กัลปพฤกษ์
กัลปพฤกษ์ Cassia bakeriana เป็นพรรณไม้ดอกไม้ประดับผลัดใบ ดอกสีขาวอมชมพูคล้ายกล้วยไม้สวยงาม ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดเล็กถึงขนาดกลางมีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนพบได้ในแถบประเทศพม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม ในประเทศไทยพบขึ้นได้ตามป่าแดง ป่าโคก ป่าเต็งรัง และป่าเบญจพรรณแล้งทางภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั่วไป (บางครั้งพบอยู่บนเทือกเขาหินปูนที่แห้งแล้ง) ที่ระดับความสูงประมาณ 300-1,000 เมตร ชื่อสามัญ คือ Wishing Tree, Pink Shower, Pink cassia, Pink and White Shower Tree[
ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Cassia bakeriana Craib ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ คือ Cassia bakerana Craib) จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)[1],[3] ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือ เปลือกขม (ปราจีนบุรี), แก่นร้าง (จันทบุรี), กานล์ (เขมร-สุรินทร์), กาลพฤกษ์ กัลปพฤกษ์ (ภาคกลาง), กัลปพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ (ภาคเหนือ)[1],[2],[3],[4],[5]
และเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดขอนแก่น[4]
ลักษณะของกัลปพฤกษ์
- ลักษณะของต้น[1],[2],[3],[5]
จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงได้ประมาณ 5-15 เมตร มีความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 12 เมตร เรือนยอดแผ่กว้าง แต่ไม่หนาแน่นทึบ แตกกิ่งต่ำและทอดกิ่งยาวขึ้นสู่ด้านบน เปลือกต้นด้านนอกเรียบเป็นสีเทา ส่วนเนื้อไม้เป็นสีเหลืองถึงสีน้ำตาล บริเวณยอดและกิ่งอ่อนมีขนอ่อนขึ้นปกคลุมหนาแน่น นิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีการนำเมล็ดมาเพาะเป็นต้นกล้า ขึ้นได้ในดินทั่วไป สามารถขึ้นได้ในพื้นที่ที่ดินไม่ค่อยสมบูรณ์ ชอบความชื้นปานกลาง แสงแดดแบบเต็มวัน - ลักษณะของใบ[1],[2],[5]
– เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่
– ออกเรียงสลับกัน
– เป็นช่อยาว 15-40 เซนติเมตร
– ก้านช่อใบยาว 2-4 เซนติเมตร มีใบย่อย 5-8 คู่
– เรียงจากเล็กไปหาใหญ่
– ใบย่อยเป็นรูปขอบขนานถึงรูปใบหอก
– ปลายใบกลม
– โคนใบมนและเบี้ยวเล็กน้อย
– ขอบใบเรียบ
– มีความกว้างประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร และยาว 4-9 เซนติเมตร
– แผ่นใบบาง
– เส้นแขนงใบมีข้างละ 7-9 เส้น
– เนื้อใบมีขนละเอียดนุ่มขึ้นปกคลุมทั้งสองด้าน
– ด้านท้องใบจะมีขนขึ้นหนาแน่นมากกว่าด้านหลังใบ - ลักษณะของดอก[1],[2],[3],[5]
– ออกดอกเป็นช่อกระจะตามกิ่งพร้อมกับแตกใบอ่อน
– ช่อดอกไม่แตกแขนง
– มีความยาว 5-10 เซนติเมตร
– มีขนสีเหลืองขึ้นปกคลุม
– ช่อดอกจะออกแน่นเป็นกลุ่มตลอดกิ่ง
– ก้านดอกยาวได้ 4-6 เซนติเมตร
– ดอกมีใบประดับเป็นรูปใบหอกชัดเจน มีความกว้าง 7 มิลลิเมตร และยาว 0.7-1.2 เซนติเมตร
– ดอกเมื่อเริ่มบานแล้วจะเป็นสีชมพู
– จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ จนถึงสีขาวเมื่อใกล้ร่วงโรย
– กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ เป็นรูปใบหอกแกมรูปไข่
– ปลายกลีบแหลม มีความกว้าง 2-3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 9-12 มิลลิเมตร
– มีขนนุ่มปกคลุมทั้งสองด้าน
– กลีบดอกมี 5 กลีบเช่นกัน เป็นรูปใบหอกแกมรูปไข่ ปลายมน โคนเรียวแคบ มีขนาดกว้าง 2-2.5 เซนติเมตร และยาว 4-5.5 เซนติเมตร
– โคนกลีบดอกจะคอดเข้าหากันเป็นก้านแคบ ๆ ยาวได้ 5 มิลลิเมตร
– กลางดอกมีเกสรเพศผู้สีเหลือง
– เกสรเพศผู้มี 10 อัน มีขนาดไม่เท่ากัน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
