

กำลังพญาเสือโคร่ง
กำลังพญาเสือโคร่ง มีถิ่นกำเนิดมาจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย พบได้ในที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 800-1,000 เมตร เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดน่าน ชื่อสามัญ คือ Birch กําลังพญาเสือโคร่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Betula alnoides Buch.-Ham. ex D.Don จัดอยู่ในวงศ์กำลังเสือโคร่ง (BETULACEAE) ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือ กำลังเสือโคร่ง (เชียงใหม่), พญาเสือโคร่ง, นางพญาเสือโคร่ง (คนเมือง), ลำแค ลำแคร่ ลำคิแย (ลั้วะ), เส่กวอเว (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ลักษณะของต้นกำลังพญาเสือโคร่ง
- ต้น
– จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นสูงขนาดใหญ่
– มีความสูงได้ถึง 20-40 เมตร
– วัดรอบลำต้นได้ประมาณ 1-2 เมตร
– เปลือกต้นมีสีน้ำตาลเทาหรือเกือบดำ
– เปลือกมีต่อมระบายอากาศเป็นจุดเล็ก ๆ สีขาว มีความกลมหรือรีปะปนกันอยู่
– เปลือกมีกลิ่นคล้ายกับการบูร
– เมื่อแก่จะลอกออกเป็นชั้น ๆ คล้ายกระดาษ
– ที่ยอดอ่อน ก้านใบ และช่อดอกจะมีขนสีเหลืองหรือสีน้ำตาลปกคลุมอยู่
– ของเนื้อไม้ กระพี้ และแก่นมีสีต่างกันเพียงเล็กน้อย
– เนื้อไม้มีสีน้ำตาลอ่อนออกเหลืองปนขาวหรือค่อนข้างขาว
– เนื้ออ่อนค่อนข้างละเอียด มีเสี้ยนตรง มีลวดลายที่สวยงาม
– สามารถไสกบตบแต่งได้โดยง่าย ขัดเงาได้ดี
– สามารถขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด - ใบ
– ใบเป็นรูปไข่แกมรูปหอกหรือเป็นรูปหอก
– ใบ มีความกว้าง 1.5-6.5 เซนติเมตร และยาว 6.55-13.5 เซนติเมตร
– เนื้อใบบางคล้ายกระดาษหรืออาจจะหนา
– ด้านใต้ของใบมีตุ่ม
– ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อยสองถึงสามชั้น หยักแหลม
– ขอบซี่เรียวแหลม
– โคนใบป้านหรือเกือบเป็นเส้นตรง
– ปลายใบเรียวแหลม
– มีเส้นกลางใบเป็นร่องตื้น ๆ
– ทางด้านหลังใบเส้นแขนง 7-10 คู่
– หูใบเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือแคบ
– ยาวประมาณ 3-8 มิลลิเมตร
– ก้านใบเป็นร่องลึกด้านบนยาว 0.5-2.5 เซนติเมตร - ดอก
– ดอกคล้ายกับหางกระรอก
– ออกตามง่ามใบแห่งละ 2-5 ช่อ
– ดอกย่อยไม่มีก้าน
– ช่อดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่แยกกัน
– โดยช่อดอกเพศผู้ยาว 5-8 เซนติเมตร
– มีกลีบรองดอกเป็นรูปกลมหรือรูปโล่
– มีแกนอยู่ตรงกลาง
– ปลายค่อนข้างแหลม
– มีขนอยู่ที่ขอบ
– เกสรตัวผู้มีอยู่ 4-7 ก้าน ติดอยู่ที่แกนกลาง
– ช่อดอกเพศเมียมีความยาว 3-9 เซนติเมตร
– กลีบรองดอกไม่มีก้าน มี 3 หยัก มีความยาว 2-2.5 มิลลิเมตร
– ด้านนอกมีขน
– รังไข่แบน
– กรอบนอกเป็นรูปไข่หรือเกือบกลม
– ท่อรังไข่จะยาวกว่ารังไข่เล็กน้อย มีความกว้าง 2.5-3 มิลลิเมตรและยาว 2.5-4 มิลลิเมตร
– มีปีกบางและโปร่งแสง
– ออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ - ผล
– ผลแบน มีความกว้าง 2-3 มิลลิเมตร และยาว 2-14 มิลลิเมตร
– มีปีก 2 ข้าง ปีกบางและโปร่งแสง
– ผลแก่ร่วงง่าย
– ออกผลในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์
สรรพคุณของกำลังพญาเสือโคร่ง
- เปลือกต้น ช่วยบำรุงเลือด
- เปลือกต้น สามารถใช้เป็นยาอายุวัฒนะได้
- เปลือกต้น ช่วยทำให้เจริญอาหาร
- เปลือกต้น สามารถใช้ต้มเป็นยาบำรุงธาตุในร่างกายได้
- เปลือกต้น ช่วยขับลมในลำไส้
- เปลือกต้น ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร
- เปลือกต้น ช่วยชำระล้างไตให้สะอาดมากขึ้น
- เปลือกต้น ช่วยบำรุงเส้นเอ็นให้แข็งแรง
- เปลือกต้น สามารถใช้ดมแก้อาการหน้ามืดตาลายได้
- เปลือกต้น ช่วยอาการปวดฟัน ป้องกันฟันผุ
- เปลือกต้น ช่วยบำบัดอาการของผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับมดลูกของสตรีไม่สมบูรณ์ หรือมดลูกชอกช้ำหรืออักเสบอันเนื่องมาจากการถูกกระทบกระเทือน
- เปลือกต้น สามารถใช้ทำเป็นยาดองเหล้าดื่มเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกายได้
- ราก สามารถใช้ต้มเป็นน้ำดื่มร่วมกับรากโด่ไม่รู้ล้ม ใช้ดื่มเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้
ประโยชน์ของกำลังพญาเสือโคร่ง
- เปลือก สามารถนำมาใช้ทำเป็นยาได้
- เปลือก สามารถใช้ทำเป็นการบูรและใช้ทำเป็นกระดาษได้
- เปลือก สามารถนำมาบดให้ละเอียดใช้ผสมกับแป้งทำเป็นขนมปังหรือเค้กได้ (ข้อมูลจากเกษตรอินทรีย์)
- เนื้อไม้ สามารถนำไปใช้ทำเป็นกระดานพื้น ทำเครื่องเรือนได้
- เนื้อไม้ สามารถนำไปใช้ในการก่อสร้างต่าง ๆ ทำเป็นด้ามเครื่องมือได้
วิธีใช้เปลือกต้นต้มเป็นยา
- ให้ใช้เปลือกต้นที่ถากออกจากลำต้นพอประมาณตามความต้องการ
- นำมาใส่ในภาชนะ ต้มกับน้ำให้เดือดแล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ
- น้ำสมุนไพรที่ได้จะเป็นสีแดง แล้วใช้รับประทานในขณะอุ่น ๆ
- จะทำให้มีสรรพคุณทางยามากขึ้น
- หากทำเป็นยาดองเหล้า สีที่ได้จะแดงเข้มมาก
- ถ้าต้องการจะปรุงรสก็ให้เติมน้ำผึ้งกับโสมตังกุยตามต้องการ
สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth
แหล่งอ้างอิง
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, เว็บไซต์สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน),