กระถินเทศ
ชื่อสามัญ คือ Cassie, Cassie Flower, Huisache, Needle Bush, Sponge Tree, Sweet Acacia, Thorny Acacia[1],[3],[5],[7] ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Acacia farnesiana (L.) Willd. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยสีเสียด (MIMOSOIDEAE หรือ MIMOSACEAE)[7]
ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือ เกากรึนอง (กาญจนบุรี), บุหงาอินโดนีเซีย (กรุงเทพฯ), บุหงาละสะมะนา บุหงาละสมนา (ปัตตานี), กระถินเทศ กระถินหอม คำใต้ ดอกคำใต้ (ภาคเหนือ), กระถิน (ภาคกลาง), ถิน (ภาคใต้), กะถิ่นเทศ กะถิ่นหอม (ไทย), มอนคำ (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), บุหงาเซียม (มลายู-ภาคใต้), อะเจ๋าฉิ่ว (จีน-แต้จิ๋ว), ยาจ้าวซู่ จินเหอฮวน (จีนกลาง)[1],[2],[4],[5]
ลักษณะของกระถินเทศ
- ลักษณะของต้น [1],[2],[5],[7]
– เป็นพรรณไม้พุ่มผลัดใบขนาดย่อม
– กิ่งมักคดไปมาแต่จะยืดจนเกือบตรงเมื่อต้นเจริญเติบโตขึ้น
– ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง
– มีความสูงได้ถึง 2-4 เมตร
– ตามลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลม
– กิ่งจะออกในลักษณะซิกแซ็ก
– เปลือกต้นเป็นสีคล้ำน้ำตาล
– สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง
– เติบโตได้ดีในดินร่วนซุยและดินเหนียวที่อุ้มน้ำได้ดี
– ต้องการน้ำในปริมาณปานกลาง
– ควรปลูกในที่มีแสงแดดทั้งวัน
– มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้
– สามารถพบได้เป็นวัชพืชทั่วไปในเขตร้อน - ลักษณะของใบ [1],[2],[5],[7]
– เป็นใบประกอบแบบขนนกสองชั้น เรียงสลับ
– แกนกลางใบประกอบยาว 4-6 เซนติเมตร
– ก้านใบประกอบยาว 1-1.3 เซนติเมตร
– มีต่อมบนก้านใบ
– เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.2-0.4 มิลลิเมตร
– ไม่มีต่อมบนแกนกลางใบ
– ช่อใบย่อยมี 4-7 คู่ มีความยาว 1.5-3 เซนติเมตร
– ก้านใบประกอบย่อยยาว 2 มิลลิเมตร
– ใบย่อยออกเรียงตรงข้ามกัน มีประมาณ 10-20 คู่
– ใบย่อยเป็นรูปดาบ หรือรูปขอบขนาน
– ปลายใบแหลม
– โคนใบตัด ไร้ก้าน
– ใบย่อยเป็นสีเขียวแก่ มีความยาวประมาณ 2-7 มิลลิเมตร
– โคนก้านใบมีหูใบแปลงรูปเป็นหนามแหลมตรงและแข็ง 1 คู่ ยาว 3-5 เซนติเมตร - ลักษณะของดอก [1],[5],[7]
– ออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่น เป็นพุ่มกลม
– มีหลายช่อออกเป็นกระจุก
– ก้านช่อยาว 1.5-4.5 เซนติเมตร
– ช่อดอกเป็นทรงกลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.6-1 เซนติเมตร
– ที่โคนช่อจะมีใบประดับขนาดเล็ก 4-5 ใบ
– ดอกย่อยไร้ก้าน
– มีใบประดับ 1 ใบ มีความยาว 1 มิลลิเมตร
– กลีบเลี้ยงติดกันเป็นหลอด มีความยาว 1.3-1.5 มิลลิเมตร
– ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ เป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ยาว 0.2 มิลลิเมตร
– กลีบดอกติดกันเป็นหลอด มีความยาว 2.5 มิลลิเมตร
– ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ
– กลีบดอกเป็นรูปขอบขนานขนาดเล็ก มีความยาว 0.5 มิลลิเมตร
– กลีบดอกเป็นสีเหลืองสด และมีกลิ่นหอม
– ดอกมีเกสรเพศผู้เป็นจำนวนมาก
– ก้านชูอับเรณู มีความยาว 3.5-5.5 มิลลิเมตร
– รังไข่ มีความยาว 1.5 มิลลิเมตร
– ก้านเกสรเพศเมียมีรูปร่างเรียวยาว มีความยาวเท่ากับเกสรเพศผู้
– ยอดเกสรมีขนาดเล็ก
– จะให้ดอกเมื่อต้นมีอายุประมาณ 3 ปี
– จะออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม - ลักษณะของผล [1],[2],[5],[7]
– ออกผลเป็นฝัก
– ฝักมีรูปร่างเป็นทรงกระบอก มีความยาว 2-9 เซนติเมตร
– มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.5 เซนติเมตร
– ฝักจะตรงหรือโค้งงอเล็กน้อย
– ผิวฝักจะมีความหนา
– ฝักแก่จะไม่แตก
– ฝักมีเมล็ด 15 เมล็ด
– เรียงเป็น 2 แถว
– เมล็ดเป็นรูปรี มีความแบนเล็กน้อย ยาว 7-8 มิลลิเมตร
– มีรอย (pleurogram) รูปรี ยาว 6-7 มิลลิเมตร
สรรพคุณของยางกระถินเทศ
- ช่วยแก้เยื่ออ่อนของอวัยวะภายในอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น[2],[4]
- ช่วยแก้ไอ แก้เจ็บคอ ช่วยทำให้คอชุ่ม[2],[3]
- ช่วยบรรเทาอาการระคายคอ[1],[2]
- ช่วยแก้อาการปวดตามข้อ[2],[4]
- ช่วยแก้ฝีหนองในปอด[2],[4]
- ช่วยแก้บวม[5]
- ช่วยแก้แขนขาบวมและอักเสบ[2]
- ช่วยแก้อักเสบ ปวดข้อ แก้โรคไขข้ออักเสบ[2],[3],[4],[5]
- ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย[1],[3]
- ช่วยรักษาฝีหนองในร่างกาย[4]
- ช่วยรักษาโรคปอด[4]
- ช่วยแก้เหงือกอักเสบและมีเลือดออก[5]
- ช่วยรักษาแผลในคอ[3]
- ใช้ยาอายุวัฒนะ[1],[3]
- ช่วยแก้อาการเกร็ง[5]
- ช่วยแก้ปวดท้อง และเป็นยากระตุ้น[2]
- ช่วยแก้อาการอาหารไม่ย่อย[2]
- ช่วยแก้ปวดศีรษะ[2]
- ช่วยบรรเทาอาการปวดได้[2],[4]
- ช่วยแก้แผลเรื้อรังและแก้บาดแผล[2],[4],[5]
- ช่วยแก้ไอ[5]
- ช่วยแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน[2],[4]
- ช่วยแก้ท้องเสีย[2],[3],[4]
- ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร[5]
- ช่วยแก้ระดูขาว[2],[4]
- ช่วยสมานแผลห้ามเลือด[2],[3],[4],[5]
ประโยชน์ของกระถินเทศ
- ลำต้นเ จะให้ยางไม้สีเหลืองถึงสีน้ำตาลเข้ม เรียกว่า “กัมอะคาเซีย” (Gum acacia)[1],[2],[5]
– สามารถนำมาใช้ทางด้านเภสัชกรรมเป็นสารแขวนลอย ใช้ทำกาว
– นำมาใช้เป็นสารยึดเกาะในอุตสาหกรรมการผลิตยาเม็ด
– สามารถใช้เป็นยาหล่อลื่นได้
– สามารถนำมาใช้ทำขนมหวานประเภทลูกอม เบียร์ น้ำผลไม้ เบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์สารให้กลิ่นได้ - น้ำมันจากดอก(Cassie oil)[2],[5]
– สามารถนำมาผสมในเครื่องหอมต่าง ๆ
– สามารถนำมาทำน้ำมันใส่ผม หรือนำมาอบผ้าเช็ดหน้าได้
– สามารถนำมาใช้แต่งกลิ่นอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวานได้ แต่ต้องใช้ในปริมาณน้อย - ดอก สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมทำน้ำหอมได้[2],[4],[5]
– นำมาสกัดเอากลิ่นหอมของดอกและกลั่นมาเป็นน้ำหอม - ดอก สามารถนำมาใช้เป็นยาฆ่าแมลงได้[5]
- สามารถนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไปได้[7]
- ราก สามารถนำมาใช้ตำแล้วพอกที่กีบเท้าโค กระบือ จะช่วยฆ่าหรือป้องกันพยาธิได้[2]
- ฝักประกอบไปด้วยของฝาด (tannin) ประมาณ 23%[2],[5]
– สามารถนำมาใช้เป็นสีย้อมแบบการใช้น้ำฝาดและทำหมึกได้
– ใช้ผสมในน้ำต้มย้อมผ้า จะได้เป็นสีธรรมชาติมากขึ้น - เปลือก สามารถนำมาใช้ฟอกหนังได้[2]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยา
- เมื่อปี ค.ศ.1992 ที่ประเทศอียิปต์มีการทดลองใช้สารสกัดจากเมล็ด[3]
– ผลทดลองพบว่า มีฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ - จากการทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดจากใบและเปลือกต้น[6]
– ทดสอบโดยเอทานอลร้อยละ 70 ต่อการต้านมาลาเรียจากเชื้อ Plasmodium falciparum ที่ดื้อต่อยาคลอโรควิน
– พบว่าสารสกัดจากเปลือกต้นมีฤทธิ์ต้านมาลาเรียจากเชื้อ
– ความเข้มข้นที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อได้ครึ่งหนึ่ง มีค่าเท่ากับ 1.3±0.2 มคก./มล.
