- โรคกลาก ( Ringworm )
- น้ำตาลมะพร้าว ที่สายเฮลตี้ ( HEALTHY ) ไม่ควรพลาด
- สรรพคุณและประโยชน์ของพุทราจีน
- กระเจี๊ยบเขียว ผักพื้นบ้านแหล่งแคลเซียมจากธรรมชาติ
- ไวรัส RSV อาการ การป้องกัน และการรักษา
- มะม่วงหาวมะนาวโห่ ผลไม้รสเปรี้ยวฆ่ามะเร็งและเนื้องอก
- นมอัดเม็ด ไม่มีน้ำตาลช่วยป้องกันฟันผุ
- ร้อนในเกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
- วิธีการประเมินความเสี่ยงความเครียด ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง
- โรคเครียด สามารถจัดการได้ด้วยตนเอง
- ฟันผุ สามารถรักษาและป้องกันได้
- วิธีแก้ท้องผูกง่าย ๆ บทความนี้ช่วยคุณได้
- ไฟเบอร์พรีไบโอติกมีประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายอย่างไร
- แลคโตบาซิลลัส จุลินทรีย์นี้มีประโยชน์อย่างไร
- ชีสกินกับอะไรก็อร่อย คัดเฉพาะเมนูชีสเด็ดๆ มาพร้อมเสริฟ
- มหัศจรรย์นมผึ้ง รักษาอาการวัยทองเห็นผลดีเยี่ยม
- โยเกิร์ตดีต่อคนรักสุขภาพ
- คอลลาเจนคืออะไร กินคอลลาเจนตอนไหนดี บทความนี้มีคำตอบ
- นมเปรี้ยว เครื่องดื่มที่ได้ทั้งสุขภาพและความงามที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด
- นม ( Milk ) ป้องกันมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจได้จริงหรือไม่?
- กิมจิ ( Kimchi )
- ผักชีล้อม ประโยชน์ และเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
- ไฝเกิดจากอะไร เกิดตำแหน่งไหนได้บ้าง เอาไฝออกอย่างไร
- วิธีลดกลิ่นตัว ทำยังไงให้กลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์หายไป
- เท้าเหม็น ดับกลิ่นเท้าอันไม่พึงประสงค์ได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
- ห้อเลือด เกิดจากสาเหตุอะไร และดูแลรักษาอย่างไร
- ภูมิแพ้ผิวหนัง เกิดจากสาเหตุอะไร และดูแลรักษาอย่างไร
- เล็บอักเสบ เกิดจากสาเหตุอะไร และดูแลรักษาอย่างไร
- ผึ้งต่อย บรรเทารักษาอาการจากการโดนผึ้งต่อยอย่างไร
- เล็บเป็นคลื่น เกิดจากอะไร บ่งบอกอะไรได้บ้าง
- เชื้อราที่เล็บ เกิดจากอะไร ดูแลรักษาและป้องกันอย่างไร
- เมล็ดเจีย ( Chia Seed ) Super Food ระดับโลก
- หินเกลือดำ ( Volcanic Rock Salt ) คืออะไร
- ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์บี ( Influenza B ) คืออะไร
- ปฏิบัติตามอย่างถูกวิธี ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันไวรัสโควิด-19
- วัยทองในผู้ชาย ( Male Menopause ) มีอาการอย่างไร
- แอลคาร์นิทีน ( L- Carnitine ) มีประโยชน์อย่างไร
- หนอนไหม ( Silkworm ) อุดมไปด้วยโปรตีน
- งาขี้ม่อน หรือ งาขี้ม้อน มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร
- โควิด 2019 ( COVID19 )
- คอลลาเจนไทพ์ทู ( Collagen Type II ) มีประโยชน์อย่างไร
- L-Arginine ( แอล-อาร์จินิน ) มีประโยชน์อย่างไร
- ช็อกโกแลต หรือดาร์กช็อกโกแลต
- โกโก้ ( Cocoa ) เมล็ดจากต้นคาเคา ( Cacao )
- เพศสัมพันธ์ ( Sex ) สายใยแห่งรัก
- โรคฉี่หนู ( Leptospirosis ) ภัยเงียบที่มากับหน้าฝนและน้ำท่วม
- สบู่สมุนไพร เพื่อสุขภาพ
- ชงโค สมุนไพรไม้ประดับ สรรพคุณเป็นยาดับพิษไข้ แก้ไอ
- โรคภูมิแพ้ ( Allergy ) เกิดจากอะไร
- ลิ้นหัวใจรั่ว ( Heart Valve Regurgitation ) เป็นอย่างไร ?
- โรคถุงลมโป่งพอง ( Emphysema )
- ภาวะวุ้นตาเสื่อม ( Vitreous Degeneration ) เป็นอย่างไร
- โรคหัด ( Measles ) เกิดได้กับใครบ้าง ?
- สาเหตุการเกิด โรคพยาธิใบไม้ตับ ( Opisthorchiasis )
- ดาวน์ซินโดรม ( Down Syndrome ) เกิดจากอะไร
- ตกขาว ( Leukorrhea หรือ Vaginal Discharge )
- กรดไหลย้อน ( Gastroesophageal Reflux Disease : GERD )
- กัญชากับยาแพทย์แผนไทย
- โรคตากุ้งยิง ( Stye หรือ Hordeolum )
- ออทิสติก ( Autistic Disorder ) คืออะไร
- โรคต้อหิน ( Glaucoma ) เป็นอย่างไร
- โรคพิษสุนัขบ้า ( Rabies ) เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
- ผ้าอนามัยกัญชาลดอาการปวดประจำเดือน ?
- โรคไข้สมองอักเสบ ( West Nile )
- ต่อมทอนซิลอักเสบ ( Tonsillitis )
- โรคพิษสุราเรื้อรัง ( Alcoholism )
- โรคคอตีบ ( Diphtheria )
- โรคเริม ( Herpes Simplex )
- ข้อมูลน่ารู้เรื่องกัญชา
- อาหารที่มีส่วนผสมกัญชารสชาติอร่อยจริงหรือ ?
- โรคบาดทะยัก ( Tetanus )
- โรคไบโพลาร์ ( Bipolar Disorder )
- โรคงูสวัด ( Herpes Zoster )
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรค SLE ( Systemic Lupus Erythematosus, SLE )
- โรคดักแด้ ( Epidermolysis Bullosa )
- โรคคางทูม ( Mumps ) คืออะไร
- ไข้หูดับ หรือโรคติดเชื้อ สเตรฟโตคอกคัส ซูอิส ( Streptococcus Suis )
- โรคสังคัง ( Tinea Cruris )
- โรคตาแดง ( Conjunctivitis )
- โรคปอดบวม ( Pneumonia )
- โรคอีสุกอีใส ( Chickenpox / Varicella )
- โรคสายตาสั้น ( Myopia )
- โรคต้อลม ( Pinguecula )
- โรคต้อกระจก ( Cataract )
- ตาบอดสี เกิดจากสาเหตุอะไร รวมวิธีทดสอบตาบอดสี
- ตาบอดข้างใดข้างหนึ่ง ( Blindness / Vision Impairment )
- ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ A ( Influenza A หรือ H1N1 )
- วัณโรค ( Tuberculosis ) เกิดได้อย่างไรกัน
- โรคจอประสาทตาเสื่อม ( Age-related Macular Degeneration – AMD )
- น้ำมันพริกไทยดำสกัดเย็น ( Cold Pressed Pepper Oil )
- ไข้เลือดออก ( Dengue hemorrhagic fever )
- โรคแพ้เหงื่อตัวเอง ( Allergic dermatitis )
- กระจกตาอักเสบเรื้อรัง ( Keratitis )
- โรคลมแดดหรือโรคฮีทสโตรก ( Heat Stroke )
- น้ำมันเมล็ดกระบกสกัดเย็น ( Cold pressed wild almond oil )
- น้ำมันเมล็ดเจียสกัดเย็น ( Cold pressed chia seed oil )
- น้ำมันลูกเดือยสกัดเย็น ( Cold pressed millet oil )
- น้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็น ( Cold pressed grape seed oil )
- น้ำมันกระเทียมสกัดเย็น ( Cold pressed garlic oil )
- ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ( SANGYOD RICE )
- น้ำมันมะรุมสกัดเย็น ( Cold pressed Moringa oil)
- ข้าวขาว น้ำตาลต่ำ ข้าวกข 43 ( RD43 )
- น้ำมันงาดำสกัดเย็น ( Cold pressed black sesame )
- น้ำมันถั่วดาวอินคาสกัดเย็น ( Cold pressed sacha inchi oil )
- น้ำมันพริกสกัดเย็น ( Clod Pressed Capsicum )
- น้ำมันรำข้าว จมูกข้าว ( Cold Pressed Rice Bran Oil )
- กัญชา ( Marijuana ) สมุนไพรทางเลือก
- ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร และส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไร
- รักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้า ( Radish Essentials )
- งา ( sesame ) เมล็ดพืชที่ไม่ควรมองข้าม
- กาแฟอาราบิก้า ( Arabica )
- การเลือกรับประทานอาหารตามเวลาที่เหมาะสม
- การคำนวณแคลอรี่จากผลไม้รถเข็น
- ความเครียดมีผลกระทบต่อร่างกาย
- วิธีการใช้ยาคุมกำเนิดแบบต่างๆ
- เต้านมสองข้างไม่เท่ากันแก้ไขได้ไหม
- มังคุด ประโยชน์และสรรพคุณที่คาดไม่ถึง
- ว่านเพชรหึงสรรพคุณทางยาที่ไม่ธรรมดา
- ถาม-ตอบ ปัญหากล้ามเนื้อตึงรั้งอาการเจ็บปวดเมื่อยล้าจากภาวะโรคออฟฟิศซินโดรม
- ประโยชน์ของกระดูกสันหลังและ 7 พฤติกรรมที่ทำร้ายกระดูกสันหลัง
- อาหารและโภชนาการที่เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย
- วิธีเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันธรรมชาติ
- เล่นน้ำสงกรานต์อย่างไรให้สนุกและปลอดภัย 2019
- ภูมิคุ้มกันในร่างกายคืออะไร
- สเต็มเซลล์ ( Stem Cell ) คืออะไร
- วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลโรคข้อและกระดูก
- ทำอย่างไรไม่ให้หิวบ่อย
- ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว
- ลำไส้และจิตใจกำหนดพลังภูมิคุ้มกันที่ใหญ่สุดในร่างกาย
- น้ำมันมะกอกมีคุณประโยชน์อย่างไร ( Olive Oil )
- ประโยชน์ของน้ำมันตับปลา ( Cod Liver Oil )
- ผลิตภัณฑ์นมคืออะไร? ( Milk Product )
- ปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ( Oxidation ) คืออะไร
- อาหารต้านความเสื่อมของร่างกาย
- อาหารที่เหมาะสมเมื่อเป็นโรคปลายประสาทเสื่อม
- มารู้จักสารให้ความหวานกันเถอะ
- เส้นใยอาหาร ประโยชน์จากธรรมชาติช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
- สาเหตุและอาการของโรคหัวใจ
- ประโยชน์ของน้ำมันคาโนลา ( Canola Oil )
- สาเหตุและอาการของโรคซึมเศร้า
- พลังงานที่พอดีมาจากปริมาณอาหารเท่าใด ?
- วิธีการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ
- แสงแดดรักษาดวงตาให้คงทน
- แสงแดดช่วยรักษากระดูก
- เตรียมพร้อมช็อปปิ้งอาหารลดโรคคุมเบาหวาน
- เตรียมพร้อมโภชนาการก่อนตั้งครรภ์ สำหรับหญิงที่ต้องการมีบุตร
- อาหารการกินช่วยถนอมเต้า
- เป็นเบาหวาน จะกินอย่างไรในเดือนเราะมะฎอน หรือรอมฎอน
- อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศมีจริงหรือ ?
- อาหารช่วยลดอาการปวดท้องช่วงมีรอบเดือน
- อาหารเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง
- อาหารช่วยปรับเปลี่ยนอารมณ์ ปรับสมดุลสมอง
- โรคเกาต์ ( Gout ) เกิดขึ้นจากสาเหตุใด ?
- อาหารชะลอสายตาเสื่อม
- อาหารกับต่อมไทรอยด์
- พลังงานที่ร่างกายต้องการ
- โภชนาการสำหรับสุขภาพผมที่ดี
- โภชนาการที่เหมาะสมสำหรับผู้ชาย
- แสงแดดมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด
- แหล่งกำเนิดของน้ำมันไข
- แสงแดดเสริมสร้างกระดูก
- มารู้จักฉลากโภชนาการกันเถอะ
- โภชนาการเพื่อสุขภาพผิวสวย
- อาหารที่ทำให้แก่ช้ามีอะไรบ้าง
- เลือกรับประทานอย่างไรให้นอนหลับง่ายขึ้น
- กินอาหารมังสวิรัติช่วยให้ห่างไกลโรค
- อาหารบำบัดอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง
- การเลือกรับประทานอาหารต้านความเครียด
- พลังงาน 5 ชนิดในร่างกายที่ควรรู้
- 7 ขั้นตอนสร้างสมดุลให้ชีวิต
- การสูญเสียคุณค่าของสารอาหาร ( Nutrient Losses )
- เมื่ออาหารเข้าปาก เกิดกระบวนการอะไรขึ้นในร่างกาย
- 6 พืชผักสมุนไพรกับการช่วยดูแลสุขภาพ
- ดูแลชีวิต พิชิตโรค
- กล้ามเนื้อหัวใจตาย เสี้ยวนาทีแห่งชีวิต
- ประโยชน์ทั่วไปของไขมันบริโภค
- อาหารที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน
- แสงแดดช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจได้อย่างไร?
- ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปใช้สารปรุงแต่งอะไรบ้าง?
- เลือกอาหารให้เหมาะกับผู้สูงวัยอย่างไร?
- มาตรฐานน้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำประปาที่ดีควรเป็นเช่นไร
- ประเภทและประโยชน์ของน้ำมันไขจากพืช
- น้ำมันพืช กับ น้ำมันหมู อะไรดีกว่ากัน ?
- เราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้วจริงหรือ?
- อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเลือดจาง
- สารให้รสหวานแทนน้ำตาล
- การจำแนกประเภทของน้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหาร
- อาหารสำหรับผู้ป่วยเป็น อัมพฤกษ์ อัมพาต
- กินน้ำตาลอย่างไร ไม่ให้เสียสุขภาพ
- โรคหลอดเลือดสมอง สาเหตุ อาการ และวิธีการรักษา ( Stroke )
- ชนิดของกรดไขมัน ( Fatty Acid ) และไขมันทรานส์ ( Trans Fat )
- การรับประทานผักประจำวันที่เหมาะกับคนไทย
- โรคเมตาโบลิกซินโดรม ( Metabolic Syndrome )
โรคกลาก คือ
โรคกลาก ( Ringworm ) เป็น โรคที่เกิดจากเชื้อรา มักจะพบตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหนังศีรษะ ใบหน้า ขาหนีบ มือ เล็บ โรคกลาก สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะวัยเด็ก
สาเหตุของโรคกลาก
โรคกลาก เกิดจากเชื้อราในกลุ่มเดอร์มาโทไฟท์ ( Dermatophytes ) ที่บริเวณผิวหนัง โดยอาศัยอยู่บนผิวหนังระดับเนื้อเยื่อชนิดโปรตีนที่เรียกว่า เคราติน ของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เช่น รังแคบนหนังศีรษะ แต่ไม่สามารถเข้าสู่ร่างกายหรือเยื่อบุผิวหนังอย่างเช่นจมูกหรือปากได้ เนื่องจากเชื้อรามีลักษณะเป็นสปอร์ที่มีขนาดเล็ก คล้ายสปอร์ของเห็ดที่เกิดจากเชื้อรา สามารถอาศัยอยู่ตามผิวหนังของมนุษย์ สิ่งของ หรือพื้นดินได้อย่างยาวนานหลายเดือน อีกทั้งยังเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น จนกระทั่งเกิดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ถือเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากการสัมผัส
การติดเชื้อโรคกลาก
แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. โรคกลากที่เกิดจากการติดเชื้อโดยตรง คือ การสัมผัสหรือได้รับสปอร์ของเชื้อราจากสัตว์เลี้ยงที่ติดโรค เช่น สุนัข แมว แพะ ม้า วัว และ หมู
2. โรคกลากที่เกิดจากการติดเชื้อทางอ้อม คือ การติดเชื้อจากการสัมผัสวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น ที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว หวี ผ้าคลุมศีรษะ ผ้าพันคอ และ หมวก เป็นต้น
อาการของโรคกลาก
อาการของโรคกลาก สามารถจำแนกได้เป็น 9 ประเภท อาการเฉพาะของโรคนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็น แต่อาการที่คล้ายกันเกือบทุกประเภทคือ มักจะคันที่ผิวหนัง ผิวหนังบวม แดง เป็นขุย หรือแตก มีผื่นเป็นรูปวงแหวน ผมหรือขนร่วงในบริเวณที่เป็นโรค
- โรคกลากที่ศีรษะ ( Tinea Capitis ) ตอนแรกอาจมีอาการคันคล้ายรังแค และบริเวณหนังศีรษะจะตกสะเก็ดเป็นจุด รู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัสไปโดน คันหนังศีรษะ ผมร่วงเป็นหย่อม บางรายอาจมีตุ่มหนองเล็ก หรือพุพองจนเป็นแผลขนาดใหญ่ เป็นไข้ และมีภาวะต่อมน้ำเหลืองโต หนังศีรษะ มีอาการคัน แดง ทำให้รู้สึกเจ็บและระคายเคืองที่บริเวณผิวหนังโดยรอบ มีผื่นขึ้นขอบเขตชัดเจน มีขนาดที่แตกต่างกัน พบขุยสีขาวอมเทาทั่วบริเวณหนังศีษะ มักไม่ค่อยพบอาการอักเสบ เมื่อตรวจสอบด้วย UV-light ( Wood’s lamp ) อาจพบการติดเชื้อจากการเรืองแสงสีเขียวอมน้ำเงินของสาร pteridine จากการติดเชื้อรา M. Canis ซึ่งเชื้อก่อโรคที่พบบ่อย คือ T. Tonsurans, T. Violaceum, T. Verrucosum, M. Canis, M. Audouinii และ T. Schoenleinii เป็นต้น
- โรคกลากที่ใบหน้า ( Tinea faciei ) โรคกลากที่ใบหน้า สาเหตุหลักส่วนมากมักพบว่าผู้ป่วยด้วยโรคนี้ จะมีพฤติกรรมการเกา แกะ ใบหน้าโดยการใช้มือและเล็บที่ไม่สะอาด เล็บติดเชื้อรา หรือมีพฤติกรรมชอบสัมผัสสัตว์เลี้ยงโดยตรง ให้สัตว์เลียใบหน้า หรือการนําสัตว์เลี้ยงมาสัมผัสใบหน้าโดยตรง เมื่อติดเชื้อแล้ว โรคกลากที่ใบหน้า จะแสดงอาการขึ้นผื่นแดงเป็นวง ๆ มีขอบยกสีแดง บางครั้งพบว่ามีขุยสีขาวบริเวณกลางวงของผื่นเชื้อก่อโรคที่พบบ่อยคือ T. Rubrum, T. Tonsurans และ M. Canis เป็นต้น โรคกลากที่ใบหน้า หากสับสนกับโรคที่ดูคล้ายกันเช่นโรคสะเก็ดเงิน และโรคผิวหนังภูมิแพ้
- โรคกลากที่หนวดเครา ( Tinea Barbae หรือ Barber’s Itch ) มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงอาการที่พบส่วนมากเกิดบริเวณรูขุมขนที่เกิดเส้นขน หนวด เครา บนใบหน้า เชื้อก่อโรคสามารถแทรกตัวลงไปตามรูขุมขน ( Hair follicle ) ลักษณะที่พบจะมีผื่นเป็นตุ่มแดงหรือมีหนองตามรูขุมขน มีขุยสีขาว ลักษณะวงผื่นไม่ชัดเจน ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการสัมผัสสัตว์เลี้ยง เชื้อก่อโรคที่พบบ่อยคือเชื้อ T. Verrucosum ( จากวัว ) และเชื้อ T. Mentagrophytes Var. Equinum ( จากม้า )
- โรคกลากบริเวณลําตัว ( Tinea Corporis หรือ Ringworm ) โรคกลากบริเวณลําตัว มักจะรวมถึง บริเวณลำคอ หน้าท้อง หลัง แขน ข้อมือ ขา ข้อเท้า ส่วนมากมักพบในเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ที่ทํางานหนักมีเหงื่อออกปริมาณมาก หรือบางรายอาจมีอาการแพ้เหงื่อร่วมด้วย ลักษณะผื่นมักพบกระจาย และมีผื่นหลายจุด ในบริเวณที่เกิดผื่นจะมีสีชมพูจนถึงสีแดง มีขุยผิวหนังสีขาวมีขอบยกให้เห็นชัดเจน ตรงกลางผื่นไม่มีรอยแดง และบางครั้งอาจพบลักษณะตุ่มหนอง เชื้อก่อโรคที่พบบ่อยบริเวณขอบผื่นคือเชื้อ T. Rubrum, T. Tonsurans, T. Verrucosum และ M.Canis
- โรคกลากบริเวณมือ ( Tinea manuum ) โรคกลากบริเวณมือ ส่วนมากมักจะพบผื่นบริเวณมือข้างใดข้างหนึ่ง มากกว่าที่จะพบพร้อมกันทั้งสองข้าง อาการผื่นจะไม่ชัดเจน มือแห้ง มีขุยปริมาณมาก ถ้าเป็นรุนแรงบางครั้งอาจพบว่าผิวหนังแฉะ แดง เป็นแผล เชื้อราก่อโรคที่พบบ่อยคือ T.Rubrum, T. Mentagrophytes var. Interdigitale และ E.Floccosum
- โรคกลากบริเวณเท้า ( Tinea Pedis หรือ Athlete’s Foot) หรือที่เรียกกันว่า ฮ่องกงฟุตหรือน้ำกัดเท้า จะมีอาการผิวหนังแห้ง คัน และเป็นผื่นแดงโดยเฉพาะบริเวณง่ามนิ้ว อีกทั้งยังทำให้เกิดตุ่มหนองและตุ่มพองจนส่งผลให้รู้สึกเจ็บได้ พบในกลุ่มนักกีฬา หรือผู้ที่มีเหงื่อออกบริเวณเท้าปริมาณมาก และคนที่ชอบใส่รองเท้าปิดมิดชิดและแน่นกว่าปกติจนไม่มีทางระบายออกของอากาศ อาการของผิวจะแห้งมาก มีรอยแตกตามบริเวณกดทับที่ส้นเท้า บางครั้งพบขุยสีขาว หรือผิวหนังเปื่อยได้ มีกลิ่นค่อนข้างรุนแรง เชื้อราก่อโรคที่พบบ่อยคือ T. Rubrum, T. Interdigitale และ E. Floccosum