– กลุ่มแรกมี 3 อัน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3.5-5 เซนติเมตร
– กลุ่มที่ 2 จะมี 4 อัน ก้านชูอับเรณูยาวเพียงครึ่งหนึ่งของกลุ่มแรก
– กลุ่มที่ 3 มี 3 อัน อับเรณูมีขนาดเล็กมาก
– ก้านชูอับเรณูยาวได้ 1-1.5 เซนติเมตร
– มีรังไข่เรียวโค้งยาว 4 เซนติเมตร มีขนสีขาวขึ้นปกคลุมบาง ๆ
– รังไข่ติดอยู่บนก้านส่ง
– เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีความกว้าง 3-5 เซนติเมตร - ลักษณะของฝัก[1],[2],[3],[5]
– ผลเป็นฝักรูปทรงกระบอกยาวแคบ เป็นสีน้ำตาล
– แขวนลงมาจากกิ่ง
– มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.5 เซนติเมตร และยาว 30-40 เซนติเมตร
– ฝักมีขนนุ่มสีเทาปกคลุม
– ภายในฝักแบ่งออกเป็นช่อง ๆ ตามขวาง
– เนื้อในฝักเป็นสีขาวปนเขียว
– มีเมล็ด 30-40 เมล็ด
– ผลจะออกในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการทิ้งใบ - ลักษณะของเมล็ด[5]
– เมล็ด ค่อนข้างกลม เป็นรูปไข่ รูปรี หรือรูปขอบขนาน
– มีสีน้ำตาลเป็นมัน
– มีความกว้างประมาณ 6-7 มิลลิเมตร และยาว 0.8-1.1 เซนติเมตร
สรรพคุณของกัลปพฤกษ์
- เปลือกฝักและเมล็ด ช่วยทำให้อาเจียน[2],[3],[4]
- เนื้อในฝัก สามารถนำมาใช้แก้คูถ แก้เสมหะ[3]
- เปลือกฝักและเมล็ด มีรสขมเอียน สามารถนำมาใช้เป็นยาลด ถ่ายพิษไข้ได้ดี[2],[3],[4]
- เนื้อในฝัก มีรสหวานเอียนขม สามารถนำมาใช้ปรุงเป็นยาระบายอ่อน ๆ ระบายอุจจาระธาตุ แก้พรรดึกได้โดยไม่ไซ้ท้อง ช่วยระบายท้องเด็กได้ดี[2],[3],[4]
ประโยชน์ของกัลปพฤกษ์
- คนแก่ในสมัยก่อน จะใช้เนื้อในฝักกินคู่กับหมาก[4]
- เนื้อไม้ มีความละเอียดและให้น้ำฝาด สามารถนำไปใช้ฟอกหนังได้[1]
- ในสมัยก่อนคนไทยจะถือว่า เป็นไม้มงคล เหมาะสำหรับการนำไปทำด้ามธง ถือว่าทำให้เกิดสิริมงคลดีนัก[3]
- คนไทยในอดีตเชื่อกันว่า มีอยู่ในแดนสวรรค์ เปรียบเหมือนแก้วสารพัดนึก หากปรารถนาสิ่งใด จะไปขอเอาจากต้นไม้นี้
- เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ มีโชคมีชัย เชื่อกันว่าหากบ้านใดปลูกไว้เป็นไม้ประจำบ้าน โดยเฉพาะทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเป็นสิริมงคล ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต พบแต่ความสุขสมหวังทุกประการ[3]
- เป็นไม้มงคลที่มีรูปทรงสวยงาม ให้ดอกสวย ออกดอกดกเต็มต้น มีสีชมพูอ่อนสดใสดูงดงาม
- ในปัจจุบันนิยมจึงนำมาปลูกเป็นไม้ประดับกันทั่วประเทศ ส่วนใหญ่จะปลูกไว้ประดับอาคารบ้านเรือน ปลูกในสวนสาธารณะ และริมถนนทั่วไป และสามารถทนดินเลวและอากาศแห้งได้เป็นอย่างดี[1],[2],[3]
สั่งซื้อ อาหารเสริมสำหรับผู้ป่วย เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth
เอกสารอ้างอิง
1. ไม้โตเร็วอเนกประสงค์, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “กั ล ป พ ฤ ก ษ์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.dnp.go.th/pattani_botany/. [17 มิ.ย. 2015].
2. ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “กัลปพฤกษ์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : agkc.lib.ku.ac.th. [17 มิ.ย. 2015].
3. มูลนิธิหมอชาวบ้าน. นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 320 คอลัมน์ : ต้นไม้ใบหญ้า. (เดชา ศิริภัทร). “กาลพฤกษ์ : ดอกไม้แห่งกาลเวลาของชาวไทย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.doctor.or.th. [17 มิ.ย. 2015].
4. หนังสือวัลลิ์รุกขบุปผชาติ ตามรอยพระบาทบรมราชกุมารี โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย.
5. ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “กัลปพฤกษ์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/. [17 มิ.ย. 2015].
อ้างอิงรูปจาก
1.https://www.richardlyonsnursery.com/pink-shower-tree-cassia-bakeriana/#page-content