– สารสกัดจากใบไม่สามารถต้านมาลาเรียได้
– สารสกัดเปลือกต้น สามารถต้านมาลาเรียจากเชื้อ Plasmodium berghei ได้ 32±5% - สารละลายที่ได้จากสมุนไพรชนิดนี้มีความเข้มข้น 1 ต่อ 1,000 ส่วน
– ทำให้สามารถแก้ฤทธิ์ของ acetylcholine และแบลเรียมคลอไรด์ที่มากระตุ้นกล้ามเนื้อมดลูกของหนูใหญ่
– มีฤทธิ์ยับยั้งจังหวะการบีบตัวตามปกติของกล้ามเนื้อมดลูกของหนูใหญ่ที่แยกจากตัว - ในการสกัดสารด้วยแอลกอฮอล์[2],[4]
– นำมาละลายในน้ำขนาด 20-80 มิลลิกรัมต่อกรัม
– พบว่ามีฤทธิ์ทำให้หัวใจของกบที่แยกออกจากตัวนั้นบีบตัวลดลงเป็นจังหวะ
– ความแรงจากการบีบตัวลดลงชั่วคราวในช่วงแรก
– ต่อมาจะเพิ่มการบีบตัวขึ้นเป็นจังหวะ
– ความแรงของการบีบตัวของกระต่ายเมื่อใช้สารสกัดชนิดเดียวกัน
– พบว่าจะทำให้การบีบตัวในระยะแรกเพิ่มขึ้น
– ต่อมาก็จะลดลงเป็นจังหวะ
– ความแรงในการบีบตัวในขนาด 40-80 มิลลิกรัมต่อกรัม
– จะทำให้หัวใจของสุนัขทั้งห้องบนและห้องล่างบีบตัวเพิ่มขึ้นในช่วงแรก ๆ
– ทำให้ความดันเลือดของสุนัขที่ทำให้สลบตกลงในช่วงระยะสั้น
– แล้วความดันเลือดก็จะสูงขึ้นเล็กน้อย
– สารที่สกัดได้มีฤทธิ์ทำให้ปริมาตรและจังหวะในการหายใจของสุนัขเพิ่มขึ้น - ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่พบ[3]
– ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด
– ลดความดันโลหิต
– ขยายหลอดลม
– เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
– ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัว
– ลดการอักเสบ
– ต้านเชื้อแบคทีเรีย
– เสริมฤทธิ์ยานอนหลับ - สารสำคัญที่พบ ได้แก่[3]
– anisaldehyde
– benzoic aldehyde
– chotesterol
– cresol
– djenkolic acid
– eugenol
– hydrocyanic acid
– kaempferol
– kaempferol-7- galloyl0glycoside
– N-acetyl
– sulfoxide
– linamarin
– palmitic acid
– pentadecanoic acid
– sitostrol
– stigmasterol
– tannin
– triacontan-l-o
– tyramine
สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth
เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “กระถินเทศ Sponge Tree, Cassie Flower”. หน้า 29.
2. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “กระถินเทศ”. หน้า 24-27.
3. หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “กระถินเทศ”. หน้า 50.
4. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “กระถินเทศ”. หน้า 34.
5. หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. “ฤทธิ์ต้านมาลาเรียจากสารสกัดเปลือกต้นกระถินเทศ”. เข้าถึงได้จาก : www.medplant.mahidol.ac.th. [05 ก.ค. 2015]. สำนักงานหอพรรณไม้
6. สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “กระถินเทศ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.dnp.go.th/botany/. [05 ก.ค. 2015].
https://medthai.com/
อ้างอิงรูปจาก
1. https://indiabiodiversity.org/
2. https://commons.wikimedia.org/