- 3 วิธีปลูกผม Follicular Unit Extraction ( FUE ) ถาวร แบบธรรมชาติ
- ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร อันตรายหรือไม่บทความนี้มีคำตอบ !
- ฟิลเลอร์คืออะไร สวยแต่เสี่ยงหรือไม่ ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ใต้ตา ปาก จมูก คาง
- คัพ 75 A จะอัพไซส์ได้แค่ไหน
- โหงวเฮ้งแบบไหนที่ถือว่าดี
- ผู้ชายก็ทำศัลยกรรมได้
- การศัลยกรรมยกกระชับแก้ม และสารเติมเต็มโหนกแก้ม
- การดูแลตัวเองหลังทำศัลยกรรม
- การเลือกคลินิกศัลยกรรมที่เหมาะกับตัวเอง
- การทำศัลยกรรมของคนแต่ละช่วงอายุ
- ทำไมต้องศัลยกรรมหน้าผากและไรผม
- การศัลยกรรมที่เหมาะสมสำหรับอาชีพต่างๆ
- เช็คลิสต์ก่อน ศัลยกรรม ( Surgery )
- ศัลยกรรมใบหน้าเพื่อความสมบูรณ์ของใบหน้า โครงหน้าและแนวขากรรไกร
- สิ่งที่เราเคยสงสัยกับการทำศัลยกรรม
- หน้าไม่สวย ขาเรียวสวย ไว้ก่อน
- โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไรกัน?
- เสริมหน้าอก เพิ่มเสน่ห์ผู้หญิง
- การดูดไขมันที่ให้ผลลัพธ์ 15 เท่า
- เลเซอร์ ( Laser ) นวัตกรรมเพื่อความงาม
- การป้องกันและการแทรกซ้อนจากการ เสริมจมูก
- แก้ไขตาล่างด้วยการศัลยกรรม
- ไขข้อสงสัยการทำตาและทำตาแบบ ฝ คืออะไร
- วิธีกรีดแผลศัลยกรรมชั้นตาตามความเหมาะสม
- ผ่าตัดศัลยกรรมชั้นตาแบบแผลขนาดเล็ก
- ปรับรูปตาอย่างไรให้ใบหน้าดูดี
- ศัลยกรรมใบหน้าเพื่อคงความอ่อนเยาว์
- เนรมิตจมูกสวยเข้ารูปทรงด้วยศัลยกรรม
- ยกเครื่องศัลยกรรมกระดูกใบหน้า
- ขั้นแรกของการศัลยกรรมที่ควรรู้
- ศัลยกรรมปลูกรากผม ปลุกความมั่นใจ
- 7 ทรงจมูกสุดฮิต ที่สาวไทยนิยมทำมากที่สุด
- ไหมละลาย ของวิเศษจากนางฟ้าใจดี
- เมโสหน้าใส สปาบำบัดเพื่อใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ
- เมโสแฟต ( Meso Fat ) แก้ปัญหาความไม่กระชับให้กลับสู่ความสาว
- Hyaluronidases เอนไซม์ที่ช่วยจัดการเซลลูไลท์ที่ไร้ประโยชน์
- กรดไฮยาลูโรนิค ( Hyaluronic acid ) คืออะไร
- ข้อควรรู้ก่อนการ ผ่าตัดกราม ( Jaw Surgery )
- เลเซอร์หลุมสิว รักษาหลุมสิว ด้วย สามวิธีขั้นเทพ
- ตาสองชั้น ศัลยกรรม กรีดตาสองชั้น ราคาเบาๆ ตาสวย ดูธรรมชาติ
- ปลูกผมหุ่นยนต์ รวดเร็วแม่นยำ ไร้ผลข้างเคียง สร้างผมใหม่ที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต
- เลเซอร์ฝ้า อย่างไรให้ได้ผลดีมีประสิทธิภาพที่สุด
- ลบรอยสักด้วยเลเซอร์จะหายจริงไหม ทำแล้วจะอันตรายหรือเปล่า โพสต์นี้ต้องอ่าน
- ศัลยกรรมปลูกผม มันคืออะไร ปลูกแล้ว มันได้ผลจริงๆหรือ
- การปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation ( FUT ) ทำครั้งเดียวสร้างเส้นผมใหม่ที่ถาวร
- ศัลยกรรมปลูกผมแบบ Follicular Unit Extraction ( FUE ) สร้างเส้นผมถาวร แบบ ไร้รอยแผล
- ผ่าตัดโหนกแก้ม ความสวยแบบถาวร กับโครงหน้าใหม่ไร้ที่ติ
- ซิลิโคนแต่ละแบบ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรกันบ้างนะ
- การเตรียมตัวเองก่อนไปเสริมจมูก แบบง่ายๆ ที่คลินิกทั่วโลกเขาใช้กัน
- อยากสวยต้องรู้ วัสดุที่นำมาใช้ในการเสริมจมูกได้แก่อะไรบ้าง
- เสริมจมูกแบบไหน และอย่างไรดี ถึงจะปัง พร้อมข้อดีและเสีย
- แป้งเจ้านาง พัฟแห้ง เปียก ภายในตัว กันน้ำ ปกติดริ้วรอยได้ดังใจ
- How to น่ารู้สำหรับสาวๆ ที่อยากสวยด้วยวิธีการร้อยไหม
- ปากกระจับ | ปากบาง | ปากปีกนก
- ฉีดโบท็อกซ์ อันตรายไหม ก่อนจะทำต้องรู้อะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบ
- ดูดไขมัน Water Jet ด้วยพลังงานน้ำอ่อนโยน ไม่ต้องดมยา
- ดูดไขมัน Power Assisted Liposuction
- ดูดไขมัน Smart Lipo มี ข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร
- ดูดไขมันแบบ Body Tite แผลเล็กพร้อมกระชับผิวได้ภายในตัว
- ดูดไขมัน Vaser Liposelection ( VASER )
- 5 วิธีการดูดไขมัน ต้นแขน+ต้นขา สลายไขมันให้หายได้ภายในพริบตา
- คำถามที่พบบ่อยเรื่องการเสริมหน้าอก
- การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการเสริมหน้าอก พร้อม ผลข้างเคียง
- เสริมหน้าอก ทรงไหนดี ทรงซิลิโคน มีข้อดีข้อเสีย อย่างไรบ้าง
- วิธีลดต้นขา มีต้นขาใหญ่ อย่าไปกลัว เพราะมีวิธีแก้
การปลูกผม
การปลูกผม ( Hair Transplantation ) เป็นหนึ่งในการศัลยกรรมผิวหนังเพื่อแก้ไขปัญหาศีรษะล้าน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้ผมของตัวผู้เข้ารับการปลูกผมมาใช้ในการปลูกผม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มี ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน เรามีอีกหนึ่งทางเลือกให้คุณ นั่นคือการ ปลูกผม แต่ที่หลายคนสงสัย ก่อนที่เราคิดว่าจะปลูกผมที่ไหนดี เราไปดูก่อนดีกว่าว่าสาเหตุใดบ้างที่จะทำให้ผมร่วง ผมบาง หรือ ศีรษะล้านก่อนวัยอันควร
สาเหตุที่ทำให้ ผมร่วง ผมบาง
1.สารเคมี สารเคมีอยู่กับเราในทุกครั้งที่เราเข้าร้านทำผมหรือแม้แต่อยู่ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น การดัด ย้อม ฟอก ทำสี ซึ่งถ้าคุณทำบ่อยๆ หรือใช้สารที่ไม่ได้มาตรฐาน นั่นก็อาจจะส่งผลทำให้เกิดการสะสมของสารเคมี ดังนั้นเมือ่ไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่า ผมเริ่มบางลง หรือมีอาการร่วงเป็นหย่อมๆ ให้ทำการหยุดใช้ไปปรึกษาแพทย์ในทันที นอกจากนี้ การ การทานยาบางชนิด หรือผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาด้วยการให้คีโม ก็สามารถทำให้ผมร่วมด้วยเช่นกัน
2.ความไม่สมดุลของฮอร์โมน เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เห็นที่เห็นได้บ่อย เช่นกลุ่มคนที่เป็นโรคบางชนิด เช่น ไทรอยด์ การผ่าตัดรังไข่ ที่อาจจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับฮอร์โมน นั่นจึงอาจเป้นตุที่ทำให้ผมร่วง รวมถึงระยะช่วงตั้งครรภ์ และหลังคลอด เพราะจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสูง ก็อาจจะทำให้เกิดอาหารผมร่วง แต่ผมในกรณีนี้ ฮอร์โมนจะกลับสู่ภาวะปกติได้ ใน 3-6 เดือน หากฮอร์โมนเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง
3.พันธุกรรม เรามั่นใจว่าหลานคนคงทราบว่า พันธุกรรมก็เป็นส่วนสำคัญทีเดียว โดยเฉพาะในเพศชาย แต่ถึงอย่างนั้นผู้หญิงก็เป็นเช่นกัน โดยผมร่วงแบบแอนโดรจีนิค ( androgenic alopecia ) นั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน แต่สามารถพบทั้งในผู้ชายและผู้หญิง เปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมน ดีเอชที ( DHT – dihydrotestosterone ) ทำให้กระเปราะของรากผมนั้นมีขนาดเล็กลง และจะทำให้ผมที่ขึ้นใหม่นั้นมีเส้นเล็กและบางลง ซึ่งก็จะทำให้ผมไม่แข็งแรง ไม่หนา และบางลงเรื่อยๆ ทั้งยังมีการขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย
นอกจากสาเหตุทั้ง 3 ที่ว่ามาแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็น ความเจ็บป่วยทางร่างกาย และจิตใจ การขาดสารอาหารหรือได้รับอาหารที่ไม่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งวิธีที่พอจะช่วยลดอาการผมบาง และลดความเสี่ยงที่จะหัวล้านในอนาคตนั้น การพบแพทย์จึงเป็นหนทางที่ดีอีกหนึ่งทางที่จะช่วยไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆ
หากถามหาการแก้ไขปัญหาหัวล้านด้วย วิธีการปลูกผม นั้น เราคิดว่าในบางรายที่เกิดการผมบางเพราะเคมีบางชนิด หรืออาจจะเป็นความผิดปกติของฮอร์โมน ซึ่งเส้นผมที่ร่วงไปนั้นก็จะสามารถกลับขึ้นมาใหม่ได้ หลังจากหยุดการรับเคมี หรืออยู่ในสภาวะฮอร์โมนสมดุล แต่ในรายที่หัวล้านจากกรรมพันธุ์ การปลูกผมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
หากถามว่าปลูกผมที่ไหนดี สิ่งแรกที่ควรจะพิจารณาคือวิธีการปลูกผมของแต่ละที่และแต่ละชนิดกันก่อน เราไปดูดีกว่าว่า ปลูกแบบไหนดีกว่ากัน
วิธีการปลูกผม
ซึ่งวิธีการต่างๆจะแบ่งออกเป็น 4 แบบได้แก่
แบบที่ 1 เรียกว่าการตัดหนังศีรษะ หรือ FUT ย่อจาก Follicular Unit Transplantation หรือ Strip Technique
เทคนิคนี้ถือเป็นเทคนิคปลูกผมในยุคแรกๆ ประมาณ 10 ปี ถือเป็นการผ่าตัดขนาดเล็กแพทย์จะทำการตัดหนังศีรษะที่อยู่บริเวณท้ายทอย จากนั้นจะเย็บแผลประกบกัน ในรายที่ปลูกจำนวนมาก จะใช้ลวดในการเย็บเพื่อช่วยประกบแผล จากนั้น ก็จะนำผมที่ได้มาทำการแบ่งเป็นกอ และก็จะนำกอผมนั้น ไปปลูกที่บริเวณที่ต้องการ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้มีแผลที่เห็นได้ชัด และเป็นแนวยาวตามรอยผ่าตัด ต้องใช้เวลาพักฟื้นที่ยาวสักหน่อย เพื่อต้องรอให้บาดแผลที่เย็บนั้นปิดสนิท และนอกจากนี้ยังถือว่าเป็นการเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ในปัจจุบันจึงไม่ค่อยนิยม
( จริงๆวิธีปลูกผม ทุกวิธี ก็ดีทั้งหมดแหละ ที่เหลือ ก็ต้องอยู่กับแพทย์ ว่ามีความเชี่ยวชาญพอหรือไม่ )
แบบที่ 2 การเจาะกอผม หรือเรียก FUE ย่อจาก Follicular Unit Extraction
ซึ่งถือว่าเป็นการการพัฒนาในรุ่นต่อมาในการปลูกผม โดยการใช้เครื่องมือที่มีปลายเหมือนหลอดขนาดเล็ก ทำการวางคร่อมกอผม และทำการเจาะกดทีละกอ จากนั้นก็ใช้คีมปลายแหลม คีบผมขึ้นมาพร้อมเซลล์รากผม แล้วก็นำไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งจะบอกว่า ข้อดี คือ ไม่ต้องผ่าตัด ก็คงจะไม่ใช่ เพราะถ้าเป็น surgery ยังไงก็ถือว่าเป็นการผ่าตัดอยู่ดี แต่การปลูกผมด้วยวิธีนี้ สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะเกิดจากการติดเชื้อ แต่เนื่องด้วยระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น
การปลูกผม จะค่อนข้างใช้เวลาที่นานมาก ขั้นตอนการดึงผมจากด้านหลังจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ช.ม และใช้เวลาในการปลูกอีก ประมาณ 2 ช.ม
# ส่วนสีขาวๆ ที่เห็น มันอาจจะดูน่ากลัวไปหน่อย แต่ความจริงคือ มันเป็นอาหารของเส้นผม เดียวสักพักมันก็จะแห้งไปเอง
เนื่องจากต้องเจาะด้วยมือทีละกอ ซึ่งจะทำให้คุณภาพเซลล์รากผมลดลง นอกจากนี้ การกดเจาะที่อาจจะไม่เชี่ยวชาญนัก อาจทำให้กอผมช้ำ และไม่ได้คุณภาพ และเนื่องด้วยราคาของอุปกรณ์ที่ค่อนของสูง ทำให้โรงพยาบาลในหลายๆที่ ไม่นิยมที่จะใช้วิธีนี้ เพราะเป็นการลงทุนกับอุปกรณ์เพิ่ม
การปลูกผมแบบ FUE จะเห็นผลภายในกี่เดือน : คำตอบคือ จะเห็นผลแบบชัดเจนประมาณ 8-10 เดือน
คำถามที่พบเจอบ่อยในการปลูกผมแบบ ( Follicular Unit Extraction ) FUE
- สามารถย้อม สระ ไดร์ ตัดผม ได้หรือไม่ !
ตอบ : สามารถทำได้ตามปกติเลย เพราะผมที่ใช้ เป็นผมจริง ดังนั้นไม่ต้องห่วง
2. ผมที่ถูกดึงมาใส่ข้างหน้า ส่วนมากมาจากจุดไหน ?
ตอบ : บริเวณท้ายทอย จะใช้ประมาณ 2,000 – 5,000 เส้น
3. ตอนปลูกผมเจ็บไหม ?
