ต้นลีลาวดี
เป็นไม้สลัดใบในฤดูแล้ง พุ่มใบสวยงาม มีน้ำยางสีขาวข้น กิ่งเปราะหักง่าย ดอกมีสีสันสวยงามมีหลายสี กลิ่นหอม

ต้นลีลาวดี

ลีลาวดี หรือ ลั่นทม เป็นไม้ดอกยืนต้นในวงศ์ตีนเป็ด หรือ วงศ์ไม้ลั่นทม พืชสกุลนี้ส่วนใหญ่เป็นพุ่มไม้ผลัดใบหรือต้นไม้ขนาดเล็ก ถิ่นกำเนิดอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่เม็กซิโก อเมริกากลาง และหมู่เกาะแคริบเบียน ไปจนถึงภาคใต้ของบราซิลและฟลอริดา เป็นไม้ดอกที่มีสีสันสวยงามมีหลายสี เช่น ขาว เหลืองอ่อน แดง ชมพู ฯลฯ  บางดอกก็มีมากกว่า 1 สี และมีกลิ่นหอม มีชื่อสามัญว่า คือ Plumeria, Frangipani, Temple tree ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า คือ Plumeria spp. จัดอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE) ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือ จำปา, จงป่า (กาญจนบุรี), จำปาลาว (ภาคเหนือ), จำปาขาว (ภาคอีสาน), จำปาขอม (ภาคใต้), ไม้จีน (ยะลา), มอยอ (นราธิวาส), จำไป (เขมร)

ตำนานความเชื่อของลั่นทม

ในสมัยก่อนนั้นต้นลั่นทมเป็นไม้ที่ถูกนำเข้ามาจากเขมร ซึ่งมีชื่อเดิมว่า “ต้นขอม” เมื่อครั้งที่ไปตีนครธมจนได้รับชัยชนะ จึงได้มีการนำต้นไม้ชนิดนี้เข้ามาปลูก ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นที่ระลึกว่า “ลั่นธม” คำว่า ลั่น แปลว่า ตีฆ้อง ลั่นฆ้อง หรือลั่นกลอง คำว่า ธม มาจากคำว่า “นครธม” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อลั่นธม และเพี้ยนจนกลายมาเป็น “ลั่นทม” ในปัจจุบัน ในประเทศไทยมีความเชื่อมาตั้งแต่โบราณว่าไม่ควรปลูกต้นลั่นทมไว้ในบริเวณบ้าน เนื่องจากมีชื่ออัปมงคล เพราะคำว่า “ลั่นทม” ไปพ้องกับคำว่า “ระทม” ซึ่งแปลว่า ความทุกข์ใจ เศร้าโศก ได้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่ก็คือ “ลีลาวดี” เป็นชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีความหมายว่า “ดอกไม้ที่มีท่วงท่าสวยงามและอ่อนช้อย” ในปัจจุบันได้รับความนิยมและปลูกกันอย่างแพร่หลาย พันธุ์ที่นิยมในการปลูกคือ “พันธุ์ขาวพวง” หรือพันธุ์ดั้งเดิม

