สะบ้าลิง ไม้เลื้อยสรรพคุณแก้โรคผิวหนังและแผลเรื้อรัง

0
1421
สะบ้าลิง ไม้เลื้อยสรรพคุณแก้โรคผิวหนังและแผลเรื้อรัง เป็นพรรณไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ ดอกเป็นสีม่วงดำ มีกลิ่นเหม็นเอียน ฝักเป็นสีน้ำตาล
สะบ้าลิง
เป็นพรรณไม้เลื้อยเนื้อแข็งขนาดใหญ่ ดอกเป็นสีม่วงดำ มีกลิ่นเหม็นเอียน ฝักเป็นสีน้ำตาล

สะบ้าลิง

เป็นพรรณไม้เถาเนื้อแข็งพบตามป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณมักอาศัยต้นไม้ใหญ่เพื่อเลื้อยพาดพันแพร่กิ่งก้านไปเลื่อย ๆ สรรพคุณด้านตำรายาไทยใช้เนื้อในเมล็ดดิบ รสเบื่อเมา แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน โรคเรื้อน คุดทะราด มะเร็ง เป็นยาเบื่อเมา ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Entada glandulosa Gagnep. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Entada tamarindifolia Gagnep.) จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยสีเสียด (MIMOSOIDEAE หรือ MIMOSACEAE) มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือ ผักตีนแลน มะบ้าลิง มะบ้าปน (เชียงใหม่), หมากนิมลาย (เงี้ยว แม่ฮ่องสอน), มะบ้าปน (ลำพูน), ทบทวน ลิ้นแลน มะขามเครือ (ชัยภูมิ), เครือลิ้นแลน (หนองคาย), หมากแทน (ยโสธร), บ้าบนใหญ่ (อุบลราชธานี), ผักตีนแลน มะบ้าลิง มะบ้าบน มะบ้าวอก (ภาคเหนือ), สะบ้าลาย สะบ้าลิง (ภาคกลาง)

ลักษณะของสะบ้าลิง

  • ลักษณะของต้น
    – เป็นพรรณไม้เถาเนื้อแข็ง
    – เลื้อยพาดพันต้นไม้ใหญ่
    – ตามกิ่งมีขน
    – มีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ในพม่าและภูมิภาคอินโดจีน
    – ในประเทศไทยพบขึ้นกระจายห่าง ๆ แทบทุกภาคของประเทศ ยกเว้นทางภาคใต้
    – มักพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง โดยเฉพาะบนเขาหินปูน ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเลไม่เกิน 500 เมตร
  • ลักษณะของใบ[1],[2]
    – ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น
    – ปลายใบคู่ ออกเรียงสลับกัน
    – แกนกลางใบประกอบยาวประมาณ 4.5-10 เซนติเมตร
    – ก้านใบยาว 1.8-4 เซนติเมตร
    – ใบประกอบย่อยคู่ปลายมีมือเกาะ
    – ใบประกอบย่อยยาว 4-14.5 เซนติเมตร
    – มีใบย่อย 5-8 คู่ ออกเรียงตรงข้ามกัน
    – ใบย่อยเป็นรูปรีหรือรูปขอบขนาน
    – ปลายใบตัดหรือเว้ากลม มีติ่งแหลม
    – ฐานใบเบี้ยวเล็กน้อย
    – ใบมีความกว้าง 0.5-1.7 เซนติเมตร และยาว 1.2-4 เซนติเมตร
    – ผิวใบด้านล่างเกลี้ยงไม่มีนวล
  • ลักษณะของดอก[1],[2]
    – เป็นช่อกระจะเชิงลด
    – จะออกที่ซอกใบและเหนือซอกใบ
    – ยาวประมาณ 7-12 เซนติเมตร
    – มีขนละเอียด
    – ก้านดอกย่อยเกือบไร้ก้าน
    – กลีบเลี้ยงดอกมีลักษณะเป็นรูปถ้วย
    – ปลายแยกออกเป็นแฉก 5 แฉก
    – ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมตื้น ๆ
    – ผิวด้านนอกมีขนละเอียด
    – ผิวด้านในเกลี้ยง
    – ยาวประมาณ 2-2.5 มิลลิเมตร
    – กลีบดอกนั้นเป็นสีขาวแกมเหลือง มี 5 กลีบ แยกจรดกัน
    – กลีบดอกเป็นรูปใบหอกหรือรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก
    – ปลายแหลม
    – โคนเชื่อมกัน
    – ขอบเรียบ
    – ปลายแยก
    – มีความยาว 4.5-5.5 มิลลิเมตร
    – ด้านนอกช่วงล่างมีแนวต่อมขนาดเล็กอยู่ 2 แนว
    – ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน แยกจากกัน เชื่อมกันที่ฐาน
    – แบ่งเป็นขนาดยาว 9 อัน และสั้น 1 อัน
    – ก้านชูอับเรณูยาวได้ประมาณ 1 เซนติเมตร หรือยาวกว่าเล็กน้อย
    – เกสรเพศเมีย มีรังไข่อยู่เหนือวงกลีบ
    – ผิวเรียบ
    – รังไข่เกลี้ยง ยาวได้ประมาณ 3 มิลลิเมตร
    – ออกดอกในช่วงประมาณมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม
  • ลักษณะของผล[1],[2]
    – ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปขอบขนาน แบน โค้งงอ
    – มีรอยคอดตามเมล็ด
    – ฝักมีขนาดกว้าง 2.2-2.6 เซนติเมตร และยาวได้ถึง 35 เซนติเมตร
    – ฝักเป็นสีน้ำตาล
    – ผนังด้านนอกค่อนข้างหนา
    – เมื่อแก่จะหักเป็นท่อนๆ
    – แต่ละท่อนจะมีเมล็ด 1 เมล็ด
    – เมล็ดเป็นรูปเกือบกลม แบน
    – มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.8 เซนติเมตร
    – เปลือกนอกแข็งเป็นสีน้ำตาลดำ

สรรพคุณของสะบ้าลิง

  • ทั้งต้น ใช้ผสมในลูกประคบเป็นยาแก้ปวดข้อ ปวดเมื่อย[2]
  • เมล็ดหรือราก สามารถนำมาฝนเหล้าทาและฝนกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคผิวหนัง และแผลเรื้อรัง[2]
  • เนื้อในเมล็ดดิบ มีรสเบื่อเมา ใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน โรคเรื้อน คุดทะราด มะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเป็นยาเบื่อเมา[2]
  • เนื้อในเมล็ดดิบ สามารถนำมาสุมไฟให้เกรียมดำแล้วผสมกับยาอื่น ๆ รับประทานเป็นยาแก้ไข้พิษเซื่องซึม[2]

สั่งซื้อ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค อาหารเสริมสำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
– สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “สะ บ้า ลิง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.dnp.go.th/botany/. [13 ก.ค. 2015].
– ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “สะ บ้า ลิง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com. [14 ก.ค. 2015].

อ้างอิงรูปจาก
1.https://www.atariyas.ir
2.https://botanyvn.com/