การตรวจเบาหวาน (Diabetes Test): วิธีการตรวจและค่าที่ควรรู้

ตรวจเลือดวิเคราะห์โรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเกิดขึ้นจากการที่อ้วนเกินไปไม่ออกกำลังกาย และถ่ายทอดทางพันธุกรรม

ตรวจเลือดวิเคราะห์โรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเกิดขึ้นจากการที่อ้วนเกินไปไม่ออกกำลังกาย และถ่ายทอดทางพันธุกรรม

การตรวจเบาหวาน (Diabetes Test) คืออะไร?

การตรวจเบาหวานเป็นการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อประเมินความเสี่ยงหรือวินิจฉัยโรคเบาหวาน รวมถึงติดตามการรักษาในผู้ป่วยเบาหวาน

ความสำคัญของการตรวจเบาหวาน

การตรวจเบาหวานมีความสำคัญในการคัดกรอง วินิจฉัย และติดตามการรักษาโรคเบาหวาน

ทำไมการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดจึงสำคัญ?

การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดช่วยประเมินความสามารถของร่างกายในการควบคุมระดับน้ำตาล ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน1

การตรวจเบาหวานช่วยในการวินิจฉัยและติดตามภาวะเบาหวานได้อย่างไร?

การตรวจเบาหวานช่วยในการวินิจฉัยโรคเบาหวานตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และใช้ติดตามการควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวาน1

ระดับน้ำตาลในเลือดที่ผิดปกติสามารถบ่งบอกถึงภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes) หรือไม่?

ใช่ ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติแต่ยังไม่ถึงเกณฑ์วินิจฉัยเบาหวาน สามารถบ่งชี้ถึงภาวะก่อนเบาหวานได้2

วิธีการตรวจเบาหวานมีอะไรบ้าง?

การตรวจเบาหวานมีหลายวิธี แต่ละวิธีให้ข้อมูลที่แตกต่างกันเกี่ยวกับระดับน้ำตาลในร่างกาย

การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่ม (Random Blood Sugar – RBS)

เป็นการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่จำเป็นต้องอดอาหาร สามารถทำได้ทุกเวลา1

การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร (Fasting Blood Sugar – FBS)

เป็นการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง มักใช้ในการวินิจฉัยเบาหวาน1

การทดสอบความทนทานต่อน้ำตาล (Oral Glucose Tolerance Test – OGTT)

เป็นการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากดื่มน้ำตาลกลูโคส ใช้ในการวินิจฉัยเบาหวานขณะตั้งครรภ์1

การตรวจค่าฮีโมโกลบิน A1c (HbA1c) เพื่อประเมินระดับน้ำตาลเฉลี่ยในช่วง 2-3 เดือน

HbA1c แสดงถึงระดับน้ำตาลเฉลี่ยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ใช้ในการวินิจฉัยและติดตามการรักษาเบาหวาน1

การตรวจน้ำตาลในปัสสาวะ (Urine Glucose Test) สามารถใช้วินิจฉัยเบาหวานได้หรือไม่?

การตรวจน้ำตาลในปัสสาวะไม่แม่นยำเท่าการตรวจในเลือด จึงไม่นิยมใช้ในการวินิจฉัยเบาหวาน1

การตรวจระดับอินซูลินและ C-Peptide มีความสำคัญต่อการแยกประเภทของโรคเบาหวานอย่างไร?

การตรวจระดับอินซูลินและ C-Peptide ช่วยแยกระหว่างเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 โดยในเบาหวานชนิดที่ 1 มักมีระดับต่ำ1

ค่าปกติของการตรวจเบาหวานควรอยู่ที่เท่าใด?

ค่าปกติของการตรวจเบาหวานแตกต่างกันตามวิธีการตรวจ

ค่าปกติของน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหาร (FBS) อยู่ที่เท่าใด?

ค่า FBS ปกติควรน้อยกว่า 100 mg/dL2

ค่า HbA1c ที่บ่งบอกถึงภาวะปกติและภาวะเบาหวานควรอยู่ที่เท่าใด?

