อบเชยเถา
อบเชยเถา (Atherolepis pierrei Costantin) เป็นไม้เลื้อยที่มักจะพบตามชายป่า ดังนั้นชาวกรุงเทพมหานครจึงเรียกกันว่า “อบเชยป่า” เป็นต้นที่มีผลเป็นรูปไข่ยาวซึ่งผลอ่อนนั้นจะนิยมนำมารับประทานเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริกได้ ส่วนรากมีกลิ่นหอมคล้ายเปลือกอบเชยต้น เป็นต้นที่มีคุณค่าทางโภชนาการและยังเป็นอาหารของสัตว์อย่างโคกระบืออีกด้วย และยังเป็นยาสมุนไพรที่ดีโดยเฉพาะส่วนของรากจากต้นอบเชยเถา
รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของอบเชยเถา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Atherolepis pierrei Costantin
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “อบเชยเถา” ภาคเหนือเรียกว่า “กำยานเครือ เครือเขาใหม่ เถาเชือกเขา” ภาคอีสานเรียกว่า “จั่นดิน กู๊ดิน” จังหวัดกรุงเทพมหานครเรียกว่า “อบเชยป่า” จังหวัดแพร่เรียกว่า “เครือเขาใหม่” จังหวัดนครสวรรค์เรียกว่า “เชือกเถา” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “ตำยาน”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ตีนเป็ด (APOCYNACEAE)
ลักษณะของอบเชยเถา
อบเชยเถา เป็นพรรณไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก มักจะพบทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทยตามชายป่า
ลำต้น : เลื้อยพันต้นไม้อื่นหรือเลื้อยไปตามพื้นดิน ลำต้นหรือเถามีขนสั้นและมีน้ำยางสีขาว เปลือกมีช่องระบายอากาศรูปไข่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เถามีลักษณะกลมเรียวเป็นสีน้ำตาลเทาไปจนถึงสีน้ำตาลม่วง
ราก : มีกลิ่นหอมคล้ายเปลือกอบเชยต้น
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานหรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ผิวใบเรียบเป็นสีเขียวเข้มหรือสีน้ำเงิน ลายเส้นใบเป็นสีขาว ใบมีกลิ่นเหม็นเขียว มียางสีขาวข้น หูใบสั้นมาก ใบอ่อนจะมีขนตามเส้นกลางใบและเส้นใบ แล้วขนนั้นจะค่อย ๆ หลุดร่วงไปเมื่อใบแก่
ดอก : ออกดอกเป็นช่อโดยจะออกตามซอกใบ ช่อหนึ่งจะมีดอกประมาณ 5 – 6 ดอก กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ สีเหลืองอมส้ม กลีบดอกมี 5 กลีบ เป็นสีชมพูอ่อนหรือชมพูอมส้ม โคนกลีบดอกชิดติดกันเป็นรูปถ้วยหรือเป็นท่อสั้น ตรงปลายแยกออกเป็น 5 กลีบ ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายแหลม กลีบดอกจะบิดไปในทางเดียวกัน เมื่อดอกบานจะกางออกแบบดอกมะเขือ มีขนขึ้นประปรายทั้งด้านในและด้านนอก ดอกมีเกสรเพศผู้ติดอยู่กับผนังใจกลางดอก โดยมีเกสรเพศผู้ 5 อัน อับเรณูเป็นรูปไข่แกมสามเหลี่ยมและปลายแหลม เกสรเพศเมียมี 1 อัน ปลายเกสรจะใหญ่กว่าท่อเกสรและมีลักษณะเป็นรูปห้าเหลี่ยม ปลายแหลมสั้น มักจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน
ผล : ลักษณะของผลเป็นรูปไข่ยาว ติดกันเป็นคู่ ผิวผลเนียน มีร่องเป็นแนวตามยาว ภายในผลมีเมล็ด
สรรพคุณของอบเชยเถา
- สรรพคุณจากราก เป็นยาบำรุงหัวใจ ช่วยทำให้ชุ่มชื่นกระปรี้กระเปร่า ปรุงเป็นยาหอม ช่วยแก้ลมวิงเวียนศีรษะ รักษาอาการหน้ามืดตาลาย เป็นยาขับลมในลำไส้ ช่วยแก้อาการปวดมวนในท้อง เป็นยาแก้บิดและแก้ท้องเสีย
– แก้โรคผิวหนังและผื่นคัน ด้วยการนำรากมาต้มกับน้ำแล้วอบไอน้ำ
ประโยชน์ของอบเชยเถา
1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ผลอ่อนใช้รับประทานเป็นผักสดจิ้มกับน้ำพริก
2. ใช้ในการเกษตร ใช้เป็นอาหารสัตว์จำพวกโคกระบือ
คุณค่าทางโภชนาการของอบเชยเถา
คุณค่าทางโภชนาการของอบเชยเถา ให้โปรตีน 11.9% แคลเซียม 2.01% ฟอสฟอรัส 0.2% โพแทสเซียม 1.66% ADF 23.8% NDF 26.9% DMD 78.6% และแทนนิน 3.99%
อบเชยเถา เป็นต้นไม้เลื้อยที่มีรากเป็นยาสมุนไพรได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังเป็นต้นที่มีโภชนาการทางอาหารอีกด้วย เป็นอาหารของสัตว์เลี้ยงอย่างโคกระบือได้ สามารถพบได้ตามชายป่าทั่วประเทศไทย อบเชยเถามีสรรพคุณทางยาจากส่วนของรากที่มีกลิ่นหอมคล้ายเปลือกอบเชยต้น มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้ลมวิงเวียนศีรษะ ขับลมในลำไส้ แก้โรคผิวหนัง แก้บิดและแก้ท้องเสียได้ เป็นต้นที่ดีต่อระบบขับถ่ายในร่างกายของเราและยังดีต่อหัวใจอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคกลาง. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ, ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, กัญจนา ดีวิเศษ). “อบเชยเถา”. หน้า 151.
หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “อบเชยเถา”. หน้า 835-836.
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน). “อบเชยเถา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : eherb.hrdi.or.th. [22 ก.ย. 2014].
สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์. “อบเชยเถา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : nutrition.dld.go.th. [21 ก.ย. 2014].
ระบบจัดการฐานความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สำนักงานความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้ กรมป่าไม้. “อบเชยเถา”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : biodiversity.forest.go.th. [22 ก.ย. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : https://medthai.com/