ประโยชน์ของแอปริคอต (Apricots)
แอปริคอตเป็นผลไม้ที่ให้แคลอรี่ต่ำและมีเส้นใยสูง ช่วยให้อิ่มนาน และพลังงานที่ได้ไม่เหลือสะสมเป็นไขมันในร่างกาย

แอปริคอต

แอปริคอต ( Apricot ) มีชื่อทางวิทยาศาตร์ว่า Prunus Armeniaca L. คือ ไม้ยืนต้นขนาดกลางที่มีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนและได้แพร่พันธุ์ไปยังประเทศอิตาลีและประเทศอังกฤษในเวลาต่อมา ผลเป็นทรงกลมมีร่องตรงกลางผลคล้ายผลลูกท้อแต่ว่ามีขนาดเล็กกว่าลูกท้อ ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อนผลแก่มีสีส้มอมเหลืองมีขนอ่อนลักษณะคล้ายกำมะยี่รอบลูก เปลือกบาง เนื้อแน่นแห้ง มีเมล็ดภายในสีน้ำตาลเข้มถึงดำ เนื้อมีรสเปรี้ยว ผลสุกทานสดๆหรือจะนำมาตาก แห้งก็ได้ แอปลิคอตเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น แหล่งเพาะปลุกและส่งออกแอปริคอตที่สำคัญในปัจจุบันคือประเทศจีน อแฟริกา นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ออสเตเรีย

แอปริคอต คือ ผลไม้ที่มีคนนิยมนำมาตากแห้งแล้วรับประทานกัน เพราะสามารถเก็บไว้ได้นานและสารอาหารก็ยังคงอยู่เหมือนตอนที่เป็นผลสดเกือบทั้งหมด การรับประทานแอปริคอตนั้นสามารถรับประทานได้หลายแบบขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน จะแทนแบบผลแก่จัดจากต้นเลยก็ได้ แต่เวลารับประทานก็จะมีรสเปรี้ยวมากหรือจะนำไปปั่นเป็นน้ำแอปริคอตก็ได้เช่นเดียวกัน แอปริคอตยังได้นำมาแปรรูปเพื่อให้รับประทานได้ง่ายขึ้น เช่น น้ำเชื่อมแอปริคอต โยเกิร์ตผสมเนื้อแอปริคอต เบเกอรี่ต่างๆ แยม ขนมปัง เค้ก ไอศกรีม น้ำผลไม้ และที่นิยมรับประทานกันมากก็คือ แอปริคอตอบแห้งนั่นเอง นอกจากการรับประทานในรูปแบบต่างๆแล้ว แอปริคอตยังสามารถนำมาประทินโฉมด้วยการนำสารสกัดของแอปริคอตมาผสมในเครื่องสำอางค์ เช่น สบู่ มาร์กผอกหน้า เจลขัดผิว เป็นต้น สารสกัดที่ได้ช่วยบำรุงผิวและจัดการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนผิว สำหรับคนที่มีผลแอปริคอตสุกแบบสดนั้น ให้นำเนื้อมาปั่นให้ละเอียดและนำมาพอกหน้าจนทั่วทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาทีแล้วทำการล้างออกให้สะอาด วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนในเนื้อจะซึมเข้าผิวช่วยให้ผ่องดูเยาว์วัย

การซื้อ แอปริคอต สดเราควรที่จะเลือกซื้อในช่วงฤดูร้อนจะมีที่สุด เพราะผลผลิตที่ออกมาในท้องตลาดจะมีรสชาติและสารอาหารที่ดีกว่าในฤดูอื่น ควรเลือกผลที่จับแล้วมีเนื้อแน่น สีส้มอมเหลืองสดใสหรือสีส้มอมเขียว ไม่มีรอยช้ำดำบนผิว การเก็บรักษาถ้ายังรับประทานไม่หมดและไม่ต้องการให้สุกมากเกินไป ควรเก็บไว้ให้อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียลหรือเก็บไว้ในตู้เย็นก็ได้

