- การเลือกรับประทานอาหารต้านความเครียด
- น้ำตาลมะพร้าว ที่สายเฮลตี้ ( HEALTHY ) ไม่ควรพลาด
- สรรพคุณและประโยชน์ของพุทราจีน
- กระเจี๊ยบเขียว ผักพื้นบ้านแหล่งแคลเซียมจากธรรมชาติ
- ไวรัส RSV อาการ การป้องกัน และการรักษา
- มะม่วงหาวมะนาวโห่ ผลไม้รสเปรี้ยวฆ่ามะเร็งและเนื้องอก
- นมอัดเม็ด ไม่มีน้ำตาลช่วยป้องกันฟันผุ
- ร้อนในเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
- วิธีการประเมินความเสี่ยงความเครียด ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง
- โรคเครียด สามารถจัดการได้ด้วยตนเอง
- ฟันผุ สามารถรักษาและป้องกันได้
- วิธีแก้ท้องผูกง่าย ๆ บทความนี้ช่วยคุณได้
- ไฟเบอร์พรีไบโอติกมีประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายอย่างไร
- แลคโตบาซิลลัส จุลินทรีย์นี้มีประโยชน์อย่างไร
- ชีสกินกับอะไรก็อร่อย คัดเฉพาะเมนูชีสเด็ดๆ มาพร้อมเสริฟ
- มหัศจรรย์นมผึ้ง รักษาอาการวัยทองเห็นผลดีเยี่ยม
- โยเกิร์ตดีต่อคนรักสุขภาพ
- คอลลาเจนคืออะไร กินคอลลาเจนตอนไหนดี บทความนี้มีคำตอบ
- นมเปรี้ยว เครื่องดื่มที่ได้ทั้งสุขภาพและความงามที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด
- นม ( Milk ) ป้องกันมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจได้จริงหรือไม่?
- กิมจิ ( Kimchi )
- ผักชีล้อม ประโยชน์ และเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
- ไฝเกิดจากอะไร เกิดตำแหน่งไหนได้บ้าง เอาไฝออกอย่างไร
- วิธีลดกลิ่นตัว ทำยังไงให้กลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์หายไป
- เท้าเหม็น ดับกลิ่นเท้าอันไม่พึงประสงค์ได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
- ห้อเลือด เกิดจากสาเหตุอะไร และดูแลรักษาอย่างไร
- ภูมิแพ้ผิวหนัง เกิดจากสาเหตุอะไร และดูแลรักษาอย่างไร
- เล็บอักเสบ เกิดจากสาเหตุอะไร และดูแลรักษาอย่างไร
- ผึ้งต่อย บรรเทารักษาอาการจากการโดนผึ้งต่อยอย่างไร
- เล็บเป็นคลื่น เกิดจากอะไร บ่งบอกอะไรได้บ้าง
- เชื้อราที่เล็บ เกิดจากอะไร ดูแลรักษาและป้องกันอย่างไร
- เมล็ดเจีย ( Chia Seed ) Super Food ระดับโลก
- หินเกลือดำ ( Volcanic Rock Salt ) คืออะไร
- ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์บี ( Influenza B ) คืออะไร
- ปฏิบัติตามอย่างถูกวิธี ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันไวรัสโควิด-19
- วัยทองในผู้ชาย ( Male Menopause ) มีอาการอย่างไร
- แอลคาร์นิทีน ( L- Carnitine ) มีประโยชน์อย่างไร
- หนอนไหม ( Silkworm ) อุดมไปด้วยโปรตีน
- งาขี้ม่อน หรือ งาขี้ม้อน มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร
- โควิด 2019 ( COVID19 )
- คอลลาเจนไทพ์ทู ( Collagen Type II ) มีประโยชน์อย่างไร
- L-Arginine ( แอล-อาร์จินิน ) มีประโยชน์อย่างไร
- ช็อกโกแลต หรือดาร์กช็อกโกแลต
- โกโก้ ( Cocoa ) เมล็ดจากต้นคาเคา ( Cacao )
- เพศสัมพันธ์ ( Sex ) สายใยแห่งรัก
- โรคฉี่หนู ( Leptospirosis ) ภัยเงียบที่มากับหน้าฝนและน้ำท่วม
- สบู่สมุนไพร เพื่อสุขภาพ
- ชงโค สมุนไพรไม้ประดับ สรรพคุณเป็นยาดับพิษไข้ แก้ไอ
- โรคภูมิแพ้ ( Allergy ) เกิดจากอะไร
- ลิ้นหัวใจรั่ว ( Heart Valve Regurgitation ) เป็นอย่างไร ?
