ตรวจหาค่าความผิดปกติของ ตับ Gamma GT ( GGTP )
Gamma GT ( GGTP ) เป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งโดยมีต้นกำเนิดมาจากกรดอะมิโน ทำหน้าที่ในการผลิต Gamma GT ออกมาอย่างหนาแน่น

ตรวจหาค่าความผิดปกติของ ตับ Gamma GT ( GGTP )

Gamma GT ( GGTP ) เป็น การตรวจเพื่อเช็คการทำงานของเซลล์ตับว่ามีความปกติดีหรือไม่ โดยตรวจหาจากค่าของเอนไซม์ ที่มีชื่อว่า Gamma GT นั่นเอง แต่ทั้งนี้ก็จะต้องทราบด้วยว่า เซลล์ของตับได้รับความเสียหายจากอะไร พิษของยาหรือพิษของแอลกอฮอล์ เพื่อประเมินค่าการเกิดพิษว่ามากน้อยเพียงใด และเมื่อทำการตรวจร่วมกับค่า ALP ก็จะช่วยยืนยันการเกิดสภาวะโรคกระดูกได้อย่างแน่นอนมากขึ้นอีกด้วย

ค่า Gamma GT คือ

1. Gamma GT  เป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งโดยมีต้นกำเนิดมาจากกรดอะมิโน ซึ่งจะหลุดผ่านผนังเซลล์ออกมาภายนอกเซลล์ก็ต่อเมื่อได้รับเหตุกระทบบางอย่างเท่านั้น โดยแหล่งที่ทำหน้าที่ในการผลิต Gamma GT ออกมาอย่างหนาแน่นที่สุด ก็คือตับนั่นเอง

2. สำหรับแหล่งที่ผลิต Gamma GT  หนาแน่นรองลงมาจากตับ ได้แก่ สมอง ม้าม หัวใจ ไต ลำไส้เล็กและต่อมลูกหมาก เป็นต้น ซึ่งทั้งนี้ในผู้หญิงมักจะมีค่า Gamma GT ที่ต่ำกว่าผู้ชาย นั่นก็เพราะผู้หญิงไม่มีต่อมลูกหมาก

3. ค่าของ Gamma GT ที่ตรวจพบสามารถบ่งบอกได้ถึงความผิดปกติของเซลล์ตับได้ เพราะค่าดังกล่าวมีความไวต่อการสะท้อนถึงสภาวะความผิดปกติใดๆ ของตับ และจะมีค่าสูงขึ้นหากมีเหตุที่ก่อให้เกิดความผิดปกติกับท่อน้ำดีของตับ ดังนี้

  • ท่อน้ำดีตีบหรือตัน ทำให้ค่า Gamma GT สูงขึ้น
  • ท่อน้ำดีเกิดการอักเสบ แต่ยังไม่ถึงขั้นตีบหรือตัน เป็นผลให้ตับต้องหลั่งเอา Gamma GT  ออกมามากกว่าปกติ
  • ถุงน้ำดีอักเสบทำให้ตับมีการปล่อย Gamma GT  ออกมาสูงกว่าปกติ อย่างไม่สามารถควบคุมได้

4. การกระทบกระเทือนที่เกิดขึ้นต่ออวัยวะต่างๆ ไม่เพียงแต่ทำให้ค่า Gamma GT  สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ค่า ALP สูงขึ้นตามไปอีกด้วย เว้นแต่การเกิดโรคที่กระดูก จะพบว่าเฉพาะค่า ALP เท่านั้นที่สูงขึ้น ส่วนค่าของ Gamma GT  ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ

สรุปดังตารางดังต่อไปนี้

สภาวะผิดปกติ Gamma GT ที่อวัยวะใดๆ ALP จะสูงขึ้น
สภาวะผิดปกติ Gamma GT จากโรคกระดูก ALP จะสูงขึ้น

5. สำหรับผู้ที่มีการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักเป็นประจำทุกวัน มักจะตรวจพบค่า Gamma GT ที่สูงกว่าระดับปกติมากถึงร้อยละ 75 นั่นก็เพราะเซลล์ตับจะถือว่าแอลกอฮอล์เป็นสารพิษเหมือนกับยานั่นเอง

