อัลมอนด์มีแคลเซียมสูงขนาดไหนกันนะ?  ( Almonds )

0
5774
อัลมอนด์มีแคลเซียมสูงขนาดไหนกันนะ? (Almonds)
อัลมอนด์ เป็นถั่วชนิดหนึ่งที่อุดมด้วยไขมันดี โปรตีน แมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินอีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
อัลมอนด์มีแคลเซียมสูงขนาดไหนกันนะ? (Almonds)
อัลมอนด์ เป็นถั่วชนิดหนึ่งที่อุดมด้วยไขมันดี โปรตีน แมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินอีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

อัลมอนด์

อัลมอนด์  ( Almonds ) ถั่วยอดนิยมสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ถั่วเม็ดเล็ก ๆกรุบๆกรอบๆ ถ้าได้ลองกินสักครั้งรับรองว่าต้องติดใจกันทุกคน อัลมอนด์เป็นเมล็ดของผล  Drupe ที่เป็นผลแบบเมล็ดเดี่ยวคือภายในลูกจะมีเพียงแค่เมล็ดเดียวเท่านั้น เมล็ดมีลักษณะคล้ายรูปหยดน้ำมีเปลือกสองชั้น เปลือกชั้นนอกสุดมีความแข็งมาก ส่วนเปลือกชั้นในจะมีลักษณะเป็นเยื่อบางๆติดอยู่กับเมล็ด เมล็ดสามารถทานพร้อมกับเมล็ด ผลอ่อนมีสีเขียวเมื่อแก่จะมีสีน้ำตาลอ่อน เนื้อภายในเมล็ดมีสีขาวครีม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Prunus Dulcis ( Mill. ) D.A.Webb หรือ Prunus amygdalus Batsch เป็นพืชอยู่ในวงศ์กุหลาบ ( Rosaceae )

เมล็ดอัลมอนด์ มีต้นกำเนิดอยู่ในตะวันออกกลางและภูมิภาคเอเชียใต้ ด้วยรสชาติและคุณประโยชน์ที่มีอยู่ในอัลมอนด์ ทำให้อัลมอนด์แพร่ขยายพันธุ์ไปทั่วโลก อัลมอนด์เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ลำต้นสูงมีความสูง 4-10 เมตร ใบยาวประมาณ 3-5 นิ้ว ใบมีเป็นหยักโดยรอบ ดอกประกอบด้วยกลีบดอก 5 กลีบ โคนกลีบรวมกันตรงกลางมีเกสรดอก โคนกลีบดอกจะมีสีเข้มกว่าปลายดอก

ชนิดของ อัลมอนด์

1.อัลมอนด์ชนิดหวาน ( Sweet Almond ) อัลมอนด์ชนิดนี้เป็นที่นิยมนำมาทานเล่นหรือนำไปปรุงอาหารทั้งคาวและหวาน นอกจากการปรุงรับประทานแล้วยังนำไปสกัดทำน้ำมันอัลมอนด์เพื่อใช้การปรุงอาหารแทนน้ำมันพืชชนิดอื่น อัลมอนด์สายพันธุ์ดอกจะมีสีขาว เมล็ดยาวกว่าสายพันธุ์บิทเทอร์เล็กน้อย
2.อัลมอนด์ชนิดขม ( Bitter Almon ) เป็นอัลมอนด์ที่เราไม่สามารถรับประทานได้ทันที เราต้องนำไปสกัดน้ำมันหรือสกัดสารอาหารที่มีประโยชน์ออกมาใช้แทนการรับประทานเล่น ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในอัลมอนด์ชนิดนี้จะมีสารพิษที่ชื่อว่าสารไซยาไนด์ ( Cyanide ) สารนี้มีอัตรายถึงตายได้เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกาย อัลมอนด์สายพันธุ์นี้มีดอกสีชมพู เมล็ดอ้วนแป้นและมีขนาดเล็กกว่าพันธุ์หวาน

อัลมอนด์  ( Almonds ) เป็นถั่วชนิดหนึ่งที่อุดมด้วยไขมันดี โปรตีน แมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินอีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

ประโยชน์ของ อัลมอนด์

อัลมอนด์  คือ ถั่วที่มีสารอาหารที่ทรงคุณค่าต่อร่างกายมากกว่าถั่วชนิดอื่นๆ ถึงขั้นที่เป็นอาหารติดอันดับ 1 ใน 10 ของสุดยอดอาหารที่กินเพื่อสุขภาพ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในอัลมอนด์ทุกเมล็ดนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย วิตามินและแร่ธาตุที่มีอยู่ในอัลมอนด์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมีดังนี้เปลือกของเมล็ดอัลมอนด์มีสารฟลาโวนอยด์ ( Flavonoids ) จากงานวิจัยของ TUFTS University พบว่าสารฟลาโวนอยด์จะทำงานร่วมกับวิตามินอี เข้าไปช่วยดูแลผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง

สถาบันที่มีชื่อเสียงของทั้งอเมริกาและยุโรป ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการรับประทาน อัลมอนด์ พบว่าการรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำทุกวันวันละ 1 หยิบ ช่วยลดระดับไขมันเลวได้ถึง 4.4 % และถ้าเพิ่มอัตราการกินเป็น 2 หยิบมือต่อวันสามารถช่วยลดระดับไขมันเลวได้ถึง 9.4 % ที่ถือว่าเป็นอัตราการเพิ่มที่สูงมาก เมื่อระดับของไขมันเลวลดลงไขมันที่จะเข้าไปในอุดตันในเส้นเลือดก็มีปริมาณลดลง จึงไม่มีการอุดตันในเส้นเลือด เป็นการป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดที่ดีและได้ผลดีมากลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน โดยการลดระดับน้ำตาลในเลือด เพราะว่าเมื่อรับประทานอัลมอนด์ อัลมอนด์จะเข้าไปช่วยให้มีการหลั่งสารอินซูลินหลังรับประทานอาหาร ทำให้ตับและเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ สามารถดูดซึมน้ำตาลในกระแสเลือดที่ได้รับจากรับประทานอาหาร เมื่อน้ำตาลที่ได้รับเข้ามาถูกดูดซึมไปจนหมดแล้ว ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะลดลงนั่นเอง เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดคงที่การหลั่งสารอินซูลินเป็นปกติ อัตราเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานก็ลดน้อยลงด้วย

อัลมอนด์ ยังมีประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนักอีกด้วย เพราะเมื่อรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำ ไม่ว่าจะการรับประทานแทนอาหารมื้อหลัก รับประทานแทนขนมกินเล่น รับประทานเป็นอาหารว่างจะช่วยลดการกินจุกกินจิกและลดดความหิวระหว่างมื้ออาหาร และเมื่อรับประทานเป็นประจำทุกวันจะช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะในอัลมอนด์ 1 เมล็ดนั้นให้พลังงานเพียงแค่ 7 แคลลอรีเท่านั้น เมื่อรับประทานไม่กี่เมล็ดก็จะรู้สึกอิ่มนานอีกด้วย อัลมอนด์จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายที่เป็นแหล่งผลิตไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกาย เมื่อคอลเลสตอรอลลดลงแล้วไขมันที่เกิดขึ้นใหม่ก็ลดลงด้วย

ได้มีการทดลองจากนักวิจัยของประเทศแคนาดาและประเทศสหรัฐอเมริกา ทำการทดลองโดยจัดกลลุ่มทดลองขึ้นมาหนึ่งกลุ่ม ซึ่งทำการคัดเลือกผู้สมัครที่มีความเสี่ยงต่อการมีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงมาร่วมการทดลอง โดย 3 อาทิตย์แรกให้คนกลุ่มนี้รับประทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ต่อจากนั้นให้รับประทานอัลมอนด์  9 สัปดาห์พบว่าระดับคอเลสเตอรอลของคนในกลุ่มทดลองลดลงพ้นจากการเสี่ยงในการมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงได้ทุกคน และระดับไขมันไม่ดี ( LDL ) ในเส้นเลือดลดลง แต่ระดับไขมันเลว ( HDL ) ในเส้นกลับมีปริมาณเท่าเดิมก่อนที่จะเริ่มทำการทดลองอีกด้วย จากผลการทดลองจะพบว่าอัลมอนด์มีสารหลายตัวที่เป็นตัวช่วย รวมถึงวิตามินอีที่ช่วยปกป้องไม่ให้ไขมันเลวเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นเข้าไปทำลายผนังหลอดเลือดแดงในหัวใจ

สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักการรับประทานอัลมอนด์แทนของกินเล่นที่ให้พลังงานสูง และรับประทานแทนข้าวหรืออาหารหลักในบางมื้อหนึ่งมื้อต่อวันนั้นจะช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเส้นใยคุณภาพดี อัลมอนด์ เป็นถั่วที่มีเส้นใยสูงมากทีเดียว เส้นใยจะเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบขับถ่าย ทำให้ขับถ่ายได้เป็นปกติลดอาการท้องผูกซึ่งเป็นที่มาของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีสาเหตุมาจากสารพิษตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่มากและนานเกินไป ทำให้เซลล์มีความผิดปกติเกิดเป็นมะเร็งลำไส้ สารต่อต้านอนุมูลอิสระและโปรตีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งสารตัวนี้จะเข้าไปช่วยเสริมสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้มีมากขึ้น จึงช่วยลดการเกิดริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้า ชะลอให้ดูเยาว์วัยไม่เสื่อมและเป็นแหล่งพลังงานอีกด้วยกรดโฟลิกที่มีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์สมองและระบบประสาทให้กับทารกในครรภ์

