เมโสหน้าใส

ในยุคที่ “ผิว”เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ เมโสหน้าใสกลายเป็นหนึ่งในตัวช่วยยอดนิยมที่ตอบโจทย์ความต้องการเรื่องการบำรุงและฟื้นฟูผิวได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้เข็มฉีดสารบำรุงลงไปลึกถึงต้นเหตุปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นรอยสิว จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือแม้กระทั่งการลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ที่สำคัญคือเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 3 วันหลังทำ

ในบทความนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับเมโสหน้าใสให้มากขึ้น ว่าเมโสหน้าใส คืออะไร ? ช่วยอะไร มีกี่สูตร แต่ละสูตรช่วยอะไร ? มีเทคนิคการฉีดแบบไหน ? เจ็บไหม ? เหมาะกับใคร ? อยู่ได้นานแค่ไหน ?  อันตรายไหม ? มีขั้นตอนการฉีดอย่างไร ราคาเท่าไหร่ ?   


เมโสหน้าใสคืออะไร ?

เมโสหน้าใสการฉีดเมโสหน้าใส หรือเมโสเทอราปี (Mesotherapy) คือวิธีการบำรุงผิวด้วยการนำสารอาหารและวิตามิน ต่าง ๆ เช่น วิตามิน A, C, E, คอลลาเจน, โคเอนไซม์ Q10, หรือกลูต้าไธโอน ฉีดเข้าไปยังชั้นกลาง (Dermis) ของผิวหน้าโดยตรง เพื่อบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนใน 3 วัน และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่หลังจากที่ได้รับสารบำรุงครบ 1-2 สัปดาห์

เมโสหน้าใส ถือกำเนิดขึ้นในฝรั่งเศส เดิมทีใช้เพื่อลดอาการปวดในร่างกาย ก่อนจะถูกนำมาปรับใช้ในด้านความงามเนื่องจากได้ผลลัพธ์ที่ดี การฉีดเมโสหน้าใสมีข้อดีคือผลข้างเคียงน้อย และหลังจากทำเสร็จสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น


เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส มีกี่แบบ ? 

เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือ

  1. ฉีดแบบสะกิดทั่วหน้า วิธีนี้จะฉีดตัวยาเมโสหน้าใสลงบนผิวหน้าชั้นตื้น ๆ ด้วยจุดเล็ก ๆ กระจายทั่วหน้า เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ข้อดีคือช่วยให้ผิวชั้นบนได้รับการบำรุง แต่อาจมีข้อเสียคือรอยช้ำแดงจากเข็มและความเสี่ยงในการติดเชื้อหากไม่ดูแลความสะอาดอย่างเหมาะสม ปัจจุบันจึงไม่เป็นที่นิยม

เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส แบบสะกิดทั่วหน้า

  1. ฉีดแบบ 16 จุด เทคนิคนี้ถูกคิดค้นเพื่อลดข้อจำกัดของวิธีที่ 1 โดยฉีดตามจุดเฉพาะที่เกี่ยวกับต่อมน้ำเหลืองเพื่อให้ตัวยากระจายทั่วหน้า ลดรอยเข็มและรอยช้ำ และลดความเจ็บปวด 

นอกจากนี้ยังทำให้ตัวยามีฤทธิ์นานกว่าการฉีดแบบอื่น ๆ ที่คลินิกที่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่ จะนิยมใช้วิธีนี้เพราะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมีความปลอดภัยสูง 

เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใส แบบ 16 จุด


ฉีดเมโสหน้าใสช่วยอะไรบ้าง ?

ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดเมโสหน้าใส ขึ้นอยู่กับสูตรของตัวยา ซึ่งในแต่ละคลินิกเลือกใช้ในการแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างกันของคนไข้ แต่โดยรวมแล้วเมโสหน้าใสจะช่วยในเรื่องของการ

✓ บำรุงผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึก และเพิ่มความกระจ่างใสจากภายในสู่ภายนอก

✓ ลดปัญหาสิว ผดผื่น ผิวอักเสบ ช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว ลดผิวอักเสบ ลดผื่นแพ้ ลดสิว และช่วยให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้น

✓ เพิ่มความชุ่มชื้น  ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูฉ่ำวาวและชุ่มชื้นหลังฉีด

✓ ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ช่วยให้จุดด่างดำและรอยฝ้ากระจางลง ปรับสมดุลความชุ่มชื้น ลดความมันส่วนเกิน

✓ ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง ผิวอิ่มฟู ดูสุขภาพดี 

ผลลัพธ์จะชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อทำการฉีดเมโสอย่างต่อเนื่อง จึงควรการเลือกคลินิกที่ใช้สูตรตัวยาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


แนะนำ 7 สูตรเมโสหน้าใส ที่คลินิกส่วนใหญ่เลือกใช้ ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว 

  1. เมโสหน้าใสสูตร Made Collagen ตัวช่วยลดสิว ผดผื่น ลดการอักเสบ ขับสารพิษออกจากผิว เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิว ให้สุขภาพดี ผิวแข็งแรง หากฉีดต่อเนื่องจะทำให้ skin barrier แข็งแรงขึ้น

เมโสหน้าใสสูตร Made Collagen

2. เมโสหน้าใสสูตร Rejuran ยี่ห้อนี้มีส่วนประกอบหลัก Polynucleotide (PN) บริสุทธิ์ เข้มข้น 2% ใช้ฉีดเข้าผิวชั้นหนังแท้ จะช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ กระชับรูขุมขม ให้ผิวดูอิ่มน้ำ ผิวฟู ดูฉ่ำวาว ผิวกระจก (glass skin)

เมโสหน้าใสสูตร Rejuran3. เมโสหน้าใสสูตร Filorga (Fillmed NCTF 135 HA) ที่มีส่วนประกอบของ HA + poly revitalisante ทำให้ผิวชุ่มชื้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับเมโสหน้าใสสูตรอื่น ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ กระชับรูขุมขนให้เล็กลง เห็นผลเร็ว (made in paris)

เมโสหน้าใสสูตร Filorga

 

4. เมโสหน้าใสสูตร REVS (NCFS) ตัวช่วยที่เน้นเพิ่มความชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำ บำรุงผิวอย่างล้ำลึก ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน เน้นฉีดอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับผิวแห้ง หรือผิวขาดน้ำ (made in korea)

เมโสหน้าใสสูตร REVS (NCFS)

5. เมโสหน้าใสสูตร Alpha arbutin ตัวช่วยเน้นลดฝ้าโดยตรง ปรับเม็ดสีผิว จุดด่างดำ กระ แต่ฉีดแล้วค่อนข้างแสบ

เมโสหน้าใสสูตร Alpha arbutin

6. เมโสหน้าใสสูตร Tensonez ตัวช่วยปรับผิวให้กระจ่างใสดูสม่ำเสมอ ลดปัญหาฝ้าบนใบหน้า

เมโสหน้าใสสูตร Tensonez

7. เมโสหน้าใสสูตร Neo-Glutanex Glow ตัวช่วยบำรุงให้ผิวมีความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย ฝ้า กระ หลุมสิว กระชับรูขุมขน

เมโสหน้าใสสูตร Neo-Glutanex Glow


ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม ? 

ปกติแล้วการฉีดเมโสหน้าใสจะมีความเจ็บเพียงเล็กน้อย อยู่ในระดับที่สามารถทนได้ หรือไม่เจ็บเลยเพียงแค่ประคบน้ำแข็งในระหว่างฉีดก็ช่วยลดความเจ็บได้แล้วในระดับนึง แต่สำหรับใครที่กลัวเจ็บมาก ๆ สามารถขอแปะยาชาก่อนฉีดกับทางคลินิกได้ 


ฉีดเมโสหน้าใส มีผลข้างเคียงไหม ?

การฉีดเมโสหน้าใสเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เพราะตัวยาเป็นสารอาหารและวิตามินที่มีประโยชน์ต่อผิว ช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส หากเลือกฉีดเมโสหน้าใสแท้ กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานไว้ใจได้ จะพบเพียงผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยเข็มที่ใบหน้า ซึ่งจะหายไปได้เองภายใน 1-3 วัน


ฉีดเมโสหน้าใส เห็นผลภายในกี่วัน ?

