ช้อยนางรำ
ช้อยนางรำ มักจะขึ้นเองตามธรรมชาติที่ป่าชื้นทั่วไป หรืออาจจะพบเจอชาวบ้านที่ปลูกเอาไว้ตามบ้าน และอาจพบเห็นได้จากสวนหลังวัดพญา ในปัจจุบันนี้พบเจอได้ค่อนข้างยาก ชื่อสามัญ Telegraph plant, Semaphore plant
ชื่อวิทยาศาสตร์ Codariocalyx motorius (Houtt.) H.Ohashi ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Codariocalyx gyrans (L.f.) Hassk., Codoriocalyx motorius var. glaber X.Y. Zhu & Y.F. Du, Desmodium gyrans (L.f.) DC., Desmodium gyrans var. roylei (Wight & Arn.) Baker, Desmodium motorium (Houtt.) Merr., Desmodium roylei Wight & Arn., Hedysarum gyrans L.f., Hedysarum motorium Houtt., Meibomia gyrans (L.f.) Kuntze จัดอยู่ในวงศ์ จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่ว FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)[1],[2],[3] ชื่ออื่น ๆ แพวแดง (อรัญประเทศ), ค่อยช้างรำ ช้อยช่างรำ นางรำ (ประเทศไทย), เคยแนะคว้า (ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), ว่านมีดยับ หว้านมีดยับ (จังหวัดลำพูน), แพงแดง (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) เป็นต้น[1],[2],[3]
ลักษณะของต้นช้อยนางรำ
- ต้น
– เป็นพันธุ์ไม้พุ่มที่มีขนาดเล็ก อยู่ในจำพวกหญ้า
– ประมาณ 90 เซนติเมตร
– เป็นพืชว่านชนิดหนึ่ง แต่ไม่ใช่พืชที่ลงหัวอย่างว่านทั่ว ๆ ไป
– ลำต้นมีผิวเปลือกเป็นสีไม้แห้ง[1],[2],[3]
– ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด - ใบ
– ใบจะแยกออกเป็นใบย่อย 3 ใบ โดยใบย่อยแต่ละใบจะมีลักษณะรูปร่างเป็นรูปไข่ ปลายใบมน
– แผ่นใบมีสีเป็นสีเขียว ผิวใบด้านบนมีความเป็นมัน ส่วนใบด้านล่างมีขนขึ้นปกคลุม[1],[2]
– ใบมีขนาดความกว้างอยู่ที่ประมาณ 1-3 เซนติเมตร และมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 2-7 เซนติเมตร - ดอก
– ดอกจะแทงออกจากด้านข้างหรือที่ปลายยอดของกิ่งก้าน โดยจะออกดอกในลักษณะที่เป็นช่อดอกแบบติดกับดอกสลับ
– ก้านช่อดอกจะมีขนขึ้นปกคลุม ดอกมีขนาดเล็ก มีรูปร่างลักษณะคล้ายดอกถั่วแปบ แต่มีขนาดเล็กกว่าดอกถั่วแปบมาก
– กลีบดอกมีสีเป็นสีม่วงปนกับสีขาวหรือสีม่วงแดง และดอกมีกลีบเลี้ยงมีลักษณะรูปร่างเป็นรูปกระดิ่ง[1],[2] - ผล
– ผลมีลักษณะรูปร่างเป็นฝักแบน โดยฝักจะมีขนาดความกว้างอยู่ที่ประมาณ 0.3 เซนติเมตร และมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 2.5 เซนติเมตร - เมล็ด
– ภายในฝักจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 2-6 เมล็ด
– เมล็ดมีลักษณะรูปทรงคล้ายกับเมล็ดของถั่วดำ แต่จะมีขนาดเท่ากับหัวไม้ขีด เมล็ดมีสีเป็นสีดำ[1]
สรรพคุณของต้นช้อยนางรำ