ประโยชน์ของแอปริคอต

การที่ แอปริคอต ได้รับความนิยมทานกันก็เพราะว่าแอปริคอตเป็นผลไม้ที่ให้แคลอรี่ต่ำและมีเส้นใยสูงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนัก เส้นใยจากแอปริคอตจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มนานและพลังงานที่ได้ไม่เหลือสะสมเป็นไขมันในร่างกาย ทำให้ไขมันไม่ดีในเส้นเลือดมีอัตราการเกิดขึ้นน้อยลง ป้องกันการเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด หลอดเลือดอุดตันที่เป็นสาเหตุให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงหัวใจในปริมาณที่เพียงพอมีอัตราการเต้นที่สม่ำเสมอ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และเส้นใยที่ได้จากแอปริคอตทั้งแบบสดและอบแห้งจะเข้าไปช่วยระบบขับถ่ายทำการขับของเสียและสิ่งตกค้างภายในลำไส้ออกมาเป็นอย่างดี  ป้องกันอาการท้องผูกและสารพิษตกค้างในร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงเนื้อของแอปริคอตมีสีเหลืองที่อุดมไปด้วยสารเบตาแคโรทีนที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นดีช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ลดริ้วรอยแห่งวัยที่เกิดขึ้น ทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งขึ้น เบตาแคโรทีนยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างวิตามินเอที่ช่วยบำรุงระบบเซลล์ของระบบการมองเห็น ป้องกันการเสื่อมของเลนส์ดวงตา ลดความเสี่ยงในการเกิดต้อกระจก สำหรับผู้ที่เป็นอยู่แล้วสามารถชะลอการโตของต้อกระจกได้

วิตามินซี ที่มีอยู่แอปริคอตเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถต่อต้านการทำงานของอนุมูลอิสระในการทำลายเซลล์ และยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้ทำงานได้ดี ป้องกันการเกิดโรคต่างๆโดยเฉพาะโรคหวัด และโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด หลอดลมอักเสบ เป็นต้น

โพแทสเซียมและโซเดียม มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลท์ที่อยู่ในร่างกายให้อยู่ในสภาวะสมดุล เพราะถ้าสมดุลอิเล็กโทรไลท์ในร่างกายไม่สมดุลแล้วระบบการทำงานของจะเกิดความผิดปกติไปด้วย  และเข้าไปช่วยในการรักษาสมดุลของเกลืออีกด้วย ป้องกันอาการร่างกายบวมน้ำ และยังช่วยควบคุมการขยายของหลอดเลือดให้เป็นปกติ ป้องกันการเกิดโรคความดันโลหิตสูงด้วย

วิตามินบี 17 ( Amygdalin ) เป็นวิตามินที่มีอยู่ในเมล็ดของ แอปริคอต วิตามินบี 17 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันการทำลายยีนส์ในเซลล์ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งได้ สามารถควบคุมเซลล์มะเร็งไม่ให้ลุกลามมากขึ้นเมื่อมีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น และยังช่วยลดการเสื่อมของเซลล์สมองป้องกันการเกิดโรคความจำเสื่อมเมื่อสูงวัยได้อีกด้วย

เมื่อเราทราบถึงสารที่มีประโยชน์ใน แอปริคอต กันแล้ว หลายคนคงสงสัยว่าต้องทานเป็นจำนวนเท่าไหร่ถึงจะสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายหรือเพียงพอต่อการป้องกันโรคได้ แอปริคอตสด 3 ผลขนาดกลางนั้นจะให้ปริมาณโพแทสเซียมอยู่ทีประมาณ 300 มิลลิกรัม ซึ่งร่างกายคนเราต้องการโพแทสเซียมอยู่ที่ 3,000 มิลลิกรัม เพราะฉะนั้นโพแทสเซียมที่ได้รับจากแอปริคอตสด 30 ผลขนาดกลางนั้นมีปริมาณมากถึง 30% ทีเดียว ส่วนพลังงานที่ได้รับอยู่ที่ 50 แคลอรี แต่สำหรับแอปริคอตแห้งแบบผ่าซีกมาแล้วนั้นหรือประมาณ 5 ลูก ให้เบต้าแคโรทีนอยู่ที่ 6  มิลลิกรัมและโพแทสเซียมถึง 500 มิลลิกรัม ส่วนพลังงานที่ได้รับอยู่ที่ 80 แคลอรีเท่านั้น เรามาดูกันตารางเทียบปริมาณเบต้าเคโรทีนในแอปริคอตกับผลไม้ชนิดอื่นกันว่ามีปริมาณมากน้อยต่างกันอย่างไร เพื่อที่เราจะได้ตัดสินในการเลือกรับประทานในครั้งต่อไป

ปริมาณสารเบต้าแคโรทีน ( Beta Carotene Count )
ตารางปริมาณสารเบต้าแคโนทีนในผลไม้แต่ละชนิด

