หิ่งเม่น สรรพคุณช่วยรักษาอาการร้อนใน

0
1682
หิ่งเม่น
หิ่งเม่น สรรพคุณช่วยรักษาอาการร้อนใน ไม้ล้มลุก ใบประกอบเรียงสลับ ดอกเป็นช่อกระจะ ดอกสีเหลืองลายเส้นสีแดงเข้มพาดตามยาว ฝักรูปทรงกระบอกมีขนปกคลุม ฝักอ่อนเป็นสีแดงฝักแก่สีน้ำตาล
หิ่งเม่น
ไม้ล้มลุก ใบประกอบเรียงสลับ ดอกเป็นช่อกระจะ ดอกสีเหลืองลายเส้นสีแดงเข้มพาดตามยาว ฝักรูปทรงกระบอกมีขนปกคลุม ฝักอ่อนเป็นสีแดงฝักแก่สีน้ำตาล

หิ่งเม่น

ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Crotalaria pallida Aiton ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ คือ Crotalaria mucronata Desv.
จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่ว FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE) ชื่อเรียกอื่น ๆ คือ ฮ่งหาย (ชุมพร)[1]

ลักษณะของต้นหิ่งเม่น

  • ต้น
    – เป็นพรรณไม้ล้มลุก
    – มีอายุอยู่ได้หลายปี
    – มีลำต้นตั้งตรง
    – ต้นมีความสูงได้ถึง 1-1.5 เมตร
    – แตกกิ่งก้านย่อย
    – ลำต้นเป็นสีเขียวอ่อนและจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม
    – ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 9.06-17.4 มิลลิเมตร
    – สามารถพบขึ้นได้ทั่วไปในแถบทวีปเอเชียเขตร้อน ตามป่าหญ้าข้างทาง ชายป่าดิบเขา หรือตามป่าผลัดใบ
    – ขึ้นในที่ระดับความสูงถึง 1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล
  • ใบ
    – เป็นใบประกอบ
    – มีใบย่อย 3 ใบ
    – ออกเรียงสลับกัน
    – ก้านช่อใบยาว 3-5 เซนติเมตร
    – ก้านใบข้างยาว 2-2.5 มิลลิเมตร
    – ใบย่อยด้านปลายเป็นรูปวงรีหรือรูปไข่กลับ
    – ปลายใบมนทู่หรือโค้งเว้า
    – ปลายยอดมีติ่งเป็นเส้นสั้น ๆ
    – โคนใบสอบ
    – ขอบใบหยักแบบขนครุย
    – ใบมีความกว้าง 2-4.5 เซนติเมตร และยาว 4.5-7.5 เซนติเมตร
    – หลังใบเป็นสีเขียวเข้ม ไม่มีขน
    – ท้องใบเป็นสีเขียวอ่อน มีขนสีขาวขึ้นอยู่หนาแน่น
    – ผิวใบค่อนข้างนุ่ม
    – เส้นใบปลายโค้งจรดกัน
    – ใบย่อยด้านข้างจะมีความกว้าง 1.5-3.5 เซนติเมตร และยาว 3.5-7.5 เซนติเมตร
    – หูใบแหลม เล็กและสั้น เป็นสีม่วงแดง
  • ดอก[1],[2],[3]
    – ออกดอกเป็นช่อกระจะที่ปลายกิ่ง
    – ช่อดอกยาว 15-30 เซนติเมตร
    – ช่อดอกมีดอกย่อย 27-44 ดอก
    – เป็นดอกเดี่ยว
    – ออกดอกเรียงตรงข้ามกัน
    – ออกดอกบนแกนช่อดอก
    – มีก้านยาว 2-2.5 มิลลิเมตร
    – ดอกย่อยเป็นรูปถั่ว มีกลีบดอก 5 กลีบ
    – กลีบบนเป็นรูปไข่ปลายมน
    – กลีบด้านข้างจะคล้ายปีก รูปขอบขนาน
    – กลีบล่างเชื่อมกันเป็นรูปท้องเรือ
    – ปลายแหลมโค้ง
    – กลีบดอกด้านในเป็นสีเหลืองเข้ม
    – กลีบดอกด้านนอกเป็นสีเหลือง มีลายเส้นสีแดงเข้มพาดตามยาว
    – ดอกเมื่อบานจะมีขนาดกว้าง 1.4-1.6 เซนติเมตร
    – ดอกมีเกสรเพศผู้เป็นมัด 10 อัน
    – มีอับเรณูเป็นสีส้ม
  • ผล
    – ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอก
    – มีฝัก 7-16 ฝักต่อช่อ
    – ฝักจะโค้งงอเล็กน้อย
    – มีความกว้าง 0.5 เซนติเมตร และยาว 3-9.5 เซนติเมตร
    – ปลายยอดฝักมีติ่งเป็นเส้นยาว 7 มิลลิเมตร
    – ฝักจะมีขนขึ้นปกคลุม
    – เส้นกลางฝักด้านนอกเป็นแนวยาวลึกลง
    – ฝักอ่อนเป็นสีแดง
    – ฝักเมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
    – ผลเมื่อแก่แล้วจะแตกออกเป็นฝา
    – ฝักจะมีเมล็ดจำนวนมาก มีถึง 56-58 เมล็ด
    – เมล็ดเป็นรูปไต สีน้ำตาล
    – เมล็ดมีขนาด 2-4 มิลลิเมตร
    – จะออกฝักในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม

สรรพคุณของรากหิ่งเม่น

  • ช่วยทำให้มีบุตรง่าย[1]
  • ช่วยกระตุ้นกำหนัด[1]
  • ช่วยแก้อาการอาเจียน[1],[3]
  • ช่วยแก้นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ[1],[3]
  • ช่วยรักษาอาการร้อนใน
  • ช่วยแก้โรคทางเดินปัสสาวะ[1],[3]

ตำรับยาพื้นบ้านล้านนา ( ใช้ผสมกับสมุนไพรอื่น ๆ )

– รากเจตพังคี
– รากเจตมูลเพลิงแดง
– รากละหุ่งแดง
– รากมหาก่าน
– รากหิงหายผี
– เปลือกต้นหรือรากเดื่อหว้า
– ต้นพิศนาด
หัวกระชาย
– หัวกำบัง
เหง้าว่านน้ำ
– ผลยี่หร่า
เมล็ดพริกไทย
– เมล็ดเทียนคำหลวง
วุ้นว่านหางจระเข้
– เทียนทั้งห้า
ให้ใช้ในปริมาณที่เท่ากัน นำมาบดให้เป็นผง แล้วผสมกับน้ำมะนาวและใส่เกลืออีกเล็กน้อย ใช้สำหรับรักษาโรคทางเดินปัสสาวะ[1],[3]

ประโยชน์ของหิ่งเม่น

  • ตัน สามารถนำมาใช้ทำเป็นปุ๋ยพืชสดได้[2]
  • เป็นแหล่งของอาหารตามธรรมชาติของโคกระบือ

ปริมาณสารอาหาร

ยอดอ่อน ใบ และก้านใบ ในระยะที่เริ่มมีดอก
– โปรตีน 23.94%
– ไขมัน 2.65%
– เถ้า 2.65%
– เยื่อใย 21.01%
– เยื่อใยส่วน ADF 38.6%
– NDF 47.67%
– ลิกนิน 15.11%[3]

สั่งซื้อ อาหารเสริมสำหรับผู้ป่วย เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค  คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “หิ่งเม่น”. หน้า 84.
2. หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 5. “หิ่ ง เ ม่ น”.
3. สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์. “หิ่งเม่น”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : nutrition.dld.go.th. [24 ก.ย. 2014].