ต้นหมาก สรรพคุณช่วยรักษาโรคมาลาเรีย

0
1299
ต้นหมาก สรรพคุณช่วยรักษาโรคมาลาเรีย เป็นไม้จำพวกปาล์ม ใบประกอบแบบขนนกปลายแหลม ดอกเป็นช่อขนาดใหญ่สีขาวแกมสีเหลือง ผลเป็นทะลายสีเขียว ผลแก่สีเหลืองส้ม เนื้อสีเหลืองถึงเหลืองเข้มอมแดง
ต้นหมาก
เป็นไม้จำพวกปาล์ม ดอกเป็นช่อใหญ่สีขาวแกมสีเหลือง ผลเป็นทะลายสีเขียว ผลแก่สีเหลืองส้ม เนื้อสีเหลืองถึงเหลืองเข้มอมแดง

หมาก

หมาก มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียเขตร้อน เติบโตได้ดีที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลสูงกว่า 700 เมตร ชื่อสามัญ คือ Areca nut, Areca nut palm, Areca palm, Betel nut palm, Betel Nuts[1],[5]
ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Areca catechu L. จัดอยู่ในวงศ์ปาล์ม (ARECACEAE) ซึ่งแต่เดิมใช้ชื่อวงศ์ว่า PALMAE หรือ PALMACEAE[1],[2],[3] ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ หมากเมีย (ทั่วไป), หมากสง (ภาคใต้), แซ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), สีซะ (กะเหรี่ยง-ภาคเหนือ), มะ (ชอง-ตราด), เซียด (ชาวบน-นครราชสีมา), ปีแน (มลายู-ภาคใต้), ปิงน๊อ (จีนแต้จิ๋ว), ปิงหลาง (จีนกลาง)[1],[3]

ลักษณะของต้นหมาก

  • ต้น[1],[3],[5]
    – เป็นไม้ยืนต้นจำพวกปาล์ม
    – ต้นมีความสูงได้ถึง 10-15 เมตร
    – ลำต้นตั้งตรง
    – เป็นต้นเดี่ยวไม่แตกกิ่งก้าน
    – ลำต้นเป็นรูปทรงกระบอก
    – มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8-12 เซนติเมตร
    – ในระยะแรกจะเจริญเติบโตด้านกว้างและด้านสูง
    – มีตายอดตรงส่วนปลายสุดของลำต้น
    – หากยอดตายต้นก็จะตาย
    – ตายอดจะเป็นที่เกิดของใบหลังจากใบร่วงหล่นจะทิ้งรอยติดของใบไว้
    – มีใบหรือข้อเพิ่มขึ้น 5 ใบ หรือ 5 ข้อ
    – มีเนื้อเป็นเสี้ยนยาวจับตัวกันตรงเปลือกนอก
    – ในส่วนกลางของลำต้นเป็นเสี้ยนไม่อัดแน่น
    – มีเนื้อไม้อ่อนนุ่มคล้ายกับฟองน้ำ
    – ต้นเหนียวและสามารถโยกเอนได้
    – สามารถขยายพันธุ์ได้โดยวิธีการเพาะเมล็ด
  • ใบ[1],[3]
    – เป็นใบประกอบแบบขนนก
    – ออกเรียงเวียนกันที่ปลายยอด
    – ก้านใบมีความยาวได้ถึง 130-200 เซนติเมตร
    – ใบย่อยเป็นรูปใบหอก
    – ปลายใบแหลม
    – โคนใบเรียวแคบ
    – ใบอ่อนมีรอยแยก
    – ใบมีความกว้าง 2.5-6 เซนติเมตร และยาว 50-70 เซนติเมตร
    – แผ่นใบเรียบหนา
    – กาบใบหุ้มลำต้น
  • ดอก[1],[3],[5]
    – ออกตามซอกโคนก้านใบหรือกาบนอก
    – ดอกออกรวมกันเป็นช่อขนาดใหญ่
    – จะประกอบไปด้วยโคนจั่นยึดติดอยู่ที่ข้อของลำต้น
    – ก้านช่อดอกเป็นเส้นยาวแตกออกโดยรอบแกนกลาง
    – มีกลีบหุ้มช่อขนาดใหญ่ มีความยาว 40 เซนติเมตร เป็นมันเงา
    – มีใบประดับหุ้มอยู่
    – ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน
    – กลีบดอกเป็นสีขาวแกมสีเหลือง
    – กลีบดอกมี 6 กลีบ เรียงเป็นชั้น 2 ชั้น มีความยาว 5-6 มิลลิเมตร
    – ดอกมีเกสรเพศผู้ 6 อัน
    – มีเกสรเพศเมียเป็นเส้น 3 เส้นบาง ๆ แผ่ออก
    – ดอกเพศผู้จะมีขนาดเล็กและอยู่ตรงส่วนปลายของก้านช่อดอก
    – ดอกเพศเมียจะค่อนข้างใหญ่และอยู่ที่โคนก้านช่อดอก
    – ดอกเพศผู้จะใช้เวลาบาน 21 วัน หลังจากนั้น 5 วัน ดอกเพศเมียจะเริ่มบาน
  • ผล[1],[3],[4],[5]
    – ผลออกเป็นทะลาย
    – ผลเป็นรูปทรงกลม รูปกลมรี รูปไข่ หรือเป็นรูปกระสวยขนาดเล็ก
    – ในหนึ่งทะลายจะมีผลอยู่ประมาณ 10-150 ผล
    – ผิวผลเรียบ
    – มีกลีบเลี้ยงติดเป็นขั้วผล
    – ผลมีความกว้าง 5 เซนติเมตร และยาว 7 เซนติเมตร
    – ผลดิบหรือผลสดเป็นสีเขียวเข้ม เรียกว่า “หมากดิบ”
    – ผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มทั้งผลหรือสีแดงแกมส้ม เรียกว่า “หมากสุก”
    – ผลประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ เปลือกชั้นนอก เปลือกชั้นกลาง เปลือกชั้นใน และส่วนของเมล็ดหรือเนื้อ
    – เนื้อผิวจะมีลายเส้นสีเหลืองถึงสีน้ำตาล
    – ส่วนเนื้อจะเป็นสีเหลืองอ่อน ๆ ถึงสีเหลืองเข้มอมแดง
    – ผลมีเมล็ดอยู่เมล็ดเดียว
    – จะออกผลในช่วงเดือนพฤษภาคม

หมากกับมะเร็งปาก

1. ในอดีต เป็นสัญลักษณ์ของความนับถือและมิตรภาพ
2. ในสมัยก่อนถือเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาก
3. ในภายหลัง ได้ถูกห้ามในสมัยของรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม
– เพื่อให้คนไทยก้าวสู่ความเป็นอารยชน
– การปลูกยังเป็นการปลูกเพื่อเป็นพืชส่งออก
4. ในปัจจุบันแพทย์ได้พบหลักฐานว่า
– กินเป็นประจำจะทำให้คนกินเป็นโรคมะเร็งปาก
– เพิ่มโอกาสการเป็นโรคหัวใจ โรคหืด และโรคเบาหวาน
5. รัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศมีการรณรงค์ให้คนลดการกินหมาก
– ทำให้สถิติการเป็นโรคมะเร็งปากในบางประเทศลดลง
– ในบางประเทศมีการออกกฎหมายห้ามผลิตสินค้าที่มีหมากเจือปน
– ในบางประเทศมีการออกกฎหมายเพื่อจำกัดการผลิต

ข้อมูลทางเภสัชวิทยา

  1. สารสำคัญที่พบ คือ[2],[3[
    – Arecoline
    – Arecaidine
    – Arecolidine
    – Guvacoline
    – Guvacine
    – Isoguvacine
    – Leucocyanidin
    – Alkaloid 0.3-0.7%
    – Tanin 15%
    – น้ำมันระเหย 18%
  2. เมล็ดมีสาร Procyanidins[2]
    – ช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ
    – เมล็ดมีสาร Arecatannin B1[2]
    – ช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่มีความจำเป็นต่อเชื้อโรคเอดส์
  3. สารสกัดด้วยเอทานอลจากเนื้อของผลหมากสง[6]
    – มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของคะน้าได้
  4. มีสารอัลคาลอยด์[14]
    – มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อราและฆ่าเชื้อไวรัส
  5. จากการนำเนื้อผลมาต้มกับน้ำแล้วป้อนให้หนูทดลองกิน[3]
    – พบว่าภายใน 20 นาที สามารถฆ่าพยาธิในหนูทดลองได้
  6. มีสาร Arecoline[3]
    – มีฤทธิ์ทำให้พยาธิมึนชาได้
    – นำมาใช้เป็นยาถ่ายพยาธิในหมูได้ดีมาก
  7. สารที่สกัดได้จากเนื้อผลของผล เมื่อนำไปให้สัตว์ทดลองกิน[3]
    – มีผลกระตุ้นให้กระเพาะและลำไส้ที่หดเกร็งเคลื่อนไหวได้
    – ช่วยทำให้น้ำย่อยของกระเพาะและลำไส้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
  8. สาร Arecoline[7]
    – ช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ แรงดันโลหิต
    – ช่วยกระตุ้นปริมาณของน้ำตาลกลูโคสในสมอง

สรรพคุณของหมาก

  • ช่วยแก้โรคกษัย[1]
  • ช่วยแก้พิษผิดสำแดงไข้[2]
  • ช่วยรักษาโรคในปาก[8],[11]
  • ช่วยแก้ปากเปื่อย[8],[11]
  • ช่วยถอนพิษถูกสารปรอทตามฟันได้[8],[13]
  • ช่วยสมานลำไส้[1],[2],[13]
  • ช่วยแก้อาการท้องเดิน[1]
  • ช่วยแก้โรคบิด[11]
  • ช่วยขับปัสสาวะ[11]
  • ช่วยถอนพิษบาดแผล[1]
  • ช่วยแก้เกลื้อน[1]
  • ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยเส้นเอ็นได้[2],[13]
  • ช่วยทำให้เจริญอาหาร[1]
  • ช่วยแก้โรคเบาหวาน[13]
  • ช่วยรักษาโรคมาลาเรีย[14]
  • ช่วยแก้อาการไอ[1]
  • ช่วยขับเสมหะ[1],[3]
  • ช่วยแก้เมา แก้อาเจียน[1]
  • ช่วยป้องกันอาการของโรคต้อหินหรือความดันภายในลูกตา[14]
  • ช่วยแก้กระเพาะอาหารไม่ย่อย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
  • ช่วยแก้บิดทวารหนัก[3]
  • ช่วยถ่ายพยาธิ ยาขับพยาธิได้หลายชนิด[3],[4],[14]
  • ช่วยขับพยาธิในถุงน้ำดี[3]
  • ช่วยลดอาการขาบวมน้ำ[3]
  • ช่วยสมานแผล[1]
  • ช่วยรักษาหูด[14]
  • ช่วยแก้ไข้ แก้หวัด[2]
  • ช่วยป้องกันสารพิษทำลายตับ[2],[13]
  • ช่วยล้อมตับดับพิษ[9],[11]
  • ช่วยขับพิษภายในและภายนอก[9],[11]
  • ช่วยแก้ผดผื่นคันตามตัวได้[9],[11],[13]
  • ช่วยขับเหงื่อ[4]
  • ช่วยรักษาโรคในปาก[4]
  • ช่วยแก้ปากเปื่อย[4]
  • ช่วยทำให้เหงือกและฟันแข็งแรง[4]
  • ช่วยรักษาท้องเดิน ท้องเสีย[4]
  • ช่วยแก้บิดปวดเบ่ง ปวดแน่นท้อง[4]
  • ช่วยรักษาโรคทางเดินปัสสาวะ[2],[4]
  • ช่วยสมานแผลทำให้เลือดหยุดไหล และทำให้แผลหายเร็ว[4],[11]
  • ช่วยยับยั้งการไหลของหนองเวลาเป็นแผล[4]
  • ช่วยรักษาแผลเน่าเปื่อย แผลเป็น[4],]12]
  • ช่วยฆ่าพยาธิบาดแผล ขจัดรอยแผลเป็น[4],[12]
  • ช่วยแก้คัน[4]

ประโยชน์ของหมาก

1. เนื้อในเมล็ด สามารถนำมาใช้ย้อมผ้าได้[7]
2. เปลือกผล สามารถนำมาใช้ทำเป็นเชื้อเพลิงได้[7]
3. เมล็ด สามารถนำมาใช้เป็นยาถ่ายพยาธิในสัตว์ได้[2],[4],[11]
4. สามารถนำมาใช้กำจัดหนอน ในเวลาที่โค กระบือเป็นแผลมีหนอน จะทำให้หนอนตายได้[11]
5. ช่อดอก จะนำมาใช้ในงานแต่งงานและงานศพ[7]
6. สามารถปลูกไม้ประดับทั่วไปได้ เพื่อลำต้นและทรงพุ่มมีความสวยงาม[7]
7. กาบ สามารถนำมาใช้ทำพัดได้[10]
8. กาบใบ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำภาชนะ เครื่องจักสาน หรือวัสดุห่อหุ้มสิ่งของได้
9. ในสมัยก่อน จะนำกาบใบมาทำเป็นรถลาก (เด็กเล่น) [7],[10],[11]
10. กาบใบ สามารถนำมาดัดหรือเจียนทำเป็นเนียนสำหรับขูดน้ำพริกที่สากและครก[7],[10],[11]
11. กาบใบ สามารถนำมาทำเป็นที่จับกระทะเคี่ยวตาลได้[7],[10],[11]
12. ลำต้นสามารถนำมาใช้ในการก่อสร้างได้ เช่น ใช้ทำสะพาน เฟอร์นิเจอร์ ทำเสาตอม่อ ทำไม้คานแบกของ ทำคร่าวสำหรับยึดฝาฟากสับ [7],[10],[11]
13. โคนแก่ สามารถนำมาใช้ทำชั้นพะองเพื่อทอดทำสะพานข้ามกระโดง ท้องร่อง[7],[10],[11]
14. ลำต้น เมื่อมาทะลวงไส้ออก จะสามารถใช้เป็นท่อระบายน้ำได้[7],[10],[11]
15. ต้น สามารถนำมากั้นคันดินและทำเป็นตอม่อได้ เพื่อป้องกันคันดินที่กั้นน้ำเข้าสวนพังได้อีกด้วย[7],[10],[11]
16. ชาวสวนใช้ทางแห้งนำมาทำเป็นเสวียนขนาดใหญ่ ใช้สำหรับรองรับกระทะใบบัวขนาดใหญ่ ในขณะที่กวนน้ำตาลองุ่นให้เป็นน้ำตาลปี๊บ[10]
17. ยอดอ่อนของลำต้น สามารถนำมาใช้รับประทานเป็นผักได้[7],[11]
18. จั่นหรือดอกอ่อน สามารถใช้รับประทานเป็นอาหารได้[7],[11]

สั่งซื้อ อาหารเสริม สำหรับผู้ป่วย เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “หมาก (Mak)”. หน้า 328.
2. หนังสือสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา. (ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “หมาก Areca Plam, Betelnut Palm”. หน้า 41.
3. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “หมาก”. หน้า 612.
4. ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “หมาก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaicrudedrug.com. [19 ก.ค. 2014].
5. สำนักงานเกษตรจังหวัดฉะเชิงเทรา. “หมาก (Betel Nuts)”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.chachoengsao.doae.go.th. [19 ก.ค. 2014].
6. การประชุมทางวิชาการของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่ 48 วันที่ 3-5 ก.พ. 2553. (ศานิต สวัสดิกาญจน์, สุวิทย์ เฑียรทอง, เนาวรัตน์ ประดับเพ็ชร์, สิริวรรณ สมิทธิอาภรณ์, วริสรา ปลื้มฤดี). “ผลของสารสกัดจากพืชบางชนิดต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของคะน้า”. หน้า 412-421.
7. บ้านจอมยุทธ์. “หมาก ( areca palm ) Areca catechu L.”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.baanjomyut.com. [19 ก.ค. 2014].
8. ไทยรัฐออนไลน์. (นายเกษตร). “หมาก แก้น้ำกัดมือเท้า”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thairath.co.th. [19 ก.ค. 2014].
9. ศูนย์รวมข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย, สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “หมาก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thaibiodiversity.org. [19 ก.ค. 2014].
10. จุฬาวิทยานุกรม. “ต้นหมาก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.chulapedia.chula.ac.th. [19 ก.ค. 2014].
11. ฐานข้อมูลพันธุกรรมพืช กรมวิชาการเกษตร. “หมาก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: th.apoc12.com. [19 ก.ค. 2014].
12. โครงการรวบรวมและอนุรักษ์พันธุกรรมผักพื้นบ้านและไม้ผลพื้นเมืองภาคใต้พร้อมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สู่ประชาชนทั่วไป, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. “หมาก”. อ้างอิงใน: หนังสือพฤกษาพัน (เอื้อมพรวีสมหมาย และคณะ). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.natres.psu.ac.th. [19 ก.ค. 2014].
13. ไทยรัฐออนไลน์. (นายเกษตร). “หมาก แก้เบาหวานแผลหายเร็ว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.thairath.co.th. [19 ก.ค. 2014].
14. รักบ้านเกิด. “การใช้หมากรักษาหูด”. อ้างอิงใน: กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rakbankerd.com. [19 ก.ค. 2014].
15. ผู้จัดการออนไลน์. (นายเกษตร). “หมากกับมะเร็งปาก”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.manager.co.th. [19 ก.ค. 2014].

อ้างอิงรูปจาก
1. https://www.indiamart.com/
2. https://hzgoodar.live/
3. https://medthai.com/