ลักษณะของลีลาวดี

  • ต้น เป็นไม้พุ่ม สูง 3-6 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาและพุ่มใบสวยงาม มีน้ำยางสีขาวข้น เป็นไม้สลัดใบในฤดูแล้ง กิ่งที่ยังไม่แก่จะมีสีเขียวอ่อนนุ่ม ดูเกือบจะอวบน้ำ ส่วนกิ่งแก่มีสีเทามีรอยตะปุ่มตะป่ำ กิ่งเปราะหักง่าย เปลือกลำต้นหนาต้นที่โตเต็มที่แล้วจะพัฒนาจนกระทั่งมีความแข็งแรงมากขึ้น
  • ใบ เป็นใบเดี่ยว มีการเรียงตัวแบบสลับและหนาแน่นใกล้ปลายกิ่ง มีลักษณะแตกต่างกันไปทั้งรูปร่าง ขนาด สี และความหนาแน่น โดยทั่วไปใบจะหนา เหนียวแข็ง และมีสีตั้งแต่สีเขียวอ่อนถึงสีเขียวเข้ม มีเส้นกลางใบแตกสาขาออกไปคล้ายขนนก ขนาดใบแตกต่างกัน
  • ดอก ดอกจะผลิออกมาจากปลายยอดเหนือใบ เห็นเป็นช่อดอกใหญ่สวยงาม แต่ก็มีบางชนิดที่ออกช่อดอกระหว่างใบ หรือใต้ใบบางชนิดห้อยลงบางชนิดตั้งขึ้น ในหนึ่งช่อจะมีดอกบานพร้อมกัน 10–30 ดอก บางต้นที่มีความสมบูรณ์เต็มที่อาจมีดอกมากกว่า 100 ดอก ต่อ 1 ช่อ โดยจะออกดอกประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน บางพันธุ์สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี เช่น พันะุขาวพวง ลักษณะของ ดอก โดยทั่วไปจะมีขนาดใหญ่ถึงกลาง ยกเว้นบางพันธุ์ที่มีขนาดเล็ก กลีบดอกมี 5 กลีบ
  • ผล ฝักกคู่รูปยาวรี ยาวประมาณ 15 ซม. ตรงกลางโป่งพองเล็กน้อย บริเวณขั้วและปลายแหลม ผิวเปลือกเรียบสีเขียว ฝักแก่เปลี่ยนเป็นสีแดง และสีน้ำตาลปนดำ เมื่อฝักแก่จนแห้งจะแตกเป็นสองซีก
  • เมล็ด แบนรูปรี มีปีกติดด้านหนึ่ง สามารถปลิวไปตามลมได้
  • ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่งแก่ หรือเพาะเมล็ดในกรณีการผสมสายพันธุ์ชนิดใหม่