ตอบ : เจ็บเฉพาะตอนที่ฉีดยาชาเพียงอย่างเดียว ที่เหลือ ฟิน ๆ สบายมาก
แบบที่ 3 แขนกลปลูกผม หรือเรียก Robot Hair Transplant
ซึ่งแบบนี้เป็นการพัฒนาล่าสุดของการปลูกผม ซึ่งจะสามารถช่วยแก้ปัญหาด้านระยะเวลา และลดขนาดของแผลที่เกิดจากการปลูกผมในรูปแบบดั่งเดิมได้ ซึ่งเทคนิคนี้จะมีเจ้าแขนกลที่จะมาช่วยในการเจาะกอผม ซึ่งจะทำหน้าที่ควบคู่กับทีมปลูกผม โดยแพทย์จะทำการประเมินความลาดเอียง ความลึก รวมถึงขนาดของกอผม และจากนั้นจะใช้แขนกลช่วยในการเจาะผม โดยแขนกลนี้จะสามารถทำการปรับความแรง ความลึก และยังช่วยดูดผมให้ออกมาได้เลยในทันทีที่เจาะ ถือเป็นการลดขั้นตอนในการเจาะผม
ด้วยวิธีนี้ จะทำให้รอยเจาะผมนั้น หายสนิทใน 1-2 วัน และเมื่อไม่มีแผลก็จะยิ่งลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในการปลูกขนส่วนอื่นได้อีกด้วย เช่น การปลูกคิ้ว ปลูกหนวด ปลูกไรขน ปลูกขน หรือหน้าอก
แบบที่ 4 โดยใช้หุ่นยนต์เต็มรูปแบบ ( the ARTAS ® Robotic Procedure )
การพัฒนาล่าสุดของการ ปลูกผม คือ หุ่นยนต์ปลูกผมที่เรียก ARTAS เป็นหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่เจาะผม โดยก่อนจะเริ่มปลูกผม คนไข้จะต้องถูกล็อคกับเครื่องมือ เพื่อไม่ให้มีการขยับศีรษะ จากนั้นเจ้าเครื่องนี้จะทำการประเมินและทำการเลือกกอผม แล้วเจาะออกมาทีละกอ
เนื่องจากเป็นเครื่องมือรุ่นแรก การเจาะด้วย ARTAS นั้น จึงยังมีความล่าช้ากว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และยังต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติมอีกมากเพื่อความแม่นยำ และความเร็วที่เพิ่มขึ้น การปลูกผมด้วย ARTAS ยังทำให้เกิดแผลเป็นที่กว้างกว่าแบบแขนกลที่ 1.0 มิลลิเมตร ทำให้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในการใช้งาน ทั้งเครื่องมือยังมีราคาสูงมาก ทำให้ราคาในการปลูกผมด้วยวิธีนี้สูงกว่าปกติ
เมื่อเรารู้แล้วว่า แต่ละที่มีบริการแบบไหน เมื่อเราทำการเทียบวิธีการทำและข้อดีข้อเสียแล้ว เราก็จะสามารถเลือกร้านที่ช่วยทำให้การปลูกผมของเราสมบูรณ์และไม่มีผลข้างเคียงได้แล้ว หวังว่าบทความ 3วิธีปลูกผม FUE ถาวร แบบธรรมชาติ คงถูกใจเพื่อนๆทุกคนนะครับ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
ศัลยา คงสมบูรณ์เวช. บำบัดเบาหวานด้วยอาหาร. พิมพ์ครั้งที่ 4 (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : อัมรินทร์เฮลท์ อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2559. (12), 311 หน้า. (ชุดชีวิตและสุขภาพ ลำดับที่ 113) 1.เบาหวาน 2.โภชนบำบัด 3.การปรุงอาหารสำหรับผู้ป่วย 4.การดูแลสุขภาพตนเอง. 616.462 ศ7บ6 2559. ISBN 978-616-18-7741-9.