และสำหรับผู้ใหญ่แล้วการรับประทาน อัลมอนด์  เป็นประจำจะช่วยป้องกันการเกิดโรคความจำเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ได้การรับประทานอัลมอนด์สามารถรับประทานได้หลายแบบด้วยกัน เพราะปัจจุบันนี้ได้มีการแปรรูปอัลมอนด์ออกมาจำหน่ายในท้องตลาดอย่างหลากหลาย เช่น อัลมอนด์อบเกลือ อัลมอนด์เคลือบน้ำตาล อัลมอนด์อบแห้ง เป็นต้น การรับประทานอัลมอนด์สามารถรับประทานทันทีหรือจะนำมารับประทานร่วมกับอาหารอย่างอื่นเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ทานกับโยเกิร์ต ปั่นรวมกับน้ำผักผลไม้ โรยหน้าบนขนมที่ชอบ ทานกับผักสลัด อัลมอนด์สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น แต่ว่าต้องเก็บไว้ในห่อหรือกล่องที่สุญญากาศแช่เย็นไว้เพื่อคงคุณค่าทางสารอาหารของอัลมอนด์ไว้ได้เป็นอย่างดี

เมนูแนะนำสำหรับ อัลมอนด์

แครน-อัลมอนด์ เทรล มิกซ์
ส่วนผสม

อัลมอนด์  ( Almonds )                     1 ถ้วยตวง

ลูกแครนเบอร์รี่แบบอบแห้ง                    1 ถ้วยตวง

ลูกเกด                                        0.5 ถ้วยตวง

เมล็ดฟักทองแบบอบแห้ง                     ¼ ถ้วยตวง

มะพร้าวแผ่นอบแห้ง                           ¼ ถ้วยตวง

ถั่วเหลืองอบ                                 0.5 ถ้วยตวง

ขั้นตอนการทำ
1.นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ ทำการคลุกเคล้าให้เข้ากัน ด้วยช้อนหรือทัพพี

2.ทำการปิดฝาภาชนะให้สนิท นำไปแช่ตู้เย็นเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ ก็พร้อมนำมารับประทานได้

แครน-อัลมอนด์ เทรล มิกซ์  ในปริมาณ 1/3 ถ้วยตวง จะมีปริมาณสารอาหารดังตารางด้านล่าง

ข้อมูลทางโภชนาการ
แครน-อัลมอนด์ เทรล มิกซ์   (คำนวณจากปริมาณของอาหาร ⅓ ถ้วยตวง)
                                                                          ปริมาณสารอาหาร
พลังงานทั้งหมด                                                        193 แคลอรี
พลังงานจากไขมัน                                                     86 แคลอรี่
%คุณค่าสารอาหารต่อวัน
ไขมันรวม                     10 กรัม                                15%
ไขมันอิ่มตัว                 < 1 กรัม                                  4%
โคลสเตอรอล                  0 มิลลิกรัม                            0%
โซเดียม                        0 มิลลิกรัม                             0%
คาร์โบไฮเดรตรวม         23 กรัม                                  8%
เส้นใยอาหาร                  3 กรัม                                13%
โปรตีน                         7 กรัม
 วิตามิน เอ 0%       วิตามิน ซี < 2%       แคลเซียม 7%      ธาตุเหล็ก 6%      วิตามิน อี 35%

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

รัชนี คงคาฉุยฉาย และ ริญ เจริญศิริ. โภชนาการกับผลไม้. กรุงเทพฯ : สารคดี, 2554. 1.ผลไม้–แง่โภชนาการ–ไทย. I.ชื่อเรื่อง. 641. ISBN 978-974-484-346-3.

Illustration from Franz Eugen Köhler, Köhler’s Medizinal-Pflanzen, 1897
The Plant List, Prunus dulcis (Mill.) D.A.Webb

Bailey, L.H.; Bailey, E.Z.; the staff of the Liberty Hyde Bailey Hortorium. 1976. Hortus third: A concise dictionary of plants cultivated in the United States and Canada. Macmillan, New York.

Rushforth, Keith (1999). Collins wildlife trust guide trees: a photographic guide to the trees of Britain and Europe. London: Harper Collins. ISBN 0-00-220013-9.