มะม่วง ( Mango )
มะม่วง ( Mango ) คือ ผลไม้ที่มีรสชาติหวานอร่อยและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนส่วนใหญ่อีกด้วย เพราะไม่ว่าจะกินแบบสุกหรือแบบดิบ ก็ได้รสชาติที่อร่อยโดนใจ และนอกจากมะม่วงที่มีรสชาติหวานแล้วก็มีมะม่วงที่มีรสชาติเปรี้ยวอีกด้วย โดยจะนิยมนำมากินจุ้มกับน้ำปลาพริก รสดี หรือพริกเกลือ แต่หากต้องการให้เก็บไว้กินได้นานๆ ก็จะนำมาทำมะม่วงแช่อิ่มนั่นเอง
ต้นกำเนิดของมะม่วง
ในปัจจุบันพบว่า มะม่วง เป็นผลไม้ที่นิยมปลูกกันแทบทุกบ้านและถือเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่า มะม่วงเป็นไม้ถิ่นดั้งเดิมของไทยเอง แต่ความจริงแล้วมะม่วงมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศพม่าและ อินเดีย โดยอาจเรียกได้ว่าเป็นผลไม้ประจำชาติของอินเดียเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่โบราณที่สุดของประเทศอินเดียอีกด้วย ซึ่งความสำคัญของมะม่วงไม่เพียงแต่เป็นผลไม้ที่นำมากินเพื่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังนิยมนำดอกมะม่วงมาใช้เพื่อบวงสรวงพระสุรัสวดีตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ฮินดูอีกด้วย
มะม่วง นำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อไหร่?
จากหลักฐานศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง ทำให้ทราบว่ามะม่วงน่าจะเข้ามาในประเทศไทยเมื่อประมาณหลายร้อยปีที่แล้ว ซึ่งมะม่วงมีลักษณะเป็นต้นไม้ยืนต้นในสกุล Mangifera และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Mangifera indica ซึ่งแต่เดิมเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย และได้ถูกนำเข้ามาในไทยจนเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตามศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง ก็ได้มีการพรรณนาถึงมะม่วงในสมัยสุโขทัยไว้หลายตอน แสดงให้เห็นว่าในสมัยสุโขทัย มีการปลูกมะม่วงกันอย่างแพร่หลายเลยทีเดียว และสำหรับในปัจจุบันนี้ มะม่วงก็ได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยมีการส่งออกเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยเฉพาะการส่งไปยังตลาดญี่ปุ่น เกาหลี และจีน เป็นต้น
สายพันธุ์ของมะม่วง
มะม่วง มีหลากหลายสายพันธุ์เช่นเดียวกันผลไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งพบว่ามะม่วงมีมากกว่า 50 สายพันธุ์ แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุด ก็คือ มะม่วงเขียวเสวยและมะม่วงน้ำดอกไม้ ส่วนมะม่วงสายพัธุ์ที่นิยมปลูกในไทยมากที่สุด ได้แก่
1. มะม่วงเขียวเสวย เป็นมะม่วงสายพันธุ์พื้นเมืองของนครปฐม โดยจะมีลักษณะผลยาว ปลายแหลมและด้านหลังโค้งนูนเล็กน้อย ส่วนเปลือกจะมีสีเขียวเข้มและหนาพอสมควรโดยรสชาติของมะม่วงชนิดนี้จะมีรสมัน ไม่หวาน ไม่เปรี้ยว และมีเนื้อกรอบ
2. มะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นมะม่วงที่นิยมนำมากินสุกมากกว่ากินดิบ โดยจะมีรูปร่างผลมะม่วงเรียวยาว เมื่อดิบจะมีเนื้อสีขาว แต่เมื่อสุกจะมีสีหลืองนวลและมีรสชาติหวานอร่อยมากทีเดียว
3. มะม่วงอกร่อง เป็นสายพันธุ์ที่มีความเก่าแก่มาก โดยส่วนใหญ่จะนิยมทานกับข้าวเหนียวมูนมากที่สุด โดยมะม่วงสายพันธุ์นี้จะมีรูปร่างผลค่อนข้างเล็ก มีร่องเป็นแนวยาวด้านท้อง เมื่อผลสุกจะมีเนื้อละเอียดและรสชาติอร่อยพอควร
4. มะม่วงฟ้าลั่น เป็นมะม่วงที่มีรสชาติมันเช่นเดียวกับมะม่วงเขียวเสวย มีผลกลม ท้ายแหลม แต่ปอกเปลือกยากพอสมควร เพราะเมื่อปอกเปลือกเนื้อมะม่วงจะปริแตกนั่นเอง
5. มะม่วงมหาชนก เป็นมะม่วงที่ผสมระหว่างมะม่วงพันธุ์หนังกลางวันกับพันธุ์ซันเซ็ตของอินเดีย ซึ่งผลจะมีลักษณะยาวรี มีสีเหลืองเข้มและมีริ้วสีแดง ส่งกลิ่นหอมน่าทาน
6. มะม่วงหนังกลางวัน มีลักษณะผลยาวคล้ายกับงาช้าง เปลือกจะมีสีเขียวแก่จัดและมีรสชาติมันอมเปรี้ยว แต่เมื่อสุกจะมีรสหวานมาก
7. มะม่วงแก้ว เป็นมะม่วงที่มีลักษณะผลอ้วนป้อม เปลือกเหนียว นิยมนำมากินดิบมากที่สุด โดยมะม่วงชนิดนี้เมื่อเกือบสุก เปลือกจะเป็นสีอมส้มหรืออมแดง
8. มะม่วงโชคอนันต์ เป็นมะม่วงที่มีการกลายพันธุ์มาจากมะม่วงป่า ซึ่งจะมีลักษณะผลยาว ปลายมนเล็กน้อย และนิยมนำมาทำมะม่วงดองที่สุด ส่วนรสชาติ เมื่อดิบจะมีรสเปรี้ยวหรือมัน และเมื่อสุกจะมีรสหวาน สามารถนำไปทำเมนูของหวานเช่น ข้าวเหนียวมะม่วงหรือน้ำมะม่วงปั่นได้ประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารของมะม่วง
ประโยชน์ของมะม่วง
มะม่วง อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากกว่าที่หลายคนคิด ซึ่งก็มีประโยชน์ดังนี้
- อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิด เช่น วิตามินซี ช่วยในการป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และแก้อาการหวัด, วิตามินเอ ช่วยบำรุงรักษาดวงตาและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นมากขึ้น
- มีแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายเป็นจำนวนมาก เช่น ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียมและโพแทสเซียม ทั้งยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ที่จะช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น เนียนนุ่มและช่วยชะลอวัยได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกายและลดความเสี่ยงโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น
- อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้นและลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้หรือโรคริดสีดวงทวาร
- มีส่วนช่วยในการเยียวยา รักษาโรคเบาหวาน โดยทำให้อาการดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามควรให้ผู้ป่วยกินในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้น เพราะหากกินมากเกินไปก็จะเกิดผลเสียได้เช่นกันการเลือกมะม่วง ให้ได้รสชาติหวานอร่อย
วิธีเลือกมะม่วงให้ได้รสชาติหวานอร่อย
การเลือกมะม่วงสามารถทำได้ไม่ยาก โดยมีหลักในการเลือกดังนี้
1. เลือกมะม่วงที่มีสีสันสดใสผิวเปลือกเรียบสวย ไม่ขรุขระและไม่หยาบ ที่สำคัญจะต้องไม่เหี่ยวด้วย
2. บนผิวเปลือกของมะม่วง ควรมีรอยตกกระพอประมาณ ซึ่งจะเป็นมะม่วงที่สุกกำลังดี
3. ลองดมกลิ่นดู ซึ่งกลิ่นของมะม่วงควรจะมีกลิ่นหอมออกมา โดยยิ่งหอมมากก็จะยิ่งมีรสชาติเข้มข้นและหวานมากขึ้น
4. ลองกดเนื้อมะม่วงดูเบาๆ มะม่วงที่สุกหวานอร่อย จะต้องมีความยืดหยุ่นเล็กน้อย ไม่แข็งและเมื่อกดลงไปจะต้องไม่ยุบด้วย
5. ดูที่จุดดำบนผิวมะม่วง โดยมะม่วงที่สุกกำลังพอดีมักจะมีจุดดำเล็กน้อย แต่หากมีจุดดำมากไป แสดงว่ามะม่วงใกล้จะเสียแล้ว
6. สังเกตมะม่วงที่มีขนาดเดียวกัน ลูกที่หนักกว่ามักจะมีรสชาติที่อร่อยและเนื้อแน่นกว่า
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
ศัลยา คงสมบูรณ์เวช. บำบัดเบาหวานด้วยอาหาร. พิมพ์ครั้งที่ 4 (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : อัมรินทร์เฮลท์ อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2559. (12), 311 หน้า. (ชุดชีวิตและสุขภาพ ลำดับที่ 113) 1.เบาหวาน 2.โภชนบำบัด 3.การปรุงอาหารสำหรับผู้ป่วย 4.การดูแลสุขภาพตนเอง. 616.462 ศ7บ6 2559. ISBN 978-616-18-7741-9.
“Mango”. Fruits of Warm Climates. NewCROP, New Crop Resource Online Program, Center for New Crops & Plant Products, Purdue University. pp. 221–239. ISBN 0-9610184-1-0.
National Cancer Institute. Archived from the original on June 25, 2014. Retrieved June 10, 2014.