ลำดวน
ดอกมีสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอม ลักษณะเป็นรูปไข่ป้อม ปลายกลีบแหลม ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีแดง และผลสุกมีสีน้ำเงินดำ รสหวานอมเปรี้ยว

ลำดวน

ต้นลำดวน White cheesewood, Devil tree, Lamdman คือ พันธุ์ไม้พระราชทานเป็นมงคลประจำจังหวัดศรีสะเกษ และดอกเป็นสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุด้วย เพราะมีเรื่องเล่าว่า สมเด็จย่าได้เสด็จไปเยี่ยมชาวจังหวัดศรีสะเกษ ทรงทอดพระเนตรเห็นต้นออกดอกงดงามและมีกลิ่นหอม และทรงพอพระทัย หลังจากนั้นจึงกลายเป็นดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุ ทำนองเดียวกับดอกมะลิที่เป็นสัญลักษณ์ของแม่นั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษอีกด้วย และมีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Melodorum fruticosum Lour. จัดอยู่ในวงศ์กระดังงา (ANNONACEAE) นอกจากนี้ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ว่า หอมนวล (ภาคเหนือ)

ลักษณะของลำดวน

  • ต้น หรือ ต้นหอมนวล จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กไม่ผลัดใบ ต้นมีความสูงอยู่ประมาณ 10-15 เมตร ลำต้นตรง แตกกิ่งใบเป็นจำนวนมาก เรือนยอดเป็นพุ่มกลมหรือเป็นรูปกรวยคว่ำ เปลือกต้นเรียบมีสีเทา แต่เมื่อลำต้นแก่เปลือกต้นจะเป็นสีน้ำตาลอมดำ มีรอยแตกตามแนวยาวของลำต้น ส่วนกิ่งอ่อนจะเป็นสีเขียวสด ยอดอ่อนและใบอ่อนเป็นสีแดง สามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการตอนกิ่ง จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ชอบทั้งความชื้นสูง และแสงแดดแบบเต็มวันถึงครึ่งวัน ชอบขึ้นในที่โล่งๆ พบได้ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้งทางภาคตะวันออก และภาคกลาง มีแหล่งกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะพบได้มากในจังหวัดศรีสะเกษ เนื่องจากเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดศรีสะเกษ[2],[3],[5],[6],[7]
  • ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ตรงปลายใบและโคนใบแหลมหรือสอบ ส่วนขอบใบนั้นจะเรียบ ใบมีความกว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร และความยาวประมาณ 8-10 เซนติเมตร แผ่นใบนั้นจะมีสีเขียวเข้มเป็นมัน ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน แต่ผิวใบด้านบนเป็นมัน ส่วนด้านล่างจะมีสีอ่อนกว่า เส้นกลางใบเป็นสีออกเหลืองนูนเด่นทั้งสองด้าน ส่วนก้านใบมีความยาวประมาณ 0.5-0.7 เซนติเมตร[3]
  • ดอก จะออกดอกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อแบบกระจุกประมาณ 2-3 ดอก โดยจะออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกมีสีเหลืองนวล มีกลิ่นหอม ลักษณะเป็นรูปไข่ป้อมถึงรูปเกือบกลม ปลายกลีบแหลม โคนกลีบกว้าง ดอกมีกลีบอยู่ 6 กลีบ กลีบดอกทั้งหนาและแข็ง สีเขียวปนเหลือง และมีขน แยกเป็น 2 วง ส่วนชั้นนอกมี 3 กลีบ กลีบแผ่แบน กลีบมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมที่ขนาดใหญ่กว่ากลีบดอกวงใน ปลายกลีบแหลม โคนกลีบกว้าง โดยมีความกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร และมีความยาวประมาณ 1.2 เซนติเมตร ส่วนกลีบดอกชั้นในจะงุ้มเข้าหากันมีลักษณะเป็นรูปโดม มีขนาดที่เล็กกว่า แต่จะหนาและโค้งกว่ากลีบชั้นนอก โดยจะมีจะความกว้างประมาณ 0.6 เซนติเมตร และมีความยาวประมาณ 0.9 เซนติเมตร ส่วนกลีบเลี้ยงมีขนาดเล็ก มีอยู่ด้วยกัน 3 กลีบ ลักษณะของกลีบเลี้ยงเป็นรูปเกือบจะกลม ปลายกลีบมน ไม่มีขนหรืออาจจะมีขนขึ้นประปราย ส่วนก้านดอกยาวได้ประมาณ 2.5 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้ขนาดเล็ก เกสรเพศผู้และรังไข่มีจำนวนมากอยู่บนฐานสั้นๆโดยจะออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม และแต่ละต้นจะมีช่วงที่ดอกบานอยู่ประมาณ 15 วัน[3],[5]
  • ผล เป็นผลสดแบบมีเนื้อ ออกผลเป็นกลุ่มๆ มีผลย่อยอยู่ประมาณ 15-27 ผล มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม รูปกลมรี หรือรูปไข่ ผลมีความกว้างประมาณ 0.5 นิ้ว และมีความยาวประมาณ 0.5-1 ส่วนก้านผลจะมีความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เซนติเมตร ผลอ่อนจะเป็นสีเขียว แต่เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และผลสุกมีสีน้ำเงินดำและจะมีคราบสีขาวอยู่ ส่วนเมล็ดจะมีอยู่ประมาณ 1-2 เมล็ด สามารถใช้รับประทานได้ โดยจะมีรสหวานอมเปรี้ยว โดยจะออกผลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม[2],[3],[5]