- โรคถุงลมโป่งพอง ( Emphysema )
- ภาวะวุ้นตาเสื่อม ( Vitreous Degeneration ) เป็นอย่างไร
- โรคหัด ( Measles ) เกิดได้กับใครบ้าง ?
- สาเหตุการเกิด โรคพยาธิใบไม้ตับ ( Opisthorchiasis )
- ดาวน์ซินโดรม ( Down Syndrome ) เกิดจากอะไร
- ตกขาว ( Leukorrhea หรือ Vaginal Discharge )
- กรดไหลย้อน ( Gastroesophageal Reflux Disease : GERD )
- กัญชากับยาแพทย์แผนไทย
- โรคตากุ้งยิง ( Stye หรือ Hordeolum )
- ออทิสติก ( Autistic Disorder ) คืออะไร
- โรคต้อหิน ( Glaucoma ) เป็นอย่างไร
- โรคพิษสุนัขบ้า ( Rabies ) เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
- ผ้าอนามัยกัญชาลดอาการปวดประจำเดือน ?
- โรคไข้สมองอักเสบ ( West Nile )
- ต่อมทอนซิลอักเสบ ( Tonsillitis )
- โรคพิษสุราเรื้อรัง ( Alcoholism )
- โรคคอตีบ ( Diphtheria )
- โรคเริม ( Herpes Simplex )
- ข้อมูลน่ารู้เรื่องกัญชา
- อาหารที่มีส่วนผสมกัญชารสชาติอร่อยจริงหรือ ?
- โรคบาดทะยัก ( Tetanus )
- โรคไบโพลาร์ ( Bipolar Disorder )
- โรคงูสวัด ( Herpes Zoster )
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรค SLE ( Systemic Lupus Erythematosus, SLE )
- โรคดักแด้ ( Epidermolysis Bullosa )
- โรคคางทูม ( Mumps ) คืออะไร
- ไข้หูดับ หรือโรคติดเชื้อ สเตรฟโตคอกคัส ซูอิส ( Streptococcus Suis )
- โรคสังคัง ( Tinea Cruris )
- โรคตาแดง ( Conjunctivitis )
- โรคปอดบวม ( Pneumonia )
- โรคอีสุกอีใส ( Chickenpox / Varicella )
- โรคสายตาสั้น ( Myopia )
- โรคต้อลม ( Pinguecula )
- โรคต้อกระจก ( Cataract )
- ตาบอดสี เกิดจากสาเหตุอะไร รวมวิธีทดสอบตาบอดสี
- ตาบอดข้างใดข้างหนึ่ง ( Blindness / Vision Impairment )
- โรคกลาก ( Ringworm )
- ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ( Influenza A หรือ H1N1 )
- วัณโรค ( Tuberculosis ) เกิดได้อย่างไรกัน
- โรคจอประสาทตาเสื่อม ( Age-related Macular Degeneration – AMD )
- น้ำมันพริกไทยดำสกัดเย็น ( Cold Pressed Pepper Oil )
- ไข้เลือดออก ( Dengue hemorrhagic fever )
- โรคแพ้เหงื่อตัวเอง ( Allergic dermatitis )
- กระจกตาอักเสบเรื้อรัง ( Keratitis )
- โรคลมแดดหรือโรคฮีทสโตรก ( Heat Stroke )
- น้ำมันเมล็ดกระบกสกัดเย็น ( Cold pressed wild almond oil )
- น้ำมันเมล็ดเจียสกัดเย็น ( Cold pressed chia seed oil )
- น้ำมันลูกเดือยสกัดเย็น ( Cold pressed millet oil )
- น้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็น ( Cold pressed grape seed oil )
- น้ำมันกระเทียมสกัดเย็น ( Cold pressed garlic oil )
- ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ( SANGYOD RICE )
- น้ำมันมะรุมสกัดเย็น ( Cold pressed Moringa oil)
- ข้าวขาว น้ำตาลต่ำ ข้าวกข 43 ( RD43 )
