ตรวจค่าเลือดเฟอร์ริติน สำคัญแค่ไหนต่อสุขภาพของเรา?

0
39687

เฟอร์ริติน (Ferritin) คืออะไร?

เฟอร์ริติน (Ferritin) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่เก็บสะสมธาตุเหล็ก (Iron) ภายในร่างกาย พบมากในตับ ม้าม ไขกระดูก และเซลล์ต่างๆ รวมถึงในกระแสเลือด แม้ว่าเฟอร์ริตินจะไม่ใช่ธาตุเหล็กโดยตรง แต่เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดของปริมาณธาตุเหล็กที่สะสมอยู่ภายในร่างกาย

ความสำคัญของเฟอร์ริตินต่อระบบร่างกาย

  • เฟอร์ริตินช่วยควบคุมระดับเหล็กให้พอดี ไม่ต่ำหรือสูงจนเป็นอันตราย

  • ธาตุเหล็กจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและการขนส่งออกซิเจน

  • หากมีเฟอร์ริตินต่ำ อาจหมายถึงภาวะขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia)

  • หากมีเฟอร์ริตินสูง อาจเป็นสัญญาณของการสะสมเหล็กมากเกินไป (Iron Overload) ซึ่งเป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญ เช่น ตับ หัวใจ สมอง

การตรวจค่าเฟอร์ริตินในเลือดคืออะไร?

การตรวจ Ferritin เป็นการตรวจเลือดเพื่อตรวจวัดปริมาณโปรตีนเฟอร์ริตินที่หมุนเวียนอยู่ในกระแสเลือด ค่านี้สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ถึงระดับธาตุเหล็กสะสมในร่างกายได้โดยอ้อม

วัตถุประสงค์ของการตรวจ

  1. ตรวจหาภาวะขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency)

  2. ตรวจภาวะธาตุเหล็กเกิน (Hemochromatosis)

  3. ประเมินโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง, โรคตับ, ภาวะอักเสบเรื้อรัง

  4. เป็น Tumor Marker ร่วมกับการวิเคราะห์มะเร็งบางชนิด

ค่าปกติของเฟอร์ริติน

เพศ ช่วงอ้างอิงค่าปกติ
ผู้ชาย 12–300 ng/mL
ผู้หญิง 10–150 ng/mL

หมายเหตุ: ค่านี้อาจแตกต่างกันไปเล็กน้อยตามห้องปฏิบัติการ

ค่าเฟอร์ริตินต่ำหมายถึงอะไร?

หากค่าเฟอร์ริตินต่ำกว่าค่ามาตรฐาน บ่งบอกได้ว่า:

  • กำลังอยู่ในภาวะขาดธาตุเหล็ก

  • มีเลือดออกภายใน เช่น ทางเดินอาหาร, ประจำเดือนมามาก

  • ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ไม่ดี

  • โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia)

ค่าเฟอร์ริตินสูงหมายถึงอะไร?

ค่าเฟอร์ริตินที่สูงกว่าปกติอาจบ่งชี้ว่า:

  • มีการสะสมเหล็กในตับหรืออวัยวะอื่น (Hemochromatosis)

  • มีภาวะอักเสบเรื้อรัง หรือการติดเชื้อ

  • ป่วยเป็นโรคตับ (Cirrhosis, Hepatitis)

  • มีความเสี่ยงโรคมะเร็ง เช่น:

    • มะเร็งตับ (Hepatocellular carcinoma)

    • มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)

    • มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)

ความเชื่อมโยงระหว่างเฟอร์ริตินกับโรคมะเร็ง

เฟอร์ริตินที่สูงผิดปกติ อาจเป็นผลจากภาวะร่างกายตอบสนองต่อการอักเสบหรือการลุกลามของเนื้อร้าย โดยเฟอร์ริตินอาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของ “Tumor Marker” โดยเฉพาะในมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับระบบเม็ดเลือด ตับ และระบบน้ำเหลือง

กลไกการเกิดอนุมูลอิสระจากธาตุเหล็ก

เฟอร์ริตินที่มากเกินไปสามารถทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free Radicals) โดยเฉพาะ Hydroxyl Radical (OH•) ซึ่งทำลาย DNA และอาจก่อให้เกิดเซลล์กลายพันธุ์และมะเร็งในระยะยาว

Ferritin และระบบภูมิคุ้มกัน

ภาวะเฟอร์ริตินสูงไม่ได้ส่งผลแค่ต่อมะเร็งเท่านั้น แต่ยังสามารถ:

  • ลดภูมิต้านทาน: รบกวนการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว

  • เสริมการติดเชื้อ: จุลชีพบางชนิดใช้เหล็กเป็นสารอาหารในการเจริญเติบโต ทำให้ติดเชื้อรุนแรงขึ้นได้

Ferritin กับภาวะธาตุเหล็กเกินในร่างกาย

โรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะเหล็กเกิน:

  1. Hemochromatosis – โรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กมากเกิน

  2. Chronic Liver Disease – โรคตับเรื้อรังจากแอลกอฮอล์หรือไวรัส

  3. Thalassemia – โรคเลือดที่มีการสะสมเหล็กจากการให้เลือดซ้ำ

  4. Myelodysplastic Syndrome – ภาวะผิดปกติของไขกระดูกที่พบในมะเร็งเม็ดเลือด

Ferritin ต่ำ และผลเสียต่อสุขภาพ

ภาวะขาดธาตุเหล็กอาจก่อให้เกิดอาการ:

  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย

  • ผิวซีด ใจสั่น

  • หายใจลำบากระหว่างออกแรง

  • สมาธิสั้นในเด็ก

  • เล็บเปราะ ผมร่วง

Ferritin ต่ำจึงเป็นตัวเตือนที่สำคัญสำหรับสุขภาพโดยเฉพาะในเพศหญิงที่มีประจำเดือน

วิธีควบคุมระดับเฟอร์ริตินให้เหมาะสม

1. ปรับอาหาร

  • สำหรับเฟอร์ริตินต่ำ:

    • เพิ่มอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ ไข่แดง เนื้อแดง

    • รับประทานอาหารร่วมกับวิตามิน C เพื่อเพิ่มการดูดซึม

  • สำหรับเฟอร์ริตินสูง:

    • ลดการบริโภคเนื้อแดง อาหารเสริมธาตุเหล็ก

    • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์

2. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ

  • โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติมะเร็งในครอบครัวหรือโรคเลือด

3. การรักษาภาวะธาตุเหล็กเกิน

  • การบริจาคเลือด (Therapeutic Phlebotomy)

  • การใช้ยา Chelation Therapy เพื่อลดธาตุเหล็ก

การแปลผล Ferritin ที่แม่นยำ

แพทย์มักจะสั่ง ตรวจร่วมกับค่าอื่นๆ เพื่อประเมินภาพรวมของธาตุเหล็กในร่างกาย เช่น:

  • Serum Iron – ธาตุเหล็กในเลือด

  • Total Iron Binding Capacity (TIBC) – ความสามารถของเลือดในการจับเหล็ก

  • Transferrin Saturation – ร้อยละของ Transferrin ที่จับกับเหล็ก

บทสรุป

การตรวจค่า Ferritin เป็นมากกว่าการดูว่าร่างกายขาดหรือเกินธาตุเหล็ก เพราะสามารถบ่งชี้โรคที่ซ่อนอยู่ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นโรคโลหิตจาง มะเร็ง โรคตับ หรือภาวะอักเสบเรื้อรังต่างๆ ควรให้ความสำคัญกับผลการตรวจนี้ และหากพบความผิดปกติ ควรรับการประเมินเพิ่มเติมจากแพทย์โดยด่วน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: การตรวจ Ferritin เจ็บไหม?
A: ไม่เจ็บมาก เป็นการเจาะเลือดจากเส้นเลือดดำตามปกติ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที

Q: ค่า Ferritin สูงอันตรายหรือไม่?
A: ใช่ โดยเฉพาะถ้าเกิดจากภาวะสะสมธาตุเหล็ก อาจนำไปสู่โรคตับ หัวใจ และเสี่ยงต่อมะเร็ง

Q: Ferritin ตรวจได้บ่อยแค่ไหน?
A: แล้วแต่คำแนะนำของแพทย์ หากมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับธาตุเหล็กควรตรวจทุก 6–12 เดือน

Q: การกินธาตุเหล็กเสริมทำให้ค่า Ferritin สูงเกินไปได้หรือไม่?
A: ได้ หากไม่ได้รับการควบคุมจากแพทย์ ควรปรึกษาก่อนใช้เสริมทุกครั้ง

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

ประสาร เปรมะสกุล, พลเอก. คู่มือแปลผลตรวจเลือด เล่มสอง. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์, 2554. 416 หน้า. 1. เลือด – การตรวจ I.ชื่อเรื่อง. 616.07561 ISBN 978-974-9608-49-4.

Nussey S, Whitehead S (2001). Endocrinology: an integrated approach. Oxford: Bios Scientific Publ. ISBN 978-1-85996-252-7.

[/vc_column][/vc_row]