สรรพคุณของลำดวน

1. ดอกแห้ง ใช้เป็นยาแก้ไข้ [3]
2. ดอกแห้ง ช่วยแก้อาการไอ [4]
3. ดอกแห้ง ช่วยบำรุงหัวใจ [1],[3]
4. ดอกแห้ง เป็นยาบำรุงโลหิต [1],[3]
5. ดอกแห้ง ใช้เป็นยาแก้ลมวิงเวียน [1],[3],[5]
6. ดอกแห้ง มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง [1],[3]
7. ดอกแห้งจัดอยู่ใน “พิกัดเกสรทั้งเก้า” ที่ประกอบไปด้วย เกสรดอกบัวหลวง ดอกกระดังงา ดอกจำปา ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอกมะลิ ดอกสารภี ดอกลำเจียก และดอกลําดวน ซึ่งเป็นตำรับยาแก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยชูกำลัง แก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงหัว แก้พิษโลหิต แก้ลม (ดอก)[1],[3],[4]

หมายเหตุ : ตามตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านของจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้เนื้อไม้และดอกแห้ง นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต บำรุงกำลัง แก้ลมวิงเวียน และเป็นยาแก้ไข้ (เนื้อไม้และดอกแห้ง)[3],[4] (แต่ตำรายาไทยจะใช้แต่ดอก) ส่วนข้อมูลจากหนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย ของ ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม ระบุให้ใช้เกสรหอมนวลเป็นยา ซึ่งเกสรจะมีสรรพคุณเป็นยาชูกำลัง บำรุงหัวใจ หากนำไปผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นจะเป็นยาบำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง และเป็นยาแก้ลม (เกสร)[2]

ประโยชน์ของลำดวน

1. ผลสุก มีสีดำ มีรสหวานอมเปรี้ยว ใช้รับประทานได้[3],[6]
2. ดอก สามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย โดยการต้มกลั่นจะได้น้ำมันหอมระเหยร้อยละ 0.08[7]
3. ดอก มีกลิ่นหอม รสเย็น นอกจากจะจัดอยู่ในพิกัดเกสรทั้งเก้าแล้ว ยังใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาหอมอีกด้วย[3]
4. เนื้อไม้ของต้นมีความแข็งแรงทนทาน สามารถนำมาใช้ทำเครื่องมือเครื่องใช้ได้ และนำมาใช้ทำฟืนได้ดี
5. ดอกมีขนาดใหญ่และงดงามกว่าดอกนมแมว จึงนิยมนำมาใช้บูชาพระและใช้แซมผม อีกทั้งหญิงไทยในสมัยก่อนก็ใช้เป็นชื่อตน[6]
6. นิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไปตามสวน เพราะต้นมีพุ่มใบที่สวย และดอกก็มีกลิ่นหอม และต้นยังเป็นพรรณไม้ที่ในวรรณคดีไทยหลายๆ เรื่องกล่าวถึง เช่น ลิลิตพระลอ รามเกียรติ์ สมุทรโฆษคำฉันท์ อิเหนา เป็นต้น โดยจะนิยมนำมาปลูกสวนสาธารณะร่วมกับไม้ดอกหอมชนิดอื่นๆ[5],[6]
7. ในด้านของความเชื่อคนไทย เชื่อว่าบ้านใดปลูกหรือเป็นเจ้าของ จะช่วยดึงดูดความรัก ช่วยเสริมดวงทางเสน่ห์เมตตา ทำให้มีแต่คนคิดถึงในแง่ดี ทำให้เป็นคนที่น่าจดจำ ใครๆ ก็มิอาจลืม และยังเชื่อด้วยว่ากลิ่นหอมของดอก สามารถช่วยผ่อนคลายอารมณ์ทางจิตให้สงบและมีความใจเย็นมากขึ้น ผู้ปลูกควรเป็นผู้หญิงและควรปลูกในวันพุธ เพราะเป็นไม้ของผู้หญิง โดยให้ปลูกไว้ทางทิศตะวันออกของตัวบ้าน[8]

สั่งซื้ออาหารทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “ลำดวน (Lamduan)”. หน้า 269.
2. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ลําดวน”. หน้า 692-693.
3. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ลำดวน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [29 พ.ค. 2014].
4. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ลําดวน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [29 พ.ค. 2014].
5. ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “ลำดวน” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [29 พ.ค. 2014].
6. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 311 คอลัมน์: ต้นไม้ใบหญ้า. (เดชา ศิริภัทร). “ลำดวน : สัญลักษณ์แห่งไม้ใกล้ฝั่ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.doctor.or.th. [29 พ.ค. 2014].
7. ฐานข้อมูลน้ำมันหอมระเหยไทย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.). “ลําดวน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.tistr.or.th/essentialoils/. [29 พ.ค. 2014].
8. เว็บไซต์ไทยลาวสัมพันธ์ครั้งที่ 10. “ต้นไม้ประจำสถาบัน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.sa.msu.ac.th/thailao10/. [29 พ.ค. 2014].

อ้างอิงจากรูป
1.https://www.ydhvn.com/news/cay-duoc-lieu-cay-du-de-tron-cach-thu-dam-choi-fissistigma-fruticosum-lour-sinclair-melodorum-fruticosum-lour