- โรคกลากที่เล็บมือ เล็บเท้า ( Tinea Unguium หรือ Dermatophytic Onychomycosis ) เชื้อราที่เล็บมักพบอาการของเล็บที่ผิดรูปร่าง ผิวเล็บไม่เรียบ เป็นหลุมหรือคลื่นเล็บ แตกหักง่าย สีเล็บผิดปกติ ส่วนมากถ้าเป็นรุนแรงมักจะมีการทําลายฐานเล็บ เกิดลักษณะบวมนูนใต้เล็บ ( Hyperkeratinization ) และพบขอบเล็บมีการอักเสบบวมแดงได้เชื้อก่อโรคที่พบบ่อยคือ T. Rubrum, T. Interdigitale, E. Floccosum และ M. Canis
- โรคกลากที่ขาหนีบ หรือ โรคสังคัง ( Tinea Cruris ) โรคสังคัง มีสีน้ำตาลแดง ผิวหนังจะตกสะเก็ดเป็นแผ่นและอาจจะมีตุ่มหนองและตุ่มพอง ทำให้มีอาการคันและรู้สึกระคายเคือง โรคผิวหนังชนิดนี้ มักพบบริเวณโคนขาหนีบ อาจเกิดข้างใดข้างหนึ่ง หรือเป็นทั้งสองข้าง ซึ่งเกิดจากเชื้อราชนิด Trichophytor Rubrum สังคังสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่จะพบในผู้ชายได้มากกว่า โรคกลากที่ขาหนีบ หรือ โรคสังคัง นับได้ว่าเป็นโรคติดต่อที่สามารถติดต่อได้จากการสัมผัส หรือการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น เสื้อผ้า และผ้าเช็ดตัวร่วมกัน ดังนั้นการหลีกเลี่ยงใช้สิ่งของร่วมกัน
- โรคกลากชนิดไม่ระบุตัวตน ( Tinea Incognito ) โรคกลากชนิดนี้จะแสดงอาการก็ต่อเมื่อผู้ป่วยเคยสัมผัสหรือติดเชื้อโรคกลากมาก่อนแล้ว แต่หรือเป็นที่เข้าใจอีกประเภทคือโรคกลากที่เกิดจากการดื้อยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ดังนั้นโรคกกลาก 8 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้นนั้น สามารถเป็นโรคกลากชนิดไม่ระบุตัวตนได้มาก่อน มักเกิดจากผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยที่ผิดและการรักษาที่ไม่ถูกต้อง เมื่อแพทย์คิดว่าผู้ป่วยเป็นแค่โรคผิวหนังธรรมดา จึงมีการจ่ายยาสเตียรอยด์ เป็นต้น ดังนั้น ผู้ป่วยต้องแน่ใจว่าตัวเองติดเชื้อกลากมาก่อน ถึงจะรักษาได้อย่างถูกประเภท
โรคกลาก ( Ringworm ) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา มักจะพบตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหนังศีรษะ ใบหน้า ขาหนีบ มือ เล็บ สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะวัยเด็ก
วิธีการรักษาโรคกลาก
มาตรฐานการรักษาด้วยยาทั่วไป
แพทย์วินิจฉัยสั่งจ่ายยารักษาตามความรุนแรงของอาการ ยารักษาการติดเชื้อราอันได้แก่ คีโตโคนาโซล โคลไตรมาโซล หรือไมโคนาโซล และยาตัวอื่นที่มีส่วนประกอบของตัวยาดังกล่าวสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปที่มีเภสัชกรกำกับจ่ายยาเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ ผู้มีเชื้อราที่หนังศีรษะให้รับประทานยาต้านเชื้อราไปพร้อมกับการใช้แชมพูหรือครีมขจัดเชื้อรา แชมพูที่มีสังกะสีซัลไฟด์ 2.5% หรือซิลิเนียมไพรินีโอนหรือเซลีเนียมซัลไฟด์ 1% – 2.5% สามารถกำหนดให้บรรเทาอาการคันระคายเคืองและการแพร่กระจายของเชื้อราบนหนังศีรษะได้ การรักษารมาตรฐานทั่วไป จะใช้เวลา 6-8 สัปดาห์ของยาที่กำหนดหรือจนกว่ากลากจะหาย แม้ว่าหนังศีรษะจะสามารถรักษาให้หายขาดได้ในเวลาที่เหมาะสม แต่ก็อาจใช้เวลา 6-12 เดือนในการรักษาบางจุดบนหนังศีรษะที่ยากต่อการที่ผมจะงอกใหม่ได้
การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ
นอกจากวิธีรักษาโดยใช้ยาแล้ว สามารถใช้วิธีการรักษาแบบธรรมชาติ เพื่อรักษาอาการติดเชื้อราและบรรเทาอาการคันและระคายเคืองต่อเนื่องจากโรคกลากได้ ดังนี้
- หยดน้ำมันใบชา น้ำมันใบชาสกัด มีคุณสมบัติเป็นยาต้านจุลชีพที่ยอดเยี่ยมมานานแล้ว น้ำมันใบชาสามารถช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อราจากโรคกลากทุกชนิด และยังสามารถบรรเทาอาการอักเสบและอาการคันได้ในทันทีโดยเจือจางน้ำมันใบชา 3-4 หยด เติมในน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ ชุบสำลีแล้วซับลงบนบริเวณที่ติดเชื้อ เป็นเวลา 30 นาที แล้วล้างออก หากเป็นโรคกลากที่ศีรษะ ให้หยดน้ำมันใบชาลงในแชมพู สระผมสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
- ใช้ซิลเวอร์คอลลอยด์ ซิลเวอร์คอลลอยด์ถูกกำหนดว่าเป็นยาปฏิชีวนะและยาต้านเชื้อรา เมื่อใช้สัมผัสจุดที่ติดเชื้อโรคกลากแล้ว จะทำปฏิกิริยาทำลายเซลล์ของเชื้อราลึกลงไปในระดับเซลล์ของเชื้อรา ข้อดีที่สำคัญคือการใช้รักษาในทันที เป็นสารธรรมชาติซึ่งยืนยันว่าปลอดสารพิษ จากการศึกษาในปี ค.ศ. 2015 ที่ได้ตีพิมพ์ในวารสารโรคผิวหนังและเครื่องสำอาง ได้เน้นถึงประสิทธิภาพของซิลเวอร์คอลลอยด์เฉพาะที่ คือ โคลไตรมาโซล ( Clotrimazole ) นักวิจัยพบว่า มีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคกลากที่ศีรษะและลำตัว
- ใช้กระเทียม เช่น กระเทียมสด เพราะกระเทียมมีสรรพคุณในการช่วยฆ่าเชื้อรา กระเทียมมีส่วนประกอบของสารต้านเชื้อรา เช่น Ajoene และ Allici ซึ่งช่วยรักษาและต้านอาการติดเชื้อราจากโรคกลากได้ผลดี ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน วิธรการใช้ง่าย ๆ เพียงน้ำกระเทียมสด ปลอกเปลือก ล้างให้สะอาด มาทุบให้แตก แล้วใช้ทา พอก ตามจุดที่ติดเชื้อ ทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วล้างออก ทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ช่วยรักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน และบรรเทาอาการคันได้ หรือ หากผิวหนังแสบจากการถูกสารจากกระเทียม สามารถเบาเทาด้วยการหยดน้ำมันมะพร้าวลงไปเป็นส่วนผสมได้
- ใช้ขมิ้น ขมิ้นเป็นสมุนไพรพืชหัว มีคุณสมบัติต้านเชื้อรา หากไม่มีขมิ้นสด สามารถใช้ขมิ้นผงได้ วิธีการรักษาคล้ายการใช้กระเทียม โดยเริ่มจากล้างขมิ้นให้สะอาด ปอกเปลือก นำมาทุบให้แตก ใช้ทา พอก บริเวณที่เป็นโรคกลากได้เลยทันที หรือ หยดน้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันมะกอก แล้วพอกทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมงแล้วล้างออก ทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง นอกจากใช้ขมิ้นเป็นยาภายนอกแล้ว ยังใช้วิธีการนำผงขมิ้น 1 ช้อนชา ชงน้ำร้อนผสมนม ดื่มวันละ 2 ครั้ง ได้อีกด้วย
- ใช้น้ำมันหอมระเหยจากออริกาโน่ ออริกาโน่ เป็นสมุนไพรที่ใช้ประกอบอาหาร และยังนำมาสกัดน้ำมันใช้รักษาโรคกลากได้ โดยการหยดน้ำมันหอยระเหยจากออริกาโน่ลงผสมกับน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอก แล้วใช้ทา พอก บริเวณที่เป็นโรคกลาก ทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำวันละ 2 – 3 ครั้ง
- ใช้ว่านหางจระเข้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรธรรมชาติ ที่ช่วยเบาเทาอาการต่าง ๆ ได้หลากหลาย ว่านหางจระเข้ ยังใช้ลดอาการคันและรักษาโรคกลากได้อีกด้วย โดยให้ตัดเอาเนื้อว่านหางจระเข้ออกมาเป็นล้างให้สะอาด ปอกเปลือกและนำคราบสีเหลืองที่จะทำให้เกิดอาการคันออก บดให้ละเอียดใช้พอกทันที หรือ จะผสมน้ำมะนาว แล้วนำไปทา พอก บริเวณที่ติดเชื้อโรคกลาก ทิ้งไว้ ประมาณ 30 นาที อาการปวด คัน ก็จะทุเลาลง สามารถทำได้ทุกวัน วันละ 2-3 ครั้ง
- ใช้น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ น้ำหมักจากธรรมชาติจนได้น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ เป็นกรดของน้ำส้มสายชู มีสรรพคุณ ต้านอนุมูลอิสระมากมาย สามารถเร่งกระบวนการบำบัด และบรรเทาอาการคัน จากผิวหนังอักเสบ โรคกลาก ได้ โดยการสเปรย์ฉีดบริเวณที่ติดโรคกลาก ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วสเปรย์ซ้ำ ใช้ได้วันละ 1-2 ครั้ง หรือ น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาผสมน้ำอุ่นดื่มวันละ 2 ครั้ง
วิธีป้องกันโรคกลาก
- ไม่ใช้สิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
- ทำความสะอาดร่างกายทุกวัน
- เมื่อสระผมแล้วเช็ดตัวกับศีรษะให้แห้งทุกครั้ง
- หมั่นล้างมือเป็นประจำเพื่อลดการแพร่กระจายหรือไปสัมผัสเชื้อ
- หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าและบริเวณที่อับชื้น
- ระมัดระวังการใช้ห้องน้ำสาธารณะ
- ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อราในสัตว์เลี้ยง
โรคกลากเป็นเรื่องใกล้ตัวที่อาจจะดูเหมือนไม่เป็นโรคร้ายแรงเท่าไร แต่เมื่อเป็นขึ้นมาแล้วก็ยากต่อการรักษาให้หายได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้นเราจึงควรป้องกันไว้ดีกว่าแก้
บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
1.”Symptoms of Ringworm Infections”. CDC. December 6, 2015. Archived from the original on 20 January 2016. Retrieved 5 September 2016.
2.Vena GA, Chieco P, Posa F, Garofalo A, Bosco A, Cassano N. Epidemiology of dermatophytoses: retrospective analysis from 2005 to 2010 and comparison with previous data from 1975. New Microbiol. 2012; 35(2):207-13.2.
3.Havlickova B, Czaika VA, Friedrich M. Epidemiological trends in skin mycoses worldwide. Mycoses. 2008; 51(4):2-15.3.
4.Kelly BP. Superficial fungal infections. Pediatr Rev. 2012; 33(4):e22-37.4.Rivera ZS, Losada L, Nierman WC. Back to the future for dermatophyte genomics. MBio. 2012; 3(6): e00381-12.5.
5.Dawson AL, Dellavalle RP, Elston DM. Infectious skin diseases: a review and needs assessment. Dermatol Clin. 2012; 30(1):141-51.6.Hainer BL. Dermatophyte infections. Am Fam Physician. 2003; 67(1):101-8.