กล้วย
กล้วย (Banana) ที่นิยมทานในประเทศไทยมีอยู่หลายสายพันธุ์ อย่างเช่น กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยหักมุก ต่างชาตินิยมทานกล้วยหอม เพราะมีกลิ่นหอม มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่าการทานกล้วย 2 ลูก สามารถเพิ่มพลังงานในร่างกายได้เท่ากับออกกำลังกาย 90 นาที เนื่องจากกล้วยมีน้ำตาลจากธรรมชาติ 3 ชนิด ได้แก่ ซูโครส กลูโคส ฟรุกโทส มีเส้นใย กากอาหาร วิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์กับร่างกาย อย่างเช่น ธาตุเหล็ก ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุโพแทสเซียม ธาตุแมกนีเซียม คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 วิตามินซี
รู้หรือไม่ ว่าผลแอปเปิลที่ขึ้นชื่อว่ามีประโยชน์แต่ก็แพ้กล้วย เนื่องจากกล้วยมีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มากกว่าแอปเปิล 2 เท่า กล้วยมีคาร์โบไฮเดรตมากกว่าแอปเปิล 2 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่าแอปเปิล 3 เท่า มีโปรตีนมากกว่าแอปเปิล 4 เท่า และมีวิตามินเอ ธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า การทานกล้วยถ้าจะให้ผลดีที่สุดคือทานตอนเช้า เนื่องจากจะช่วยให้ระบบในร่างกายทำงานดี การทานกล้วยวันละ 2 ผล จะดีมาก ๆ จะทานกล้วยหอม กล้วยไข่ หรือกล้วยน้ำว้าก็ได้ทั้งนั้น
สรรพคุณของการทานกล้วย
- ช่วยบรรเทาอาการนิ่วในไตได้ระดับหนึ่ง สามารถลดอัตราการเกิดตะคริวที่มือ เท้า น่องได้
- สามารถช่วยรักษาแผลในลำไส้เรื้อรังได้ เนื่องจากกล้วยมีสภาพเป็นกลาง ทำให้ระคายเคืองในผนังลำไส้และกระเพาะอาหาร
- สามารถช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดเส้นโลหิตแตก
- สามารถช่วยรักษาโรคโลหิตจาง เนื่องจากกล้วยมีธาตุเหล็กสูง จะช่วยผลิตฮีโมโกลบินในเลือด รักษาภาวะโลหิตจาง หรือตนที่อยู่ในสภาวะขาดกำลัง
- สามารถบรรเทาอาการของริดสีดวงทวารหรือเวลาที่ขับถ่ายแล้วมีเลือดออกมาได้
- สามารถช่วยคนที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ได้ เนื่องจากกล้วยมีวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 โพรแทสเซียม แมกนีเซียม ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้นจากการเลิกนิโคติน
- สามารถลดอาการหงุดหงิดของผู้หญิงช่วงที่ประจำเดือนมาได้
- สามารถช่วยอาการนอนไม่หลับ
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยชะลอความแก่ของร่างกายได้
- มีวิตามินและแร่ธาตุ ที่สำคัญและจำเป็นกับร่างกาย อย่างเช่น ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 วิตามินซี
- สามารถลดกลิ่นปากได้ดีระดับหนึ่ง ควรทานทันทีหลังตื่นนอนตอนเช้าแล้วค่อยแปรงฟัน ถ้าเป็นกล้วยน้ำว้าจะสามารถลดกลิ่นปากได้ดีขึ้น
- บรรเทาอาการแพ้ท้องของมารดาลง
- สามารถรักษาโรคซึมเศร้า และภาวะความเครียดได้ เนื่องจากกล้วยจะมีโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Tryptophan จะช่วยผลิตสาร Serotonin หรือฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ได้ดี
- คนที่เป็นโรคกระเพาะหรือกระเพาะอักเสบ การทานกล้วยบ่อย ๆ จะดีมาก เนื่องจากกล้วยมีสภาพเป็นกลาง มีความนิ่ม และมีเส้นใยสูง
- สามารถช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง เส้นเลือดฝอยแตกได้