- น้ำมันงาดำสกัดเย็น ( Cold pressed black sesame )
- น้ำมันถั่วดาวอินคาสกัดเย็น ( Cold pressed sacha inchi oil )
- น้ำมันพริกสกัดเย็น ( Clod Pressed Capsicum )
- น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว ( Cold Pressed Rice Bran Oil )
- กัญชา ( Marijuana ) สมุนไพรทางเลือก
- ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร และส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไร
- รักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้า ( Radish Essentials )
- งา ( sesame ) เมล็ดพืชที่ไม่ควรมองข้าม
- กาแฟอาราบิก้า ( Arabica )
- การเลือกรับประทานอาหารตามเวลาที่เหมาะสม
- การคำนวณแคลอรี่จากผลไม้รถเข็น
- ความเครียดมีผลกระทบต่อร่างกาย
- วิธีการใช้ยาคุมกำเนิดแบบต่างๆ
- เต้านมสองข้างไม่เท่ากันแก้ไขได้ไหม
- มังคุด ประโยชน์และสรรพคุณที่คาดไม่ถึง
- ว่านเพชรหึงสรรพคุณทางยาที่ไม่ธรรมดา
- ถาม-ตอบ ปัญหากล้ามเนื้อตึงรั้งอาการเจ็บปวดเมื่อยล้าจากภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม
- ประโยชน์ของกระดูกสันหลังและ 7 พฤติกรรมที่ทำร้ายกระดูกสันหลัง
- อาหารและโภชนาการที่เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย
- วิธีเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันธรรมชาติ
- เล่นน้ำสงกรานต์อย่างไรให้สนุกและปลอดภัย 2019
- ภูมิคุ้มกันในร่างกายคืออะไร
- สเต็มเซลล์ ( Stem Cell ) คืออะไร
- วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลโรคข้อและกระดูก
- ทำอย่างไรไม่ให้หิวบ่อย
- ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว
- ลำไส้และจิตใจกำหนดพลังภูมิคุ้มกันที่ใหญ่สุดในร่างกาย
- น้ำมันมะกอกมีคุณประโยชน์อย่างไร ( Olive Oil )
- ประโยชน์ของน้ำมันตับปลา ( Cod Liver Oil )
- ผลิตภัณฑ์นมคืออะไร? ( Milk Product )
- ปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ( Oxidation ) คืออะไร
- อาหารต้านความเสื่อมของร่างกาย
- อาหารที่เหมาะสมเมื่อเป็นโรคปลายประสาทเสื่อม
- มารู้จักสารให้ความหวานกันเถอะ
- เส้นใยอาหาร ประโยชน์จากธรรมชาติช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
- สาเหตุและอาการของโรคหัวใจ
- ประโยชน์ของน้ำมันคาโนลา ( Canola Oil )
- สาเหตุและอาการของโรคซึมเศร้า
- พลังงานที่พอดีมาจากปริมาณอาหารเท่าใด ?
- วิธีการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ
- แสงแดดรักษาดวงตาให้คงทน
- แสงแดดช่วยรักษากระดูก
- เตรียมพร้อมช็อปปิ้งอาหารลดโรคคุมเบาหวาน
- เตรียมพร้อมโภชนาการก่อนตั้งครรภ์ สำหรับหญิงที่ต้องการมีบุตร
- อาหารการกินช่วยถนอมเต้า
- เป็นเบาหวาน จะกินอย่างไรในเดือนเราะมะฎอน หรือรอมฎอน
- อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศมีจริงหรือ ?
- อาหารช่วยลดอาการปวดท้องช่วงมีรอบเดือน
- อาหารเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง
- อาหารช่วยปรับเปลี่ยนอารมณ์ ปรับสมดุลสมอง
- โรคเกาต์ ( Gout ) เกิดขึ้นจากสาเหตุใด ?
- อาหารชะลอสายตาเสื่อม
- อาหารกับต่อมไทรอยด์
- พลังงานที่ร่างกายต้องการ
- โภชนาการสำหรับสุขภาพผมที่ดี
- โภชนาการที่เหมาะสมสำหรับผู้ชาย
- แสงแดดมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
- แหล่งกำเนิดของน้ำมันไข
- แสงแดดเสริมสร้างกระดูก
- มารู้จักฉลากโภชนาการกันเถอะ
- โภชนาการเพื่อสุขภาพผิวสวย
- อาหารที่ทำให้แก่ช้ามีอะไรบ้าง
- เลือกรับประทานอย่างไรให้นอนหลับง่ายขึ้น
- กินอาหารมังสวิรัติช่วยให้ห่างไกลโรค
- อาหารบำบัดอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง
- พลังงาน 5 ชนิดในร่างกายที่ควรรู้
- 7 ขั้นตอนสร้างสมดุลให้ชีวิต
- การสูญเสียคุณค่าของสารอาหาร ( Nutrient Losses )
- เมื่ออาหารเข้าปาก เกิดกระบวนการอะไรขึ้นในร่างกาย
- 6 พืชผักสมุนไพรกับการช่วยดูแลสุขภาพ
- ดูแลชีวิต พิชิตโรค
- กล้ามเนื้อหัวใจตาย เสี้ยวนาทีแห่งชีวิต
- ประโยชน์ทั่วไปของไขมันบริโภค
- อาหารที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน
- แสงแดดช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจได้อย่างไร?
- ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปใช้สารปรุงแต่งอะไรบ้าง?
- เลือกอาหารให้เหมาะกับผู้สูงวัยอย่างไร?
- มาตรฐานน้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำประปาที่ดีควรเป็นเช่นไร
- ประเภทและประโยชน์ของน้ำมันไขจากพืช
- น้ำมันพืช กับ น้ำมันหมู อะไรดีกว่ากัน ?
- เราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้วจริงหรือ?
- อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเลือดจาง
- สารให้รสหวานแทนน้ำตาล
- การจำแนกประเภทของน้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหาร
- อาหารสำหรับผู้ป่วยเป็น อัมพฤกษ์ อัมพาต
- กินน้ำตาลอย่างไร ไม่ให้เสียสุขภาพ
- โรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุ อาการ และวิธีการรักษา ( Stroke )
- ชนิดของกรดไขมัน ( Fatty Acid ) และไขมันทรานส์ ( Trans Fat )
- การรับประทานผักประจำวันที่เหมาะกับคนไทย
- โรคเมตาโบลิกซินโดรม ( Metabolic Syndrome )
การกินอาหารต้านความเครียด
อาหารต้านความเครียด จึงมีความจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนเรา ทุกคนย่อมมีโอกาสที่จะประสบกับความเครียดได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดจากการทำงาน การเรียนหรือการเจ็บป่วยก็ตาม รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคบางอย่างก็อาจทำให้เกิดความเครียดได้เช่นกัน นั่นก็ เพราะการขาดสารอาหารบางอย่างเป็นผลให้ร่างกายเกิดความเครียดมากกว่าปกตินั่นเอง และเมื่อเกิดความเครียดแล้ว ก็จะนำไปสู่ความผิดปกติของการทำงานในร่างกายได้ โดยเฉพาะด้านอารมณ์และจิตใจ เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า มีอารมณ์ทางเพศลดลงหรือปวดศีรษะแบบเรื้อรัง เป็นต้น จึงมีคำพูดที่ว่า “ยิ่งเครียดก็ยิ่งกิน” นอกจากนี้ความเครียดก็ยังเป็นตัวการที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่ายเช่นกัน
และนอกจากผลกระทบดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อร่างกายแล้ว ความเครียดก็ทำให้พฤติกรรมการกินเปลี่ยนไปได้เช่นกัน สังเกตได้จากบางคนที่จะกินเยอะขึ้นเมื่อมีความเครียด โดยส่วนใหญ่จะเป็นการกินเยอะแบบไม่รู้ตัว หรือในบางคนก็อาจเกิดการเบื่ออาหารและแทบไม่กินอะไรเลย และด้วยพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไปนี้ ก็ส่งผลเสียต่างๆ ตามมามากมาย เช่น น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว หงุดหงิดง่าย อ่อนเพลียหรือเป็นโรคขาดสารอาหาร เป็นต้น
ความเครียดกับโภชนาการ
ถึงแม้ว่าความเครียดจะเป็นเรื่องที่รับมือได้ยาก แต่ก็พบว่าในคนที่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอมักจะรับมือกับความเครียดได้ดีกว่าผู้ที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอเสมอ นั่นก็เพราะว่าเมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนออกมามากขึ้น ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะไปรบกวนการดูดซึมสารอาหาร การย่อยและทำให้ความดันสูงผิดปกติ และมีการดึงเอาสารอาหารที่สะสมไว้ในร่างกายออกมาเพื่อรับมือกับความเครียดมากขึ้น ดังนั้นในคนที่มีสารอาหารน้อยหรืออยู่ในภาวะขาดสารอาหารอยู่แล้ว ก็จะส่งผลต่อสุขภาพได้ง่าย เช่น รู้สึกอ่อนเพลีย หมดแรงและนอนไม่หลับ ส่วนคนที่มีสารอาหารอย่างเพียงพอ ภาวะดังกล่าวนี้ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากนักนั่นเอง อย่างไรก็ตามหากเกิดความเครียด ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนที่จะยับยั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาวออกมา ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงความเครียดจะดีที่สุด
จะเห็นได้ว่าความเครียดส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนเราไม่น้อยเลย และยังมีความสัมพันธ์กับโภชนาการอีกด้วย อย่างไรก็ตามพบว่าการทานอาหารก็มีผลต่อการเพิ่มและลดความเครียดเช่นกัน เพราะอาหารบางชนิดจะมีผลต่อการทำงานของสมองโดยตรง ดังนั้นหากทานอาหารที่เป็นตัวการสะสมความเครียดในปริมาณมากก็จะยิ่งก่อให้เกิดความเครียดมากขึ้น แต่หากทานอาหารที่ดีและมีส่วนช่วยในการลดความเครียด ก็จะทำให้ความเครียดลดลงไปด้วยนั่นเอง
อาหารที่สามารถช่วยลดความเครียดได้
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า อาหารมีผลต่อการเพิ่มและลดความเครียด ซึ่งพบว่าในภาวะที่ร่างกายกำลังเผชิญอยู่กับความเครียดนั้น จะมีความต้องการอาหารประเภทแอนติออกซิแดนท์และสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด รวมถึงแร่ธาตุ บางชนิด เช่น แมกนีเซียม วิตามินบีและสังกะสีอีกด้วย ดังนั้นเมื่อเกิดความเครียดจึงควรเน้นทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการลดความเครียดเหล่านี้เป็นหลัก โดยเฉพาะผักผลไม้ทั้งหลาย ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเครียดได้แล้ว ก็สามารถเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มีความแข็งแรงขึ้นได้เช่นกัน
อาหารที่มีผลต่อความเครียด
สำหรับอาหารที่มีผลต่อความเครียด ได้แก่
1.คาร์โบไฮเดรตไม่ขัดสี
คาร์โบไฮเดรตที่ไม่ขัดสีจะอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายหลายชนิด โดยเฉพาะสารอาหารที่จะช่วยในการสร้างสารสื่อประสาทในสมองที่ชื่อว่าเซโรโทนินได้ โดยเซโรโทนิน เป็นสารที่จะช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ควบคุมอารมณ์ให้คงที่และทำให้นอนหลับง่ายขึ้นในเวลากลางคืน ดังนั้นหากร่างกายผลิตสารเซโรโทนินออกมาน้อยเกินไป ก็จะส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ขาดสมาธิ ไม่กระฉับกระเฉง และอาจเป็นโรคซึมเศร้าได้ แต่อย่างไรก็ตาม เซโรโทนินก็มีข้อเสียอยู่บ้างเหมือนกัน นั่นคือหากได้รับเซโรโทนินจากคาร์โบไฮเดรตที่ขัดสีมากๆ ในเวลากลางวันก็จะมีอาการอ่อนระโหยโรยแรงได้ ทั้งยังหงุดหงิดง่ายอีกด้วย จึงต้องแก้ด้วยการกินโปรตีนร่วมในอัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุด
เพราะฉะนั้นถ้าให้ดี ควรเลือกทานคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ขัดสีจะดีกว่า เพราะจะให้ประโยชน์มากกว่าผลเสีย และช่วยจัดการความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดอีกด้วย
2.โปรตีน
โปรตีนเป็นสารอาหารที่จะช่วยสร้างความตื่นตัวและให้พลังงานแก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่ส่วนใหญ่ร่างกายจะมีความต้องการโปรตีนเพื่อรักษาสมดุลของสารสื่อประสาทในสมองในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นในตอนเช้าแค่ทานโปรตีนเล็กน้อยคู่กับคาร์โบไฮเดรตไม่ขัดสี ก็จะช่วยเสริมสร้างสารสื่อประสาทในสมองและสามารถคลายความเครียดได้ดีแล้ว
3.วิตามินอี
วิตามินอีมีส่วนช่วยในการป้องกันความเครียดที่มักจะเกิดจากอนุมูลอิสระ นั่นก็เพราะวิตามินอีขึ้นชื่อว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุด และนอกจากจะป้องกันความเครียดได้แล้ว ก็สามารถลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคมะเร็งและช่วยชะลอความแก่ได้ดีอีกด้วย ดังนั้นจึงควรทานวิตามินอีอย่างเพียงพออยู่เสมอ
4.วิตามินบี
เป็นอีกหนึ่งวิตามินที่จะช่วยในการผ่อนคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี โดยวิตามินบีจะทำให้การทำงานของระบบประสาทในการเผาผลาญอาหาร เปลี่ยนไขมันและคาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงลดการเกิดความเครียดได้ในที่สุด ซึ่งในขณะเดียวกันหากขาดวิตามินบี ก็จะทำให้การทำงานของระบบประสาทผิดปกติ และส่งผลเป็นการเพิ่มความเครียดให้กับเซลล์ในที่สุด
5.วิตามินซี
ในภาวะที่ร่างกายเกิดความเครียด วิตามินซีจะถูกนำออกไปใช้เพื่อรับมือกับความเครียดเป็นจำนวนมากจึงทำให้วิตามินซีในร่างกายลดต่ำลงอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ แต่ในขณะเดียวกันในช่วงที่เกิดความเครียดนี้ หากมีการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูงอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอและสามารถจัดการความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกายและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อหรือเจ็บป่วยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นในช่วงนี้จึงควรทานวิตามินซีให้สูงขึ้น ซึ่งพบได้จาก ฝรั่ง ส้ม พริกหวาน คะน้าและผักโขมนั่นเอง
6.แมกนีเซียม
ความเครียดมีความสัมพันธ์ต่อแมกนีเซียมโดยตรง ซึ่งพบว่าเมื่อร่างกายมีความเครียดสูง ระดับของแมกนีเซียมก็จะลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว โดยจะสูญเสียแมกนีเซียมไปกับปัสสาวะมากกว่าปกติ ซึ่งหากภาวะดังกล่าวนี้เกิดขึ้นกับผู้ป่วย ก็จะทำให้การฟื้นตัวช้าได้ อย่างไรก็ตามหากได้รับแมกนีเซียมอย่างเพียงพอในระหว่างที่มีความเครียดก็จะทำให้ความเครียดลดต่ำลงได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรเน้นการทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง โดยพบได้จาก เมล็ดฟักทอง ถั่วเปลือกแข็ง เต้าหู้และธัญพืชไม่ขัดสี เป็นต้น
7.สังกะสี
เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะสูญเสียสังกะสีออกไปมากขึ้น เป็นผลให้ผู้ที่กำลังเจ็บป่วยหรือเป็นแผลฟื้นตัวได้ช้าลงและมีโอกาสติดเชื้อได้สูง ดังนั้นจึงต้องทานอาหารที่มีสังกะสีให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งนอกจากจะป้องกันผลกระทบดังกล่าวได้ดีแล้ว ก็ช่วยลดความเครียดและสร้างความผ่อนคลายได้ดีอีกด้วย โดยอาหารที่มีสังกะสีสูง พบได้จาก เนื้อสัตว์ต่างๆ แป้งและถั่ว เป็นต้น
อาหารเพิ่มความเครียดที่ควรเลี่ยง
อาหารบางชนิด เป็นตัวการในการเพิ่มความเครียด ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด ซึ่งได้แก่
1.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
หลายคนเข้าใจว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะสามารถลดความเครียดได้ แต่ความจริงแล้วเครื่องดื่มเหล่านี้จะยิ่งทำให้ร่างกายมีความเครียดมากกว่าเดิม โดยจะเข้าไปกดประสาททำให้เกิดความเครียด วิตกกังวลหรืออาจซึมเศร้าได้ และยังกระตุ้นให้ร่างกายต้องสูญเสียสารอาหารที่จำเป็นต่อการต้านความเครียด จึงทำให้ความเครียดยิ่งสูงขึ้นไปอีก ซึ่งผลกระทบอื่นๆ ที่ตามมา ก็คือความดันโลหิตที่สูงขึ้น ขาดสมาธิ และประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารลดลง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่าหากมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระยะยาวก็จะทำให้การทำงานของสมองแย่ลงและอาจเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย และเนื่องจากผลกระทบดังกล่าว หากผู้ที่ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระยะยาว เลิกดื่มอย่างกะทันหัน ในระยะแรกๆ ก็อาจมีอาการประสาทหลอนได้ และทำให้ระบบการทำงานต่างๆ ขาดสมดุล เช่น ระบบย่อย และการสะสมวิตามินต่างๆ ในร่างกายเป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการดื่มเรื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีผลเสียต่อร่างกาย แต่หากดื่มแค่วันละหนึ่งดริ๊งค์ก็จะช่วยผ่อนคลายความเครียดได้บ้าง ดังนั้นหากต้องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อความผ่อนคลาย ควรดื่มแค่วันละนิดวันละหน่อยก็พอ
2.กาแฟ
กาแฟมีคาเฟอีน ที่เป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่จะเพิ่มความเครียดและทำให้ระบบการทำงานต่างๆ ภายในร่างกายขาดสมดุลได้ โดยเฉพาะหากดื่มกาแฟในช่วงที่กำลังมีความเครียดอยู่แล้ว ก็จะยิ่งทำให้อาการเครียดเลวร้ายลงไปอีก และไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความเครียดเท่านั้น แต่คาเฟอีนจะส่งผลให้ไตต้องทำงานหนัก มีปัญหาการนอนไม่หลับ ปวดหัวเรื้อรัง ไร้เรี่ยวแรงและลดการดูดซึมสารอาหารที่สำคัญบางชนิดอีกด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟมาเป็นเวลานาน หากคิดจะเลิกดื่ม จะต้องค่อยๆ เลิกแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เกิดอาการข้างเคียงจากการหยุดดื่มกาแฟกะทันหันนั่นเอง และนอกจากกาแฟแล้วก็พบคาเฟอีนในช็อกโกแลตและน้ำอัดลมที่เป็นสีดำอีกด้วย รวมถึงยาบางชนิดด้วย