ชนิดผลไม้  ปริมาณผลไม้ ปริมาณแคลอรี ปริมาณเบต้าแคโรทีน (มิลลิกรัม)
แอปริคอตสุกสด  3 ผล 54  1.3
แอปริคอตตากแห้ง ผ่าครึ่ง 10 ชิ้น 83 6.0
แตงแคนตาลูปสด 1 ถ้วย 57 4.9
เกรฟฟรุตสด ขนาดกลาง ½ ผล 37  1.6
ฝรั่งสด ขนาดกลาง 1 ผล 45  0.7
มะม่วงสด  ขนาดกลาง 1 ผล 135  2.6
มะละกอสุกสด  ขนาดกลาง 1 ผล 117 0.3
ลูกพีชแห้ง  ผ่าครึ่ง 5 ชิ้น 155  5.5
แตงโมสด 1 ถ้วย 50  6.9

การรับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูงนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในผู้หญิง จากการศึกษาจากประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า คนที่รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูงอย่างต่อเนื่องแล้ว ผลการศึกษาพบว่าคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจลดลงเหลือน้อยกว่า 22 % เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ไม่ได้รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูงหรือรับประทานนานนานครั้ง ซึ่งการศึกษาดังกล่าวทำการศึกษาถึง 8 ปีจากกลุ่มคนจำนวนถึง 87,000 คนในประเทศสหรัฐอเมริกา และเมื่อมาทำการศึกษาในกลุ่มของผู้ชายก็พบว่าผลการศึกษานั้นคล้ายคลึงกัน

เมนูแนะนำ ทาร์ตแอปริคอต-ชีท 

ส่วนผสม 

  1. แอปริคอตสด 10 ผล

2. เนยแข็ง ริค็อตต้า 5 ช้อนโต๊ะ

3. น้ำตาลทรายแดง 0.5 ถ้วยตวง

4. ถั่วอัลมอนด์ซอย 0.5 ถ้วยตวง

ขั้นตอนการทำทาร์ตแอปริคอต  

1.ล้างทำความสะอาดผลแอปริคอตสุก นำมาผ่าแบ่งครึ่งลูกเอาเมล็ดภายในออก ตรงกลางจะเป็นรูไว้สำหรับใส่เนยในขั้นตอนต่อไป พร้อมนำมาจัดวางบนจานที่สามารถเอาเข้าเอาอบให้สวยงาม

2.นำเนยแข็งริคอตต้าที่เตรียมไว้มาใส่ตรงกลางลูก และหยดน้ำตาลทรายแดงลงไปบนเนยที่ใส่ไป ปริมาณ 1 ช้อนชาทุกชิ้น

3.นำเข้าเตาอบ โดยตั้งอุณหภูมิที่ 375 องศาเซลเซียส ทำการอบเป็นเวลา 20 นาที น้ำตาลทรายที่อยู่ด้านบนจะละลายจนหมด ถ้าน้ำตาลยังละลายไม่หมดให้ทำการอบต่ออีกประมาณ 5 นาที

4.นำออกจากเตาอบ จัดเรียงบนจานพร้อมเสิร์ฟ ทำการโรยอัลมอนด์บดด้านบน เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟได้เลย

ข้อมูลทางโภชนาการ

ทาร์ตแอปริคอต-ชีท    ขนาดเสิร์ฟ 1 ที่ ( แอปริคอต 2 ผล ยัดไส้แล้ว )

ปริมาณสารอาหารในแต่ละเสิร์ฟ
                                                        214 แคลอรี               74 แคลอรี่จากไขมัน
% คุณค่าสารอาหารต่อวัน

                      ไขมันรวม 8 กรัม                                          13%

                      ไขมันอิ่มตัว < 1 กรัม                                      7%

                      คอเลสเตอรอล 5 มิลลิกรัม                               2% 
                      โซเดียม 28 มิลลิกรัม                                     1%
                      คาร์โบไฮเดรตรวม 33 กรัม                            11%
เส้นใยอาหาร 3 กรัม                                     13% 

                      โปรตีน 5 กรัม
วิตามิน เอ 23%             วิตามิน ซี 12%               แคลเซียม 10%                  ธาตุเหล็ก 9%

แอปริคอต ประโยชน์ดีๆมีเยอะขนาดนี้ ต้องลองหามารับประทานกันนะคะ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

Paul Dickson (1994). War Slang: American Fighting Words & Phrases Since the Civil War. p. 267.

Michael M. Phillips (March 3, 2003). “Superstitions Abound at Camp As Soldiers Await War in Iraq”.