สายพันธุ์ต้นลีลาวดี

  • Belle Vista มีชื่อไทยว่า สุปราณี พิงค์ เป็นพันธุ์ที่ออกดอกง่าย ดอกมีสีชมพูหวาน ขนาดดอกกลาง ๆ ไม่ใหญ่มาก ลักษณะกลีบดอกหน้านอกเป็นสีชมพูเข้มไล่อ่อน กลีบดอกด้านในเป็นสีเหลือง ส่วนลำต้นจะไม่ใหญ่มาก ความสูงไม่เกิน 1-2 เมตร
  • Puu Kahea มีชื่ออื่นอีก คือ O Sullivan และ Fiesta เกิดจากการผสมเกสรโดยธรรมชาติของพันธุ์สีแดง 2 สายพันธุ์ คือ Plumeris robra forma acuminata กับ Plumeria rubra เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ทรงพุ่มแน่น ใบรูปหอกกลับปลายเรียวแหลม แผ่นใบแข็งสีเขียวขอบแดง ก้านใบสีเขียวเหลือบแดง ดอกใหญ่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่แรงมาก
  • Madam Poni เป็นลูกผสมที่ลักษณะดอกแปลกกว่าทั่วไป ดอกต้นเดียวกันบานพร้อมกันก็ยังไม่ค่อยเหมือนกัน บางทีเรียกกันว่าค็อกสกรู (Cockscrew) หรือสตาร์ (Star) ตามลักษณะกลีบดอกที่บิดและเป็นแฉกปลายแหลม 5 แฉกคล้ายดาว ดอกมีกลิ่นหอมมาก
  • Aztec Gold เป็นพันธุ์ที่ดอกมีกลิ่นหอมเฉพาะคล้ายกลิ่นลูกท้อสุก ใบมีลักษณะรูปหอก ปลายแหลมสีเขียวมะกอด ก้านใบสีเขียวเหลือบแดง เมื่อตอนบานใหม่ ๆ จะเป็นสีทองเข้ม มีแถมชมพูแซมจากด้านหลัง แต่พอนานไป ขอบกลีบจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีเป็นสีขาว
  • Pink Pansy เป็นไม้นอกพันธุ์แท้ สีขาว-ชมพู ดอกขนาดกลาง-ใหญ่ ดอกกลม ทรงดอกเป็นรูปถ้วย ออกดอกดกตลอดทั้งปี ช่อใหญ่ มีกลิ่นหอมมาก ๆ หอมโชยแบบหอมหวาน ขนาดต้นสูงพอประมาณ ขนาด 1.5 เมตร
  • Moonlight เป็นพันธุ์สีเหลืองอ่อน ออกดอกเป็นช่อใหญ่ ก้านดอกมีความแข็งแรง ทรงต้นไม่ใหญ่มาก สามารถปลูกในพื้นที่ไม่มากได้ จัดเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยม
  • India เป็นพันธุ์สีแดง (Plumeria ruba) เป็นลูกผสมที่สวยทั้งดอกและใบ ดอกใหญ่สีเหลืองอมส้ม กลิ่นหอมเหมือนผลไม้ ใบมันเงาเล็กน้อย แตกกิ่งในแนวตั้ง ช่วงกิ่งยาว
  • Kimi Moragne ในประเทศไทยเรียกว่า เกรนนี่โรรอง เป็นพันธุ์สีชมพูอมสีม่วง มีกลิ่นหอมและช่อดอกขนาดใหญ่ ประมาณ 4 นิ้ว เป็นลูกผสมระหว่าง เกสรตัวผู้ Scott Pratt กับเกสรตัวเมีย Daisy Willcox เป็นลีลาวดีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มีกลิ่นหอม และมีดอกติดต้นประมาณ 8 เดือนในหนึ่งปี
  • My Valentine เป็นพันธุ์ที่มีกลีบดอกโต กลีบดอกมีขาว-ชมพู กลิ่นหอมหวานคล้ายดอกกุหลาบ
  • ขาวพวงแคระ เป็นไม้พุ่มเตี้ย ต้นสูงไม่เกิน 1.5- 2 เมตร กลีบดอกเป็นรูปรีสีขาวสะอาด ตรงกลางมีสีเหลืองสดอย่างเห็นได้ชัด ขนาดดอก 3 นิ้ว ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยไม่น้อยกว่า 40-50 ดอก ช่อดอกตั้งขึ้นปลายแยกเป็นกลีบดอก 5 กลีบ ซ้อนเหลื่อมกันเล็กน้อย
  • พวงหยก เป็นพันธุ์ที่มีสีเหลืองอมส้มอ่อน กลีบดอกกลมใหญ่ ขอบกลีบสีแดงเข้ม หลังดอกมีสีแดง กลิ่นหอมอ่อน บานเป็นช่อ
  • เพชรพัชราภรณ์ เป็นพันธุ์ที่มีไม้สีเนื้อ หรือสีน้ำตาล มีช่อดอกแน่นเป็นกระจุก ทรงต้นคอมแพ็ค เหมาะสำหรับคนพื้นที่ไม่มากด้วย พอออกดอกแรก ๆ จะสีมีน้ำตาลอ่อน ๆ แล้วค่อยจางเป็นสีเนื้อ มีกลิ่นหอม ส่วนใบจะสีเส้นสีแดงพาดอยู่
  • เหลืองศิริมงคล เป็นพันธุ์ที่พบในประเทศไทยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง มีสีเหลืองสด กลิ่นหอมจาง ๆ ลักษณะกลีบดอกจะเล็ก ๆ เมื่อบานแล้วมองดูคล้ายรูปดาว
  • สังวาลย์ทับทิม เป็นพันธุ์ลูกไม้ใหม่มาแรง กลีบดอกเป็นสีชมพูออกเป็นบานเย็น ฟอร์มดอกกลมมีขนาดดอกใหญ่ ช่อดอกดกพอสมควร
  • พันธุ์ขาวพวง เป็นพันธุ์โบราณดั้งเดิมที่มีในประเทศไทยแรก ๆ จะเห็นตามวังเก่า ๆ หรือวัดทั่ว ๆ ไป ออกดอกดกมาก ช่อดอกใหญ่มี 10-15 ดอก มีกลิ่นหอมเย็น ๆ