3.คาร์โบไฮเดรตที่ขัดสีมาก
คาร์โบไฮเดรตมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากมีการขัดสีมากเกินไปก็จะทำให้สารอาหารจำเป็นหายไปและกลายเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีประโยชน์ได้ อย่างเช่นน้ำอัดลม น้ำตาลและอาหารที่มีรสชาติหวานจัด เป็นต้น ซึ่งก็จะทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย โดยเฉพาะความเครียดจากการทำงานของร่างกาย
4.อาหารที่มีโซเดียมสูง
การทานอาหารที่มีโซเดียมสูงในปริมาณมากจะทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมซึ่งมาจากการที่ร่างกายเก็บน้ำไว้มากเกินไป และยังเป็นสาเหตุของภาวะความดันโลหิตสูงอีกด้วย โดยหากทานมากๆ ก็จะกระตุ้นให้เกิดภาวะเครียดได้ เพราะฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง โดยเฉพาะอาหารที่มีโซเดียมแฝงอยู่
5.อาหารที่มีไขมันสูง
อาหารที่มีไขมันสูงเป็นอีกหนึ่งตัวการที่จะกระตุ้นให้ฮอร์โมนที่เป็นตัวกระตุ้นความเครียด เพิ่มสูงขึ้น และยังทำให้รู้สึก อึดอัดไม่สบายท้อง เนื่องจากอาหารไม่ย่อยหรือย่อยช้าอีกด้วย โดยอาหารไขมันสูงที่ควรหลีกเลี่ยงก็ได้แก่ อาหารฟาสต์ฟู้ดและอาหารจีน เป็นต้น
คำแนะนำสำหรับอาหารคลายเครียด
สำหรับข้อกำหนดเกี่ยวกับอาหารและโภชนาการกับความเครียดนั้นยังไม่มีข้อกำหนดที่แน่ชัด แต่มีหลักโภชนาการที่ดีดังนี้
- แม้อาหารประเภทไขมันจะไม่ดีต่อร่างกายแต่ก็มีความจำเป็นเหมือนกัน ดังนั้นจึงควรกินไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่พอดีและเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์โดยเฉพาะ
- เลือกทานอาหารที่มีกากใยอาหารสูง และผักผลไม้ธัญพืชต่างๆ ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่มีประโยชน์
- ลดการทานน้ำตาลและอาหารที่ผ่านการขัดสี เพราะอาหารเหล่านี้มักจะไม่มีประโยชน์ ทั้งยังเป็นตัวการกระตุ้นความเครียดอีกด้วย
- เน้นการกินคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ผ่านการขัดสีเป็นหลัก รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันต่ำ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยปริมาณน้ำที่มีความเหมาะสมคือ วันละ 8-10 แก้วหรือ 2 ลิตรต่อวัน
- เน้นการทานเนื้อปลาเป็นหลัก แต่หากเป็นเนื้อสัตว์ ก็ให้เลือกเนื้อสัตว์ชนิดไม่ติดหนังติดมันแทน
โดยจากคำแนะนำดังกล่าวนี้ หากสามารถทำได้ก็จะช่วยรับมือกับความเครียดได้ดีอย่างแน่นอน นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก็จะช่วยจัดการความเครียดได้ในระดับหนึ่งเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากทำทุกวิธีแล้ว ไม่สามารถแก้ไขได้ ควรพบแพทย์จะดีที่สุด
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
ศัลยา คงสมบูรณ์เวช. บำบัดเบาหวานด้วยอาหาร. พิมพ์ครั้งที่ 4 (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : อัมรินทร์เฮลท์ อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2559. (12), 311 หน้า. (ชุดชีวิตและสุขภาพ ลำดับที่ 113) 1.เบาหวาน 2.โภชนบำบัด 3.การปรุงอาหารสำหรับผู้ป่วย 4.การดูแลสุขภาพตนเอง. 616.462 ศ7บ6 2559. ISBN 978-616-18-7741-9
Javitt NB (December 1994). “Bile acid synthesis from cholesterol: regulatory and auxiliary pathways”. FASEB J. 8 (15): 1308–11.