6. ในผู้ที่มีอาการป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลัน ก็มักจะตรวจพบค่าของ Gamma GT ที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติเช่นกัน โดยจะสูงขึ้นต่อเนื่องจากเวลาที่เกิดภาวะดังกล่าวไปอีกประมาณ 5-10 วันนั่นเอง นั่นก็เพราะว่าขณะที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอย่างเฉียบพลัน จะเกิดการสะดุดการทำงานลง เป็นผลให้ไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงตับได้อย่างเพียงพอ ทำให้ตับปล่อยเอนไซม์ Gamma GT ออกมามากขึ้น และต้องใช้เวลาเป็น 10 วันเลยทีเดียวกว่าจะสามารถฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้ดังเดิม

ค่าปกติของ Gamma GT

1.ค่าความปกติของ Gamma GT ให้ยึดเอาตามค่าที่ได้ระบุไว้ในใบรายงานผลการตรวจเลือด ( ถ้ามี )

2.ค่าปกติโดยทั่วไปมักจะอยู่ที่

ชาย อายุ 16 ปีขึ้นไป Gamma GT : 6 – 38 IU/L
หญิง อายุ 16-44 ปี Gamma GT : 4 – 27 IU/L
หญิง อายุ 45 ปีขึ้นไป Gamma GT : 6 – 37 IU/L
เด็ก Gamma GT : 3 – 30 IU/L

หมายเหตุ :  ผู้สูงอายุ อาจมีค่าเกินเกณฑ์ปกติเล็กน้อย

Gamma GT ( GGTP ) เป็นการตรวจเพื่อเช็คการทำงานของเซลล์ตับว่ามีความปกติดีหรือไม่ โดยตรวจหาจากค่าของเอนไซม์

ค่าผิดปกติของ Gamma GT

1. หากค่าที่มีการตรวจพบไปในทางน้อย อาจแสดงได้ว่า

  • เป็นเหตุที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะโดยปกติแล้วเซลล์ตับจะต้องทำงานทุกวันและต้องการมีกระทบกระทั่งตลอดเวลา ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตรวจไม่พบค่า Gamma GT ซึ่งส่วนใหญ่ควรจะตรวจพบค่าการตรวจเลือดดังกล่าวนี้อยู่ในระดับหนึ่งเสมอ
  • อาจเกิดจากการกินยาบางประเภท ที่ทำให้เกิดการยับยั้งการทำงานของเซลล์ตับ แต่ส่วนมากจะเกิดน้อยรายและไม่ค่อบพบเห็นมากนัก สำหรับยาที่อาจไปยับยั้งการทำงานของเซลล์ตับได้ก็มีกลุ่มยาดังนี้ กลุ่มยา Statin และ Clofibrate ที่ใช้สำหรับการลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ และกลุ่มยา Contraceptives ที่ใช้สำหรับการคุมกำเนิดนั่นเอง โดยกลุ่มยาเหล่านี้อาจทำให้ค่า Gamma GT ที่ตรวจพบในเลือด มีค่าที่ลดลงเบี่ยงเบาไปจากความเป็นจริง และยังมีผลข้างเคียงอีกหลายประการอีกด้วย

2. หากค่าที่มีการตรวจพบไปในทางมาก อาจแสดงได้ว่า

  • กำลังเกิดโรคร้ายแรงบางอย่างขึ้นที่ตับ ทำให้ตับไม่สามารถควบคุมการปล่อย Gamma GT  ออกมาได้ ค่าที่ตรวจพบจึงสูงมาก โดยสภาวะร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นที่ตับ ได้แก่ โรคมะเร็งตับ โรคตับแข็ง โรคตับอักเสบ สภาวะเนื้อตายเป็นบางส่วน หรือการที่ตับได้รับพิษจากยาหรือสารพิษบางอย่าง เป็นต้น
  • เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ( Myocardial Infarction ) เป็นผลให้ไม่สามารถส่งผ่านเลือดไปเลี้ยงตับได้อย่างเพียงพอ
  • เกิดพิษจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และดื่มมาเป็นเวลายาวนาน ส่งผลให้ตับถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก
  • เป็นโรคที่ตับอ่อน ซึ่งอาจเป็นได้หลายโรค เช่น โรคมะเร็งที่ตับอ่อนและโรคตับอ่อนอักเสบ เป็นต้น

ร่วมตอบคำถามกับเรา

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

ประสาร เปรมะสกุล, พลเอก. คู่มือแปลผลตรวจเลือด เล่มสอง. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์, 2554. 416 หน้า. 1. เลือด – การตรวจ I.ชื่อเรื่อง. 616.07561 ISBN 978-974-9608-49-4.

Nussey S, Whitehead S (2001). Endocrinology: an integrated approach. Oxford: Bios Scientific Publ. ISBN 978-1-85996-252-7.

https://emedicine.medscape.com/article/128567.