ซ้องแมว
ต้นซ้องแมว เป็นไม้ทรงพุ่มกึ่งเลื้อยขนาดใหญ่ มีถิ่นกำเนิดในประเทศฟิลิปปินส์ ในประเทศไทยพบมีการเจริญเติบโตอยู่ตามป่าเบญจพรรณทั่วไป ดอกเป็นช่อกระจุกยาวประมาณ 50 ซม. ห้อยลงมาจากปลายกิ่ง ชอบแสงแดดแบบเต็มวัน ชื่อสามัญ คือ Parrot’s beak, Hedgelhog, Wild sedge, Ching-chai[2] ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Gmelina philippensis Cham. ซึ่งจัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (LAMIACEAE หรือ LABIATAE)[2] ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ข้าวจี่ (ทั่วไป), ซ้อแมว (ลำปาง), เล็บแมว (สระบุรี), ส้มแมว (ราชบุรี), ยวงขนุน (สุราษฎร์ธานี), จิ้งจ๊อ (ปัตตานี), คางแมว หางกระรอกแดง (ภาคกลาง), คางแมว จิงจาย (ภาคใต้), ปะงางอ (มลายู-ปัตตานี)[1]
ลักษณะของต้นซ้องแมว
- ต้น มีถิ่นกำเนิดในประเทศฟิลิปปินส์ เป็นพรรณไม้พุ่มรอเลื้อย มีความสูง 2-6 เมตร เปลือกลำต้น เรียบและเป็นสีน้ำตาลอ่อน ตามลำต้น มีหนามใหญ่และยาว สามารถขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่งหรือการปักชำ ชอบดินร่วน และต้องการน้ำในปริมาณที่ไม่มากไปและไม่นอนไป ปลูกในที่ที่โดนแสงแดดตลอดวัน ในประเทศไทย สามารถพบได้ตามป่าเบญจพรรณทั่วไป ออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม[1],[2]
- ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกใบตรงข้ามกัน เป็นรูปรีหรือจักคล้ายรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ปลายใบแหลมมน โคนใบมนหรือเรียวสอบ ขอบใบเรียบ ใบมีความยาว 1.5-7.5 เซนติเมตร แผ่นใบเกลี้ยง เส้นแขนงใบมีข้างละ 3-4 เส้น ก้านใบจะยาว 1-2.5 เซนติเมตร[1],[2]
- ดอก เป็นช่อกระจุก ออกเป็นคู่เรียงกันและออกตรงข้ามสลับตั้งฉาก ช่อดอกยาวได้ 50 เซนติเมตร มีใบประดับขนาดใหญ่รองรับ เป็นรูปไข่กว้าง เป็นสีเขียวอ่อนหรือมีสีน้ำตาลอมแดง ปลายแหลม มีความยาว 2-3 เซนติเมตร ใบประดับที่ปลายช่อจะมีขนาดเล็กตามลำดับ ก้านดอกสั้น หนา ดอกเป็นสีเหลือง กลีบเลี้ยงเป็นรูปถ้วย มีความยาว 5 มิลลิเมตร เป็นจักตื้น ๆ 5 จัก กลีบดอกเป็นรูปลำโพง มีความยาว 5 เซนติเมตร หลอดกลีบเรียวแคบ มีความยาว 1-1.5 เซนติเมตร ปลายกลีบบานออกและแยกออกเป็น 2 ปากโดยจะมี 4 แฉก ปลายกลมมน พับงอ 3 แฉกบนเป็นแฉกตื้น ๆ ส่วนแฉกล่างจะยื่นยาวกว่าแฉกบน มีขนสั้น ๆ อยู่ด้านนอก มีเกสรเพศผู้ติดกันเป็นคู่ 2 คู่ อยู่เหนือคอหลอดกลีบดอก แบ่งเป็นอันยาว 2 อัน ยาว 2 เซนติเมตร และอันสั้น 2 อัน ยาว 1 เซนติเมตร อับเรณูมี 2 พู กางออกนิดหน่อย มีความยาว 2 มิลลิเมตร รังไข่เป็นทรงกลม ไม่มีขน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 มิลลิเมตร และมี 4 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียมีความยาว 3.5 เซนติเมตร ยอดเกสรแยกออกเป็น 2 แฉก[2]
- ผล เป็นทรงกลมรีหรือเป็นรูปไข่กลับ มีความยาว 1.2 เซนติเมตร ผิวผลเรียบและมีความเป็นมัน ผลอ่อนเป็นสีเขียว แต่เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีเหลืองเข้ม มีเมล็ดอยู่ประมาณ 2-4 เมล็ด[1],[2]
สรรพคุณของซ้องแมว
- ราก ใช้เป็นยาแก้ตานขโมย[1]
- ราก ใช้เป็นยาแก้พิษฝีภายใน[1]
- ราก มีรสขมเย็น ใช้เป็นยาแก้กระษัย[1]
- ผล ใช้เป็นยาทาแผลน้ำกัดเท้า[1]
- ผล ใช้เป็นยาแก้โรคท้องมาน[1]
- ผล มีรสเปรี้ยวอมร้อน ใช้เป็นยาแก้ไอ[1]
- ผล ใช้เป็นยาแก้ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ[1]
- ผล มีรสขมเย็น มีสรรพคุณเป็นยาดับพิษร้อนถอนพิษไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ[1]
- ใบ ใช้เป็นยาทาแก้บวม[1]
- ใบ สดใช้ตำพอกศีรษะแก้ผมร่วง[1]
- ใบ มีรสขม นำมาตำให้ละเอียด ใช้เป็นยาพอกสุมลงบนศีรษะ ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ[1]
- ใบ นำมาต้มเอาน้ำอมหรือใช้บ้วนปาก เป็นยาแก้เหงือกบวมอักเสบ แก้อาการปวดฟัน[1]
- ใบหรือผล ใช้เป็นยาขับพยาธิ[1]
- ใบและผลสด มีรสเปรี้ยวขม ใช้คั้นเอาน้ำมาหยอดหู แก้ปวดหู[1]
- รากหรือผล ใช้เป็นยาแก้วัณโรค[1]
ประโยชน์ของซ้องแมว
- สามารถนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไปได้[2]
- ใบสด สามารถนำมาขยำกับน้ำซาวข้าวครั้งแรก แล้วนำมาใช้หมักผม จะทำให้ผมมีความเงางามมากขึ้น[3]
สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับผู้ป่วย เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth
เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “ซ้อง แมว (Song Maeo)”. หน้า 110.
2. สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “ซ้อง แมว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.dnp.go.th/botany/. [25 ธ.ค. 2014].
3. ภาควิชาเภสัชเวท คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : pg.pharm.su.ac.th. [25 ธ.ค. 2014].
4. https://medthai.com/
อ้างอิงจากรูป
1.https://www.nparks.gov.sg/
2.https://souqgarden.com/