กาฬพฤกษ์
กาฬพฤกษ์ Horse cassia, Pink Shower เป็นพรรณไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มีความสูงได้ถึง 20 เมตร ดอกมักจะออกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม พืชสมุนไพรมีสรรพคุณและประโยชน์ของเนื้อในฝักใช้ปรุงเป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้พิษไข้ สามารถพบการกระจายพันธุ์ทั่วทุกภาคของประเทศไทย จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE) ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Cassia grandis L.f. ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือเปลือกขม (ปราจีนบุรี), กัลปพฤกษ์ (กรุงเทพมหานคร), กาลพฤกษ์ ไชยพฤกษ์ ราชพฤกษ์ (ภาคกลาง), กานล์ กาลส์ (เขมร), กาฬพฤกษ์ยอดแดง[1],[2],[4] คำว่า “กาฬ” และคำว่า “พฤกษ์” นั้น แปลตรง ๆ จะได้ว่า “ต้นไม้สีดำ”
ลักษณะต้นกาฬพฤกษ์
- ลักษณะของต้น[1],[2],[3]
– ลำต้นมีความคล้ายกับต้นคูนหรือต้นราชพฤกษ์
– เรือนยอดเป็นพุ่มหรือแผ่กว้าง
– โคนต้นมีพูพอน
– เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ
– แตกเป็นร่องลึก ตามกิ่งอ่อน ใบอ่อน
– ช่อดอกมีขนนุ่มสีน้ำตาลขึ้นหนาแน่น
– ยอดอ่อนเป็นสีแดง
– มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเขตร้อน
– มีเขตการกระจายพันธุ์ในเขตร้อนทั่วไป
– สามารถขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดหรือการตอนกิ่ง
– เป็นพรรณไม้ที่มีปลูกกันทั่วไปตามบ้านและวัด - ลักษณะของใบ[1],[2],[3]
– ใบมีขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายใบแคฝรั่งหรือใบขี้เหล็ก
– เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่
– ออกเรียงสลับกัน
– แกนกลางใบประกอบยาว 15-30 เซนติเมตร
– ก้านใบประกอบยาว 2-3 เซนติเมตร
– มีใบย่อยประมาณ 10-20 คู่ เรียงจากเล็กไปหาใหญ่
– ใบย่อยเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน
– ปลายใบมนมีติ่งหรือหยักเว้าอยู่เล็กน้อย
– โคนใบเบี้ยว มีความกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร และยาว 3-5 เซนติเมตร
– แผ่นใบบางเรียบ
– แผ่นใบด้านบนเกลี้ยงเป็นมันหรือมีขนประปราย
– แผ่นใบด้านล่างมีขนขึ้นหนาแน่น
– ใบอ่อนหรือยอดอ่อนเป็นสีแดง - ลักษณะของดอก[1],[2],[3]
– ออกดอกเป็นช่อ
– ช่อดอกเป็นช่อกระจะ
– ออกตามกิ่งพร้อมกับผลิใบอ่อน มีความยาว 10-20 เซนติเมตร
– ก้านดอกยาว 1-2 เซนติเมตร
– ใบประดับเป็นรูปไข่ ปลายแหลม กว้าง 3 มิลลิเมตร และยาว 5 มิลลิเมตร
– ดอกจะร่วงได้ง่าย
– ดอกมีลักษณะที่คล้ายกับดอกเชอร์รี่ มีกลิ่นหอม
– ดอกกลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ เป็นรูปไข่กลับ ค่อนข้างกลม กว้าง 5 มิลลิเมตร และยาว 5-8 มิลลิเมตร มีขนนุ่ม
– กลีบดอกมี 5 กลีบ เมื่อเริ่มบานจะเป็นสีแดงคล้ำ จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้มตามลำดับ เป็นรูปไข่กลับ มีความกว้าง 8-10 มิลลิเมตร และยาว 1.2-1.5 เซนติเมตร
– มีเกสรเพศผู้ 10 อัน มีความยาวไม่เท่ากัน
– แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
– กลุ่มแรกจะมี 3 อัน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3 เซนติเมตร
– กลุ่มที่ 2 มี 5 อัน ก้านชูอับเรณูจะสั้น
– กลุ่มที่ 3 จะมี 2 อัน ก้านชูอับเรณูสั้นมากและอับเรณูจะฝ่อ
– รังไข่มีลักษณะเรียวโค้ง มีขนหนานุ่ม
– เกสรดอกเป็นสีเหลือง - ลักษณะของผล[1],[2],[3]
– ผลเป็นฝัก ค่อนข้างกลม
– เป็นแท่งหรือรูปทรงกระบอกยาว
– โคนและปลายสอบ
– เปลือกฝักทั้งหนาและแข็ง เป็นสีดำ ผิวขรุขระ และมีรอยแตก
– ฝักมีความกว้าง 3-4 เซนติเมตร และยาว 20-40 เซนติเมตร
– ที่ขอบฝักเป็นสันตามแนวยาวทั้งสองข้าง
– ผิวฝักมีรอยแตก
– ฝักแก่จะแห้งแล้วไม่แตก
– เนื้อในของฝักเป็นสีขาวและแห้ง
– จะซ้อนกันเป็นชั้น ๆ
– มีเมล็ดประมาณ 20-40 เมล็ด
สรรพคุณของกาฬพฤกษ์
- เนื้อในฝัก สามารถนำมาใช้เป็นยาแก้พิษไข้ได้[1]
- เนื้อในฝัก สามารถนำมาใช้ปรุงรับประทานเป็นยาระบายอ่อน ๆ ระบายอุจจาระธาตุ แก้พรรดึกไม่ไซ้ท้อง และระบายท้องเด็กได้ดี[1],[3],[4]
- เปลือกและเมล็ด สามารถนำมาใช้รับประทานเป็นยาทำให้อาเจียน และเป็นยาถ่ายพิษไข้ได้[1],[3]
ประโยชน์ของกาฬพฤกษ์
- คนสมัยก่อนจะนำเนื้อในฝัก มาใช้กินกับหมาก[4]
- เนื้อไม้และเปลือก สามารถนำมาใช้ในการฟอกหนังได้[4]
- นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป[2]
- ถูกจัดให้เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลแก่จังหวัดบุรีรัมย์[2]
สั่งซื้อ อาหารเสริมสำหรับผู้ป่วย เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth
เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “กาลพฤกษ์”. หน้า 62.
2. ข้อมูลพรรณไม้, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “กาฬพฤกษ์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/. [17 มิ.ย. 2015].
3. สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “กาฬพฤกษ์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.rspg.or.th/plants_data/herbs/. [17 มิ.ย. 2015].
4. สำนักศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาชุมชน, มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี. “กาฬพฤกษ์”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rbru.ac.th/db_arts/rbruflower/pdf/Grandis.pdf. [17 มิ.ย. 2015].
อ้างอิงรูปจาก
1.https://www.flickr.com/photos/adaduitokla/8585196208
2.https://indiabiodiversity.org/observation/show/383329