พญาไม้ผุ สรรพคุณของแก่นใช้แก้ประดง

0
1443
พญาไม้ผุ
พญาไม้ผุ สรรพคุณของแก่นใช้แก้ประดง ไม้พุ่มเถาเนื้อแข็งเลื้อยตั้งตรง ดอกเป็นช่อสีเขียวหรือสีเหลืองมีขนคล้ายเส้นไหม ผลเป็นสีเขียวรูปไข่ปลายแหลม
พญาไม้ผุ
ไม้พุ่มเถาเนื้อแข็งเลื้อยตั้งตรง ดอกเป็นช่อสีเขียวหรือสีเหลืองมีขนคล้ายเส้นไหม ผลเป็นสีเขียวรูปไข่ปลายแหลม

พญาไม้ผุ

ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Enkleia malaccensis Griff. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ คือ Enkleia malayana Griff, Enkleia siamensis (Kurz) Nevling, Linostoma scandens var. cambodiana Lecomte, Linostoma siamensis Kurz จัดอยู่ในวงศ์กฤษณา (THYMELAEACEAE)[1],[3] ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ คือ ปอตับเต่า (เลย), เต่าไห้ พญาไม้ผุ (ราชบุรี), พันไฉน พันไสน (กรุงเทพมหานคร), ปอตับเต่า (ภาคเหนือ)[1]

ลักษณะของต้นพญาไม้ผุ

  • ลักษณะของต้น[1],[2],[3]
    – เป็นพรรณไม้พุ่ม เลื้อยตั้งตรง หรืออาจจะเป็นไม้เถาเนื้อแข็ง
    – มีความสูงได้ถึง 2-5 เมตร
    – เปลือกต้นเรียบ เป็นสีน้ำตาลเข้ม มีความเหนียว
    – มีมือเกาะอยู่ตรงข้าม
    – ตามกิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดงขึ้น
    – เขตการกระจายพันธุ์อยู่ในอินเดียจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    – ในประเทศไทยนั้นสามารถพบขึ้นได้แทบทุกภาค ยกเว้นในทางภาคใต้
    – สามารถพบขึ้นได้ทั่วไปตามชายป่า บริเวณที่ค่อนข้างชื้น ตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง
    – จะขึ้นปะปนอยู่กับต้นไม้พวกยางชนิดต่าง ๆ
    – พบได้ในที่ความสูงตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเลจนถึงที่ความสูง 500 เมตร
  • ลักษณะของใบ[1],[3]
    – ใบเป็นใบเดี่ยว
    – ออกเรียงตรงข้ามกัน หรืออาจจะออกเรียงสลับ
    – ใบเป็นรูปไข่หรือรูปรี หรืออาจจะกลม
    – ปลายใบแหลมหรือมน
    – มีติ่งหนามเล็ก ๆ
    – โคนใบเป็นรูปลิ่มหรือมน
    – ขอบใบเรียบ
    – ใบมีความกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตร และยาว 5-10 เซนติเมตร
    – แผ่นใบหนาคล้ายแผ่นหนัง
    – ผิวใบด้านบนเกลี้ยงเป็นสีเขียว
    – มีขนสีเทาสั้นและนุ่ม จะขึ้นประปรายไปจนถึงหนาแน่นตามร่องเส้นกลางใบ
    – ด้านล่างเป็นสีเทา มีขนสั่นนุ่มขึ้นประปรายถึงแน่น
    – เส้นแขนงใบมีข้างละ 15-25 เส้น
    – ก้านใบเกลี้ยงหรือมีขนสั้นนุ่ม มีความยาว 0.6-0.8 เซนติเมตร จะเป็นร่องทางด้านบน
  • ลักษณะของดอก[1]
    – ออกดอกเป็นช่อ
    – ออกดอกที่ปลายกิ่ง
    – ช่อดอกเป็นแบบช่อซี่ร่ม
    – ดอกมีจำนวน 3-15 ดอก
    – ดอกเป็นสีเขียวหรือสีเหลือง
    – ก้านช่อดอกยาว 2-5 เซนติเมตร
    – ใบประดับเป็นเยื่อบาง เป็นสีครีมแกมสีเขียวอ่อน เป็นรูปรี
    – ปลายและโคนมน มีความกว้าง 1-1.5 เซนติเมตร และยาว 2-5 เซนติเมตร
    – ใบประดับย่อยมีขนาดเล็ก เป็นรูปแถบ
    – กลีบเลี้ยงที่โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด มีความยาว 7-8 มิลลิเมตร
    – ปลายแยกออกเป็น 5 แฉก มีความกว้าง 1.5-2 มิลลิเมตร และยาว 3-4 มิลลิเมตร – กลีบดอกจะมี 5 กลีบ เป็นรูปลิ้น มีความยาว 2.5 มิลลิเมตร
    – มีความอวบน้ำ
    – ที่ปลายเป็นแฉกลึก 2 แฉก เป็นรูปขอบขนาน
    – ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน เรียงเป็น 2 วง
    – ก้านชูอับเรณูเกลี้ยง มีความยาว 0.5-1.5 มิลลิเมตร
    – มีอับเรณูยาว 1 มิลลิเมตร
    – มีรังไข่เป็นรูปรี อยู่เหนือวงกลีบ มีความยาว 1-2 มิลลิเมตร
    – มีขนคล้ายเส้นไหมขึ้นหนาแน่น มี 1 ช่อง มีออวุล 1 เมล็ด
    – ก้านเกสรเพศเมียจะสั้น มีความยาว 1.5-2 มิลลิเมตร
    – ยอดเกสรเพศเมียจะเป็นตุ่ม
  • ลักษณะของผล[1]
    – เป็นผลสด
    – ผลเป็นรูปไข่ ปลายแหลม
    – ผิวผลจะเกลี้ยงหรือมีขนละเอียด
    – ผนังชั้นในแข็ง
    – ผลเป็นสีเขียว
    – มีความกว้าง 0.6-0.8 เซนติเมตร และยาว 1-1.5 เซนติเมตร
    – มีก้านผลยาว
    – มีใบประดับสีน้ำตาลอ่อน 2 ใบ มขนาดประมาณ 2-4 เซนติเมตร
    – มีเมล็ดเป็นรูปไข่ มีความกว้าง 0.4-0.5 เซนติเมตร และยาว 0.6-0.8 เซนติเมตร
    – จะออกดอกและออกผลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน

ข้อมูลทางเภสัชวิทยา

  • ราก พบสาร linobiflavonoid, chamaejasmin, 7-O-β-d-glucopyranosyl chamaejasmin, ormocarpin , ( – )-wikstromol, matairesinol, (+)-lariciresinol, carthamidin สารกลุ่มคูมาริน ได้แก่ clausarin, daphnoretin, nordentatin, umbelliferone[1]
  • สาร daphnoretin จากราก มีฤทธิ์กดการแสดงออกของยีนไวรัสตับอักเสบบีในเซลล์ตับของมนุษย์และในหลอดทดลองได้[1]

สรรพคุณของพญาไม้ผุ

  • ผล สามารถนำมาใช้เป็นยาถ่าย[1]
  • ใบ สามารถนำมาใช้ต้มเป็นยารักษาโรคตา[1]
  • แก่น สามารถนำมาใช้เป็นยาแก้หืดได้[1]
  • แก่น สามารถนำมาใช้แก้ไอได้[1]
  • แก่น สามารถนำมาใช้ขับเสมหะได้[1]
  • แก่น สามารถนำมาใช้ขับลมได้[1]
  • แก่น สามารถนำมาใช้แก้ประดงได้[1]
  • แก่น สามารถนำมาใช้แก้ผื่นคันตามผิวหนังได้[1]
  • แก่น สามารถนำมาใช้แก้โรคเรื้อนได้[1]
  • แก่น สามารถนำมาใช้คุดทะราดได้[1]
  • ราก สามารถนำมาใช้เป็นยาระบายได้[1],[2]

ประโยชน์ของพญาไม้ผุ

  • เส้นใยจากเปลือก สามารถนำมาใช้ทำเป็นเชือกได้
  • เส้นใยจากเปลือก มีความเหนียวทนทาน สามารถนำมาใช้ทำเครื่องจักสานและเครื่องใช้สอยต่าง ๆ ได้[1],[3]

สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ปอเต่าไห้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.phargarden.com. [23 ก.ย. 2015].
2. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “ปอเต่าไห้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [23 ก.ย. 2015].
3. ระบบจัดการฐานความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ สำนักงานความหลากหลายทางชีวภาพด้านป่าไม้ กรมป่าไม้. “ปอเต่าไห้”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : biodiversity.forest.go.th. [23 ก.ย. 2015].

อ้างอิงรูปจาก
1.https://www.phakhaolao.la/
2.https://uk.inaturalist.org/