การฉีดเมโสหน้าใสจะเริ่มเห็นผลหลังทำประมาณ 3 วัน และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 7-14 วัน ผลลัพธ์ที่ได้สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหลังการฉีด 

สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาผิวให้กระจ่างใส และมีสุขภาพดีอย่างต่อเนื่อง ควรฉีดซ้ำทุก 1 สัปดาห์ ในเดือนแรก แล้วค่อยลดลงมาฉีดซ้ำทุก 2 สัปดาห์ในถัดมา เพื่อคงผลลัพธ์เอาไว้ให้ยาวนานขึ้น


เมโสหน้าใส เหมาะกับใคร ?

การฉีดเมโสหน้าใส เหมาะกับบุคคลที่มีปัญหาผิว เช่น ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส มีรอยสิว เป็นสิวเรื้อรัง ผิวติดสาร สิวผด ฝ้า กระ จุดด่างดำ มีริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น ผิวแห้ง ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การบำรุงผิวอย่างรวดเร็ว เพราะมีประสิทธิภาพกว่าการทาครีมบำรุงหรือทานวิตามิน

อย่างไรก็ตาม การฉีดเมโสหน้าใสอาจไม่เหมาะกับบุคคลที่มี

  • โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคเริม โรคอีสุกอีใส
  • ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีอาการแพ้ยา

ก่อนตัดสินใจฉีดเมโสหน้าใส จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว และเลือกสูตรยาที่เหมาะสม


เมโสหน้าใส อันตรายไหม ?

การทำเมโสหน้าใส (Mesotherapy) เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย หากใช้ตัวยาเมโสหน้าใสของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ภายในคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาดปลอดเชื้อ 

อย่างไรก็ตาม หากใช้ตัวยาปลอม ไม่ฉีดกับแพทย์มากประสบการณ์หรือซื้อเมโสหน้าใสมาฉีดด้วยตัวเอง รวมถึงทำกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ขาดสุขอนามัย ก็เสี่ยงทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น รอยแดง บวม ช้ำ อาการแพ้ ติดเชื้อ ผิวหน้าอักเสบ ผิวอ่อนแอ ไวต่อแสง 

การปฏิบัติตัวก่อนฉีดเมโสหน้าใส

  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาบางชนิด ที่อาจทำให้เลือดหยุดยาก เช่น ยาแอสไพริน อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือการเข้าห้องซาวน่า ก่อนการฉีด 1-2 วัน เพื่อไม่ให้เกิดการเสี่ยงต่อการบวมหรือฟกช้ำ
  • ดูแลสุขภาพผิว ให้ความชุ่มชื้นกับผิวหน้าอย่างเพียงพอ และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคืองก่อนการฉีด
  • ปรึกษาแพทย์ หากมีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาบางชนิดอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีด เพื่อประเมินความเสี่ยงและคำแนะนำที่เหมาะสม

หากเคยเลเซอร์หน้ามาก่อนต้องเว้นกี่วัน ? ก่อนฉีดเมโสหน้าใส

หากใครที่เคยทำการเลเซอร์หน้ามาก่อน ควรเว้นระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีดเมโสหน้าใส เพื่อให้ผิวหน้ามีเวลาฟื้นตัวจากการรักษาด้วยเลเซอร์ และช่วยลดความเสี่ยงต่อการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดเมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส ทำร่วมกับหัตถการใดได้บ้าง ?

