป”
1. ล้างหน้าเพียงแค่ 2 รอบเท่านั้น คือ เช้าและเย็น อย่าล้างหน้าบ่อย
2. ดูแลบำรุงผิวให้มีน้ำหล่อเลี้ยงชุ่มชื้นอย่างพอดี เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว ผิวต้องไม่แห้ง ไม่มันจนเกินไป
เลิกใช้มือหรือผ้าสัมผัสหน้าระหว่างวัน ไม่ว่าจะแตะ ถู ลูบ คลำ เกา จิก โดยเฉพาะเล็บซึ่งเป็นตัวการร้ายกาจ
นอนก่อนสี่ทุ่ม เพราะหลังจากนี้โกรทฮอร์โมนจะหลั่งออกมาตอนที่เราหลับสนิท ผิวหน้าที่มีปัญหาจะได้รับการซ่อมแซม พร้อม ๆ กับคอลลาเจนที่เริ่มเดินเครื่องผลิตผิวอันละเอียดเต่งตึง แต่งหน้าติดทนมากขึ้น ผิวละเอียด รูขุมขุนกอดกันแน่น สิวยุบตัวเร็ว ที่เห็นได้ชัดคือแผลจากสิวจางลงเร็วมาก
ถ้าอยากมีผิวพรรณที่ละเอียด รูขุมขนแน่น ต้องออกกำลังกายเท่านั้น ซึ่งเป็นการดีท็อกซ์ให้กับร่างกาย เอาของเสียออกและลดไขมันที่เกาะตามผนังลำไส้ สามารถช่วยเรื่องผิวได้
ผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ เดือนละ 1 – 4 ครั้ง ถ้าจะสครับหน้า ควรลงสบู่หรือโฟมล้างหน้าเพิ่มความนุ่มนวลก่อน อย่าทา สครับเพียว ๆ ลงไปบนหน้า ควรเลือกใช้สครับที่มีเม็ดละเอียดไม่บาดผิว
เลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะสมกับกิจกรรม ถ้าอยู่บ้านเฉย ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้แบบที่มีค่า SPF สูง ๆ เพราะถ้าล้างออกไม่หมดจะทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน อย่ายุ่งกับสิวโดยการแกะ แคะ เกา เป็นอันขาด อาจจะทายาฆ่าเชื้อได้ หรือปล่อยให้มันหายเองตามธรรมชาติ
ควรเลิกกินอาหารที่ใส่น้ำตาล หรือกินให้น้อยที่สุด เพื่อลดการอักเสบของผิว นอกจากนี้ควรกินผัก เพื่อช่วยขจัดคราบไขมันบนผิวหนัง ช่วยขับของเสีย เป็นการดีท็อกซ์ผิวและช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แถมยังหลั่งฮอร์โมนตัวดี นอกจากหุ่นจะดีแล้วผิวยังสุขภาพดีด้วย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
Japsen, Bruce (15 June 2009). “AMA report questions science behind using hormones as anti-aging treatment”. The Chicago Tribune. Retrieved 17 July 2009.
Stampfer, M., Hu, F., Manson, J., Rimm, E., Willett, W. (2000) Primary prevention of coronary heart disease in women through diet and lifestyle. The New England Journal of Medicine, 343 (1) , 16-23. Retrieved October 5, 2006, from ProQuest database.