1. ลำต้นนำมาใช้ทำเป็นยารักษาฝีภายใน และฝีในท้อง (ลำต้น)[2]
2. ลำต้นมีสรรพคุณในการนำมาใช้ทำเป็นยาดับพิษร้อนภายในร่างกายได้ (ลำต้น)[2]
3. ต้น ราก และใบนำมาใช้ทำเป็นยาแก้ไข้ประสาทพิการ และแก้ไข้รำเพรำพัด (ต้น, ราก, ใบ)[2],[3]
4. ต้น ราก และใบนำมาต้มใช้สำหรับดื่มเป็นยาที่มีสรรพคุณในการรักษาอาการเจ็บป่วย (ต้น, ราก, ใบ)[3]
5. แพทย์แผนโบราณจะนำต้น ราก และใบโขลกให้ละเอียดจากนั้นนำมากวนกับปรอทในปริมาณน้ำหนักที่เท่ากัน ๆ จะส่งผลทำให้ปรอทแข็งตัวได้ (ต้น, ราก, ใบ)[3]
6. ต้น ราก และใบนำมาต้มกับน้ำใช้สำหรับดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ (ต้น, ราก, ใบ)[2],[3]
7. ใบนำมาต้มเข้ากับตัวยาอื่น ๆ (ส่วนมากมักจะใช้เข้ากับยาแผนโบราณ) (ใบ)[2]
8. ใบนำมาใช้ทำเป็นยาสำหรับบรรเทาอาการไข้ตัวร้อน และแก้ฝีภายใน (ใบ)[2]
ประโยชน์ของต้นช้อยนางรำ
1. สามารถนำปลูกไว้ดูเล่นเป็นไม้ประดับที่ดูแปลกหูแปลกตาได้ แต่ค่อนข้างเลี้ยงดูได้ยาก[1]
2. ในปัจจุบันนี้ชาวอุดรธานีจะนำใบทำเป็นใบชาแห้งเพื่อจัดจำหน่ายเป็นสินค้าโอท็อปของจังหวัด[3]
3. เป็นพรรณไม้ที่มีความเชื่อในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ซึ่งย้อนกลับไปสมัยโบราณที่มีการเรียกว่านนี้ว่า “ว่านกายสิทธิ์” ทำให้มีการนับถือพรรณไม้ชนิดนี้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณว่าเป็นไม้กายสิทธิ์ มีอำนาจทางโชคลาภและเมตตามหานิยม ส่งผลให้มีความเชื่อว่าหากบ้านหรือร้านค้าใด ที่ทำการปลูกจะช่วยเรียกเงินทองไหลมาเทมาสู่ผู้ที่ปลูกแบบไม่ขาดมือ[3]
4. เป็นสมุนไพรที่สามารถฤทธิ์ในการต้านความชราหรือต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี มีประโยชน์ทางด้านโภชนาการที่หลายอย่าง และมีสรรพคุณในการช่วยขับล้างสารพิษออกจากร่างกายได้อีกด้วย[3] จึงมักจะนำมาชงกับน้ำต้มดื่มเป็นน้ำสมุนไพร
วิธีการชงน้ำสมุนไพร
1. นำใบชนิดแห้ง (ชาแห้ง) หนัก 1 กรัม
2. นำมาชงกับน้ำร้อนในปริมาตร 50 มิลลิลิตร (ประมาณ 1 ถ้วย)
สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth
เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ช้อย นาง รำ”. หน้า 244-245.
2. คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. (ผศ.วรรณา กาญจนยูร, ศ.ดร. ไมตรี สุทธิจิต์, อำนาจ เหลาทอง). “รายงานผลการวิเคราะห์คุณภาพทางเคมีและทางชีวภาพของใบช้อยนางรำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.nongsamrong.go.th. [07 ม.ค. 2015].
3. ไทยโพสต์. “สาวน้อยเริงระบำ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.thaipost.net. [07 ม.ค. 2015].
อ้างอิงรูปจาก
1.https://www.amazon.com/
2.https://www.flickr.com/