เนระพูสีไทย
เนระพูสีไทย (Bat flower) หรือเรียกกันว่า “ว่านค้างคาวดำ” มีดอกเป็นสีม่วงดำที่มีลักษณะคล้ายค้างคาวดำโดดเด่นอยู่บนต้น ในปัจจุบันมักจะนำเนระพูสีไทยมาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์เจลสำหรับใช้ทากันเป็นส่วนมาก สามารถนำทั้งต้นมาใช้เป็นยาสมุนไพรได้ เนระพูสีไทยหรือว่านค้างคาวดำนั้นค่อนข้างโด่งดังในเรื่องของการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางเพศของผู้ชายได้
รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของเนระพูสีไทย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tacca chantrieri André
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Bat flower” “Black lily”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “เนระพูสีไทย” ภาคเหนือเรียกว่า “ดีงูหว้า” จังหวัดจันทบุรีเรียกว่า “คลุ้มเลีย ว่านหัวเลีย ว่านหัวลา ว่านหัวฬา” จังหวัดกรุงเทพมหานครเรียกว่า “ค้างคาวดำ มังกรดำ” จังหวัดตราดเรียกว่า “ดีปลาช่อน” จังหวัดชุมพรเรียกว่า “ม้าถอนหลัก” จังหวัดยะลาเรียกว่า “ว่านพังพอน” จังหวัดตรังเรียกว่า “นิลพูสี” จังหวัดนครศรีธรรมราชเรียกว่า “ว่านนางครวญ” ชาวมลายูปัตตานีเรียกว่า “กลาดีกลามูยี” ชาวกะเหรี่ยงแดงเรียกว่า “เส่แหง่เหมาะ” ชาวลัวะเรียกว่า “ล่อเคลิน” ชาวขมุเรียกว่า “เหนียบเลิน” มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า “ว่านค้างคาว ว่านค้างคาวดำ”
ชื่อวงศ์ : วงศ์กลอย (DIOSCOREACEAE)
ลักษณะของเนระพูสีไทย
เนระพูสีไทย เป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปีที่มีเขตการกระจายพันธุ์ในทางตอนใต้ของจีน อินเดีย บังกลาเทศ ลาว พม่า เวียดนามและชายฝั่งมาเลเซีย มักจะพบขึ้นตามป่าเขา ป่าดิบแล้งหรือป่าดิบชื้น
ลำต้น : ลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน ลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นรูปวงรีกว้างหรือเป็นรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ เส้นแขนงของใบแตกออกจากเส้นกลางใบโค้งจรดกันเกือบถึงขอบใบ แผ่นใบเกลี้ยงเป็นสีเขียวเข้ม หลังใบเรียบเป็นมัน ท้องใบเรียบ
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกลุ่ม ๆ ประมาณ 1 – 2 ช่อ ในแต่ละช่อจะมีดอกประมาณ 4 – 6 ดอก แทงออกมาจากเหง้าที่อยู่ใต้ดิน ดอกเป็นสีม่วงดำหรือเป็นสีเขียวเข้ม กลีบดอก 6 กลีบ โคนกลีบดอกจะเชื่อมติดกัน กลีบด้านนอก 3 กลีบมีลักษณะเป็นรูปไข่หรือเป็นรูปสามเหลี่ยม กลีบด้านใน 3 กลีบ ดอกมีเกสรเพศผู้สีเขียวหรือสีเหลือง ดอกมีใบประดับเป็นสีม่วงดำหรือเป็นสีเขียวเข้ม 2 คู่ ออกตรงข้ามสลับตั้งฉากกัน ไม่มีก้าน ใบประดับคู่นอกมีลักษณะเป็นรูปวงรี รูปไข่หรือรูปใบหอก ใบประดับคู่ในแผ่กว้างออกเป็นรูปไข่หรือรูปไข่กลับ
ผล : ลักษณะของผลเป็นทรงสามเหลี่ยมหรือเป็นรูปกระสวย ผลมีสันเป็นคลื่น 6 สันตามความยาวของผล มีวงกลีบรวมที่ยังไม่ร่วงติด
เมล็ด : เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปไต
สรรพคุณของเนระพูสีไทย
- สรรพคุณจากต้น ใบ ราก เหง้า
– รักษามะเร็ง เป็นยาบำรุงร่างกาย แก้อาการปวดท้อง แก้อาการอาหารไม่ย่อยและอาหารเป็นพิษ ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ด้วยการนำราก ต้น ใบ เหง้ามาต้มกับน้ำแล้วดื่มหรือเคี้ยวกิน - สรรพคุณจากใบ ราก เหง้า
– ทำให้เจริญอาหาร ด้วยการนำรากหรือเหง้าใช้ดองกับเหล้ากินเป็นยา หรือนำใบสดมารับประทาน - สรรพคุณจากเหง้า แก้ธาตุพิการ แก้ซางเด็ก ช่วยดับพิษไข้อย่างแก้ไข้กาฬ แก้ไข้เหนือ แก้ไข้สันนิบาต แก้ไข้ท้องเสีย แก้อาการไอ รักษาโรคในปากคอ แก้ลิ้นคอเปื่อย แก้ปอดพิการ แก้บิดหรือบิดมูกเลือด ช่วยสมานแผล
– เป็นยาบำรุงกำลัง แก้ความดันโลหิตต่ำ บำรุงกำลังทางเพศ เป็นยาบำรุงสำหรับสตรีมีครรภ์ ด้วยการนำเหง้ามาต้มกับน้ำหรือใช้ดองกับเหล้า
– รักษาอาการผดผื่นคันตามร่างกาย ด้วยการนำเหง้ามาต้มกับน้ำแล้วอาบ
– แก้อาการปวด แก้อักเสบ แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้อาการปวดหลังปวดเอว ด้วยการนำเหง้ามาซอยเป็นชิ้นและบดให้เป็นผงละเอียด จากนั้นนำมาละลายในน้ำต้มเดือดแล้วแช่ทิ้งไว้สักครู่ให้พออุ่น ใช้ผ้าขนหนูชุบนำมาประคบบริเวณที่มีอาการ - สรรพคุณจากทั้งต้น
– แก้อาการเบื่อเมา ด้วยการนำทั้งต้นใช้ผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นแล้วนำมาฝนรวมกันเพื่อรับประทานแก้อาการ
– รักษาอาการผดผื่นคันตามร่างกาย ด้วยการนำทั้งต้นมาต้มกับน้ำแล้วอาบ
– แก้อัมพฤกษ์ โรคความดันและโรคหัวใจ ด้วยการนำทั้งต้น 1 กำมือ ต้นเหงือกปลาหมอ 1 กำมือ ใบหนุมานประสานกาย 7 ก้าน และบอระเพ็ด 1 เซนติเมตร มาตากหรืออบให้แห้งแล้วเอามารวมกับโสมเกาหลีอายุ 6 ปีขึ้นไป 5 สลึง ที่หั่นเป็นแผ่นบาง ๆ และขั้วมาแล้ว หลังจากนั้นนำมาห่อด้วยผ้าขาวบาง ใส่ภาชนะต้มน้ำให้พอท่วมยาจนเดือด ใช้ดื่มกินครั้งละ 2 แก้ว เช้าและเย็น แล้วให้อุ่นยาวันละหนึ่งครั้ง หากดื่มหมดก็เติมน้ำต้มใหม่จนยาจืด (หมายเหตุ : ห้ามดื่มของมึนเมาในระหว่างดื่มยานี้ ห้ามนำตัวยานี้ไปใช้แสวงหาประโยชน์เพื่อการค้าและให้นำกล้วยน้ำว้า 1 หวี มาถวายพระและอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าของยา) - สรรพคุณจากราก
– แก้อาการปวด แก้อักเสบ แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้อาการปวดหลังปวดเอว ด้วยการใช้รากดองกับเหล้าหรือใช้รากนำมาต้มกับน้ำร่วมกับหญ้าถอดปล้องเพื่อใช้ดื่มเป็นยา - สรรพคุณจากใบ
– แก้อาการปวด แก้อักเสบ แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้อาการปวดหลังปวดเอว ด้วยการนำใบสดมารับประทาน
ประโยชน์ของเนระพูสีไทย
1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ชาวปะหล่องใช้ใบรับประทานเป็นผักสดร่วมกับลาบ ชาวกะเหรี่ยงแดงใช้ใบรับประทานร่วมกับน้ำพริก คนเมืองและชาวเผ่าม้ง มูเซอ ใช้ใบอ่อนนำมาย่างไฟให้อ่อนหรือนำมาลวกใช้รับประทานกับลาบ ชาวขมุใช้ดอกรับประทานร่วมกับน้ำพริก คนเมืองจะใช้ทั้งดอกและยอดอ่อนรับประทานเป็นผักจิ้มกับน้ำพริก
2. สกัดเป็นผลิตภัณฑ์ สกัดเป็นผลิตภัณฑ์น้ำสกัดบรรจุขวดหรือทำเป็นเจลสำหรับใช้ทาบริเวณที่มีอาการอักเสบ มีฤทธิ์ในการต้านแบคทีเรียและใช้รักษาสิวได้
3. ปลูกเป็นไม้ประดับ
4. ใช้ในการเกษตร มีฤทธิ์ยับยั้งการกินของหนอนใยผักซึ่งเป็นแมลงศัตรูพืชผักที่สำคัญโดยเฉพาะพืชในตระกูลกะหล่ำ
เนระพูสีไทย เป็นที่นิยมสำหรับชาวพื้นเมืองและเป็นยาบำรุงเพศชั้นดีต่อเพศชาย เป็นต้นที่มีลักษณะโดดเด่นเหมือนค้างคาวสีดำเกาะอยู่บนต้น เหง้าของเนระพูสีไทยเป็นส่วนที่มีสรรพคุณทางยาชั้นเยี่ยม มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ เป็นยาบำรุงกำลังทางเพศ ช่วยแก้อาการอักเสบและแก้ปวด ช่วยดับพิษไข้ แก้อัมพฤกษ์ รักษาโรคความดันและโรคหัวใจ รวมถึงอาการอื่น ๆ อีกมากมาย เหมาะอย่างมากที่จะนำมาปลูกไว้ในบ้านเพราะนอกจากจะเป็นยาชั้นดีแล้วยังเป็นไม้ประดับที่โดดเด่นอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “เนระพูสีไทย (Na ra Pu Si Thai)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 159.
หนังสือสมุนไพรไทยในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. “เนระพูสีไทย”. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ). หน้า 128.
หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. “เนระพูสีไทย Bat Flower”. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). หน้า 206.
หนังสือชุดพรรณไม้เมืองไทย : ไม้ต่างถิ่นในเมืองไทย 1. “เนระพูสีไทย”. (ปรัชญา ศรีสง่า, ชัยยุทธ กล่ำแวววงศ์).
เอกสารการประชุมวิชาการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ครั้งที่ 6. “ฤทธิ์ควบคุมหนอนใยผัก (Plutella xylostella L.) ของสารสกัดจากเหง้าค้างคาวดำ (Tacca chantrieri Andre)”. (มยุรฉัตร เกื้อชู, ศิริพรรณ ตันตาคม, ธรรมศักดิ์ ทองเกตุ).
สวนพฤกษศาสตร์สายยาไทย. “เนระพูสีไทย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.saiyathai.com. [29 ม.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “Bat flower”. อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [29 ม.ค. 2014].
หนังสือธรรมชาติศึกษา ดอกไม้และประวัติไม้ดอกเมืองไทย. (วิชัย อภัยสุวรรณ).
คมชัดลึกออนไลน์. “วิจัยพบสารออกฤทธิ์ เนระพูสีไทย”. (ผศ.ดร.ไชยยง รุจนเวท). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.komchadluek.net. [29 ม.ค. 2014].
สิงห์แดง รุ่น ๑๘. “ว่านค้างคาวดํา‘”. (สมุทร ทองวิจิตร). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: singdang18.net/kangkao.html. [29 ม.ค. 2014].
พืชและสัตว์ท้องถิ่นภูพาน, โครงการตาสับปะรด มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. “เนระพูสีไทย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: pineapple-eyes.snru.ac.th. [29 ม.ค. 2014].
ศูนย์รวมข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “เนระพูสีไทย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaibiodiversity.org. [29 ม.ค. 2014].