เมโสหน้าใสสามารถทำร่วมกับหัตถการด้านความงามอื่น ๆ ได้หลายอย่าง เช่น การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อก เมโสแฟต ร้อยไหม ทำ Hifu Ultraformer III, Ulthera, Thermage 

อย่างไรก็ตาม การทำหัตถการใดร่วมกัน ควรได้รับการประเมินและคำแนะนำจากแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ขั้นตอนการฉีดเมโสหน้าใส

ขั้นตอนการฉีดเมโสหน้าใส

  1. ปรึกษาแพทย์ แจ้งแพทย์เกี่ยวกับปัญหาผิว ประวัติการแพ้ ยาที่ทาน โรคประจำตัว จากนั้นแพทย์จะประเมินสภาพผิว และเลือกสูตรเมโสที่เหมาะสม
  2. เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวหน้า เช็ดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบริเวณที่ฉีดออก เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  3. สามารถขอแปะยาชาได้ในผู้ที่กลัวเจ็บมาก ๆ โดยรอยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 30 นาที เพื่อลดความเจ็บในขณะฉีด หรือประคบน้ำแข็งระหว่างฉีด เพื่อลดอาการบวมแดงจากรอยเข็ม
  4. การฉีดเมโสหน้าใส จะใช้เข็มขนาดเล็ก โดยฉีด 16 จุดเน้นเฉพาะจุดที่มีปัญหา
  5. รับคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังทำจากแพทย์

การปฎิบัติตัวหลังฉีดเมโสหน้าใส

การปฎิบัติตัวหลังฉีดเมโสหน้าใส

  • หลีกเลี่ยงการกด นวดผิว บริเวณที่ทำทันที ในช่วง 1-2 คืนแรก
  • งดทาครีมบริเวณที่ฉีดเมโสหน้าใส 1 คืน เพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบ
  • ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ 2 ลิตรต่อวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและมลภาวะ หมั่นทาครีมกันแดด ที่มี SPF50 PA+++ เป็นประจำ
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ การสูบบุหรี่ อาหารหมักดอง ของมัน ของทอด และอาหารรสจัด
  • ทานยาแก้ปวดและประคบเย็นได้ หากมีอาการปวด บวม หรือช้ำ บริเวณที่ทำ

หัตถการอื่น ๆ ที่ช่วยให้หน้าใส นอกจากเมโสหน้าใส

หมวดหมู่หัตถการ  หัตถการ
1. เลเซอร์หน้าใส
  • เลเซอร์ IPL (Intense Pulsed Light) 
  • เลเซอร์ CO2 Fractional
  • เลเซอร์ Picosecond
2. ทรีตเมนต์หน้าใส
  • ไฮดราเฟเชียล (HydraFacial)
  • Dermabrasion
  • Microdermabrasion
  • Chemical Peel
  • กดสิว
3. การเติมวิตามินผิว
  • ฉีดวิตามินซี ( Vit C )
4. เทคโนโลยีกระชับผิว
  • Thermage FLX
  • Ultherapy
  • Ultraformer III 
5. การบำรุงผิวด้วยตัวเอง
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การเลือกหัตถการที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์มากประสบการณ์เพื่อประเมินสภาพผิว และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน


เมโสหน้าใส ราคาเท่าไหร่ ?

เมโสหน้าใสราคาขึ้นอยู่กับสูตรเมโสหน้าใสที่ใช้ และจำนวนครั้งที่ฉีด ดังนี้ 

ตัวอย่างราคาเมโสหน้าใส

สูตรเมโสหน้าใส จำนวนครั้ง ราคา
  • มาเด้คอลลาเจน
1 ครั้ง 2,500 บาท
คอร์ส 5 ครั้ง 9,900 บาท
  • Filorga (Fillmed NCTF 135 HA)
1 ครั้ง 9,000 บาท
คอร์ส 5 ครั้ง 39,000 บาท
  • REVS (NCFS)
1 ครั้ง 6,000 บาท
คอร์ส 5 ครั้ง 25,000 บาท
  • Alpha arbutin
  • Tensonez
  • Neo-Glutanex Glow
1 ครั้ง 3,500 บาท
คอร์ส 5 ครั้ง 15,000 บาท


สรุป 

เมโสหน้าใส ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงสภาพผิวให้ดูดีขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรอยสิว รอยด่างดำ ความไม่สม่ำเสมอของสีผิว ริ้วรอยแห่งวัย และปัญหาผิวอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับสูตรเมโสที่เลือกใช้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลผิวแบบเร่งด่วน 

อย่างไรก็ตาม ก่อนทำควรตัดสินใจอย่างรอบคอบ เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ เลือกใช้ตัวยาเมโสหน้าใสแท้ กับคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัย