มะเร็งองคชาต
มะเร็งองคชาต ( Penile Cancer ) คือ มะเร็งที่เกิดขึ้นที่ผิวหนังของอวัยวะเพศชายหรือภายในในอวัยวะ
เพศชาย มักมีผลต่อผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ซึ่งมะเร็งองคชาตมีปลายประเภทขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็งที่พัฒนาขึ้นนั่นเอง
ประเภทของมะเร็งองคชาต
- โรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสเซลล์ (Squamous cell carcinoma) มีอัตราการเกิดสูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเซลล์มีลักษณะเหมือนเนื้อเยื่อที่ประกอบขึ้นเป็นผิวหนังเมื่อมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ มะเร็งเซลล์สความัสสามารถเริ่มต้นที่ใดก็ได้บนอวัยวะเพศชาย แต่มักเกิดที่หรือใต้หนังหุ้มปลายลึงค์ เมื่อพบในระยะเริ่มต้นมักจะสามารถรักษามะเร็งเอพิเดอร์มอยด์ให้หายได้
- โรคมะเร็งผิวหนังชนิดเบซาลเซลล์ (Basal cell Carcinoma) เป็นเซลล์มะเร็งลักษณะกลมอยู่ใต้เซลล์
สความัสเซลล์ในชั้นผิวหนังหรือหนังกำพร้าชั้นล่าง ซึ่งมีอัตราการเกิดน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ - มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma) ซึ่งพบได้น้อยแต่มีความรุนแรงมากกว่ามะเร็งผิวหนังชนิดอื่น พบได้บริเวณชั้นหนังกำพร้าที่ลึกที่สุดของอวัยวะเพศชาย ประกอบด้วยเซลล์ที่กระจัดกระจายเรียกว่า เมลาโนไซต์
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งองคชาตในผู้ชายมีอะไรบ้าง
- การติดเชื้อ HPV ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของมะเร็งอวัยวะเพศชาย
- การสูบบุหรี่อาจทำให้เกิดมะเร็งองคชาตได้โดยเฉพาะในผู้ที่มีเชื้อ HPV
- อายุ มะเร็งองคชาตพบบ่อยในผู้ชายโดยเฉลี่ยที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
- ภาวะหนังหุ้มปลายองคชาตตีบหรือหดกลับได้ยาก ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งองคชาตในเพศชายได้
- การดูแลรักษาความสะอาดอวัยวะเพศในผู้ชายที่ไม่ดีพอก็สามารถเพิ่มโอกาสในการอักเสบเรื้อรัง ซึ่ง
อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้เช่นกัน - เอดส์ ( HIV ) การติดเชื้อไวรัส HIV ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์บกพร่อง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของ
เป็นมะเร็งองคชาต เมื่อคนมีเชื้อเอชไอวีระบบภูมิคุ้มกันต่ำลงจะต่อสู้กับมะเร็งระยะเริ่มต้นได้น้อยลง - การรักษาโรคสะเก็ดเงิน (ยา) ร่วมกับการใช้แสงอัลตราไวโอเลต (UV) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด
มะเร็งองคชาตได้อีกด้วย
อาการของมะเร็งองคชาตที่แสดงออกได้เจน
- รู้สึกเจ็บที่อวัยวะเพศโดยเฉพาะที่หนังหุ้มปลายลึงค์
- การเปลี่ยนแปลงของสีที่อวัยวะเพศชาย
- รู้สึกถึงความหนาของผิวหนังบนอวัยวะเพศชาย
- ผิวหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศมีกลิ่นเหม็น
- มีเลือดออกที่ปลายอวัยวะเพศชาย
- มีผื่นแดง หรือตุ่มใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ
- ต่อมน้ำเหลืองบวมที่ขาหนีบ
- อาการอักเสบที่ปลายอวัยวะเพศผิดปกติ
การวินิจฉัยโรคมะเร็งองคชาต
แพทย์ใช้การทดสอบหลายอย่างเพื่อค้นหาสาเหตุของอาการต่างๆ ที่แสดงให้เห็นได้ชัดเจน เช่น
- การซักประวัติผู้ป่วย
- การซักประวัติครอบครัว
- การเจาะชิ้นเนื้อมาตรวจ
- การตรวจชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลือง
- การเอ็กซเรย์
- การถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก ( MRI )
การรักษามะเร็งองคชาตมีวิธีอย่างไร
สำหรับวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็งองคชาต และตำแหน่งที่พยาธิสภาพ โดยหลักๆ แล้ว
แพทย์จะนิยมใช้อยู้ 4 แบบ คือ การผ่าตัด การใช้ยาเคมี การฉายรังสี และเทคโนโลยีผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก 3 มิติ ซึ่งวิธีนี้ทำให้แผลมีขนาดเล็กลง เลือดออกน้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามหากพบว่าพยาธิสภาพอยู่บริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ ก็จะทำการตัดให้ห่างจากพยาธิสภาพประมาณ 0.5 เซนติเมตร นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีอื่นๆที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาได้อีกด้วย เช่น Topical 5 FU cream ทาเฉพาะที่ Nd YA Glaser เป็นต้น
วิธีการดูแล และการป้องกันความเสี่ยงการเกิดมะเร็งองคชาติ
- หมั่นดูแลและทำความสะอาดอวัยะเพศชายเป็นประจำทุกวัน
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หรือมีคู่นอนจำนวนมากๆ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ช่วยลดการติดเชื้อ HPV ที่เสี่ยงในการเป็นมะเร็งองคชาตในผู้ชายได้
อย่างไรก็ตามการเลือกใช้วิธีการรักษามะเร็งองคชาต แพทย์ผู้รักษาจะใช้วิธีไหนก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะ
สมและความรุนแรงของโรค และความพร้อมของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยเช่นกัน กรณีที่มะเร็งในขั้นลุกลาม ซึ่งได้ลุกลามเข้าสู่น้ำเหลืองและกล้ามเนื้อเรียบร้อยแล้ว รวมถึงมีขนาดใหญ่มาก
จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเนื้อออกโดยด่วนเป็นต้น
ร่วมตอบคำถามกับเรา
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. รู้ก่อนเข้าใจการตรวจรักษามะเร็ง. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2557.
WHO (October 2010). Cancer. World Health Organization. Retrieved 5 January 2011.