ข้อควรระวัง

  • ทุกส่วนของต้นจะมียางสีขาวขุ่นซึ่งจะเป็นพิษ
  • สารที่เป็นพิษคือกรด Plumeric acid
  • หากสัมผัสยางจะทำให้เกิดผื่นคันตามผิวหนัง ผิวหนังอักเสบบวมแดง
  • ต้น กิ่ง มีความเปราะและหักง่าย
  • อาจจะไม่เหมาะที่จะปลูกไว้ในบ้านที่มีเด็กซุกซนอยู่

สรรพคุณของต้นลีลาวดี

  • ราก ช่วยรักษาไข้หวัด
  • ราก ช่วยขับเหงื่อ แก้ร้อนใน
  • เปลือกราก ช่วยขับลมในกระเพาะ
  • เปลือกราก ใช้เปลือกรากปรุงเป็นยารักษาโรคหนองใน
  • เปลือกต้น สามารถนำมาใช้ทำเป็นยาแก้ท้องเดิน
  • เปลือกต้น สามารถนำมาใช้ทำเป็นยาขับปัสสาวะ
  • เปลือกต้น ช่วยขับระดู
  • เปลือกต้น ช่วยรักษาโรคโกโนเรียหรือโรคหนองในแท้
  • ดอกและเปลือกต้น สามารถนำมาใช้ทำเป็นยาแก้ไข้และไข้มาลาเรียได้
  • เนื้อไม้ สามารถนำมาใช้ปรุงเป็นยาแก้ไอได้
  • ยางและแก่น ช่วยถ่ายเสมหะและโลหิต
  • ใบแห้ง ช่วยรักษาโรคหืดหอบ
  • ยางจากต้น สามารถนำมาใช้ทำเป็นยาแก้อาการปวดฟันได้
  • ต้น สามารถนำมาใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคลำไส้พิการของม้าได้
  • เนื้อไม้ ยางจากต้น เปลือกราก และเปลือกต้น สามารถนำมาใช้ปรุงเป็นยาถ่ายได้
  • ฝัก สามารถนำมาใช้ฝนเพื่อนำมาใช้ทาแก้ริดสีดวงทวารได้
  • เปลือกต้น ช่วยขับระดู
  • เนื้อไม้ ช่วยในการขับพยาธิ
  • ยางและแก่น ช่วยรักษากามโรค
  • ยางจากต้นและเปลือกราก ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ
  • ใบสด สามารถนำมาใช้ชงกับน้ำร้อนรักษาหิดได้
  • ใบสด สามารถนำมาลนไฟประคบร้อนช่วยแก้อาการปวดบวมได้
  • ยางและแก่น สามารถนำมาใช้ปรุงเป็นยาถ่ายพิษทั้งปวงได้
  • ดอก สามารถนำมาใช้ทำธูปได้
  • ยางจากต้น สามารถนำมาใช้ผสมกับไม้จันทน์และการบูรทำเป็นยาแก้คันได้

ประโยชน์ของต้นลีลาวดี

  • กลิ่นของดอก จะช่วยทำให้นอนหลับได้สบาย
  • มีความเชื่อที่ว่ากลิ่นของดอก ช่วยลดความรู้สึกทางเพศ ซึ่งเหมาะสำหรับนักบวชและผู้ฝึกตน ที่ไม่ต้องการให้กามอารมณ์มากวนใจ
  • นิยมนำมาใช้ในการจัดสวนเพื่อตกแต่งภูมิทัศน์

สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth

แหล่งอ้างอิง : สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)

อ้างอิงรูปจาก
1. https://www.plantsrescue.com/
2. https://gardenerspath.com/
3. https://www.flickr.com/