- สามารถลดอาการเสียดท้อง ลดกรดในกระเพาะได้ การทานกล้วยจะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากอาการได้
- สามารถช่วยรักษาอาการท้องผูกได้ เนื่องจากกล้วยมีเส้นใยกับกากอาหาร จะช่วยให้ขับถ่ายได้ปกติ
- สามารถลดอาการเมาค้างได้ดีในระดับหนึ่ง เนื่องจากจะช่วยชดเชยน้ำตาลที่ร่างกายขาดขณะที่ดื่มแอลกอฮอล์
- สามารถช่วยอาการหงุดหงิดตอนเช้าได้
- ช่วยลดความอ้วนได้ เนื่องจากช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด และลดอาการที่อยากกินของจุกจิกได้
- สามารถเพิ่มพลังให้สมองได้ เนื่องจากมีสารช่วยทำให้เกิดสมาธิและตื่นตัวตลอดเวลา
- ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้ปกติได้
- นำผลดิบมาบดให้ละเอียดทั้งลูกผสมน้ำ สามารถใช้ทานแก้อาการท้องเสียได้
ประโยชน์ของกล้วย
- สามารถนำใบอ่อนของกล้วยมาอังไฟให้นิ่ม ใช้ประคบแก้อาหารเคล็ดขัดยอก
- สามารถนำยางของกล้วยสามารถมาใช้ห้ามเลือดได้
เปลือกด้านในของกล้วย สามารถช่วยรักษาโรคหูดบนผิวหนัง ด้วยการใช้เปลือกกล้วยวางบริเวณหูด ใช้เทปกาวแปะไว้ - สามารถนำกล้วยมาทำที่มาส์กหน้าได้ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ลดความหยาบกร้านของผิว โดยใช้กล้วยสุก
- ผลมาบดให้ละเอียด เติมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ แล้วคลุกให้เข้ากัน ใช้พอกหน้าไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ใบตอง สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ อย่างเช่น ทำกระทง ห่อขนม ห่ออาหาร ทำบายศรี และงานบวงสรวงต่าง ๆ
สามารถทานหัวปลี ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด บำรุงและขับน้ำนมสำหรับมารดาหลังคลอดบุตรได้ - ก้านใบตอง สามารถลดอาการบวมของฝีได้ แต่ต้องตำให้แหลกก่อนใช้
- เปลือกกล้วยด้านใน สามารถช่วยฆ่าเชื้อที่เกิดจากบาดแผลได้ เมื่อแปะที่บาดแผลแล้วควรเปลี่ยนเปลือกใหม่ทุก 2 ชั่วโมง
- เปลือกของกล้วย สามารถช่วยแก้ผื่นคันที่เกิดจากยุงกัด โดยลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาตรงที่ถูกยุงกัด จะช่วยลดอาการคันได้ในระดับหนึ่ง
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม ของกล้วย
สารอาหาร | ปริมาณสารที่ได้รับ |
วิตามินบี 1 | 0.031 มิลลิกรัม 3% |
วิตามินบี 2 | 0.073 มิลลิกรัม 6% |
วิตามินบี 3 | 0.665 มิลลิกรัม 4% |
วิตามินบี 5 | 0.334 มิลลิกรัม 7% |
วิตามินบี 6 | 0.4 มิลลิกรัม 31% |
วิตามินบี 9 | 20 ไมโครกรัม 5% |
วิตามินซี | 8.7 มิลลิกรัม 10% |
คาร์โบไฮเดรต | 22.84 กรัม |
เส้นใย | 2.6 กรัม |
โปรตีน | 1.09 กรัม |
น้ำตาล | 12.23 กรัม |
ไขมัน | 0.33 กรัม |
โคลีน | 9.8 มิลลิกรัม 2% |
ธาตุแมกนีเซียม | 27 มิลลิกรัม 8% |
ธาตุฟอสฟอรัส | 22 มิลลิกรัม 3% |
ธาตุโซเดียม | 1 มิลลิกรัม 0% |
ธาตุฟลูออไรด์ | 2.2 ไมโครกรัม |
ธาตุเหล็ก | 0.26 มิลลิกรัม 2% |
ธาตุแมงกานีส | 0.27 มิลลิกรัม 13% |
โพแทสเซียม | 358 มิลลิกรัม 8% |
ธาตุสังกะสี | 0.15 มิลลิกรัม 2% |
พลังงาน | 89 กิโลแคลอรี |
ข้อมูลจาก USDA Nutrient database
สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth
แหล่งอ้างอิง
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN), USDA Nutrient database
รูปจาก : fruitpeople ,naturehills