ค่า HbA1c ปกติควรน้อยกว่า 5.7% ค่า 5.7-6.4% บ่งชี้ภาวะก่อนเบาหวาน และค่า 6.5% ขึ้นไปบ่งชี้ภาวะเบาหวาน2

ระดับน้ำตาลที่บ่งบอกถึงภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes) คือเท่าใด?

ค่า FBS 100-125 mg/dL หรือค่า HbA1c 5.7-6.4% บ่งชี้ภาวะก่อนเบาหวาน2

ค่าผิดปกติที่บ่งบอกถึงภาวะเบาหวาน (Diabetes) คืออะไร?

ค่า FBS 126 mg/dL ขึ้นไป หรือค่า HbA1c 6.5% ขึ้นไป บ่งชี้ภาวะเบาหวาน2

อะไรเป็นสาเหตุของค่าผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือด?

ค่าผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือดอาจเกิดจากหลายสาเหตุ

ค่า FBS และ HbA1c สูงหมายถึงอะไร?

ค่า FBS และ HbA1c สูงอาจบ่งชี้ถึงภาวะเบาหวานหรือการควบคุมระดับน้ำตาลที่ไม่ดีในผู้ป่วยเบาหวาน2

น้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) บ่งบอกถึงภาวะอะไร?

น้ำตาลในเลือดต่ำอาจเกิดจากการใช้ยาเบาหวานเกินขนาด การอดอาหาร หรือการออกกำลังกายหนักเกินไป1

ปัจจัยที่อาจส่งผลให้ค่าผลตรวจเบาหวานคลาดเคลื่อนมีอะไรบ้าง?

ปัจจัยที่อาจทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อน ได้แก่ การรับประทานอาหารก่อนตรวจ การใช้ยาบางชนิด และความเครียด1

การแปลผลการตรวจเบาหวานบ่งบอกถึงสุขภาพอย่างไร?

การแปลผลการตรวจเบาหวานต้องพิจารณาร่วมกับอาการทางคลินิกและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ

ภาวะก่อนเบาหวาน (Prediabetes) คืออะไร และควรทำอย่างไร?

ภาวะก่อนเบาหวานคือภาวะที่ระดับน้ำตาลสูงกว่าปกติแต่ยังไม่ถึงเกณฑ์วินิจฉัยเบาหวาน ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง2

ภาวะเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 มีความแตกต่างกันอย่างไร?

เบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ส่วนชนิดที่ 2 เกิดจากร่างกายดื้อต่ออินซูลิน1

การตรวจติดตามค่าระดับน้ำตาลในเลือดมีความสำคัญอย่างไรสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน?

การตรวจติดตามช่วยประเมินประสิทธิภาพของการรักษาและป้องกันภาวะแทรกซ้อน1

โรคและภาวะสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับค่าผิดปกติของน้ำตาลในเลือด

ค่าผิดปกติของน้ำตาลในเลือดอาจเกี่ยวข้องกับโรคหรือภาวะสุขภาพหลายอย่าง

โรคเบาหวานชนิดที่ 1 (Type 1 Diabetes) มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร?

เบาหวานชนิดที่ 1 ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้1

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes) ส่งผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร?

เบาหวานชนิดที่ 2 ทำให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น1

ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) มีผลต่อความเสี่ยงของโรคเบาหวานหรือไม่?

ภาวะดื้อต่ออินซูลินเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานชนิดที่ 21

วิธีดูแลสุขภาพให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ

การดูแลสุขภาพโดยรวมช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

อาหารที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดมีอะไรบ้าง?

อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไขมันต่ำ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล1

การออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงของภาวะเบาหวานได้อย่างไร?

การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินและลดความเสี่ยงของการเกิดเบาหวานชนิดที่ 2 โดยช่วยควบคุมน้ำหนักและเพิ่มการใช้น้ำตาลของกล้ามเนื้อ

วิธีลดความเสี่ยงของภาวะก่อนเบาหวานและโรคเบาหวานชนิดที่ 2

วิธีลดความเสี่ยง ได้แก่:

  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • รับประทานอาหารสุขภาพ ลดอาหารหวานและแป้งขัดขาว
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
  • จัดการความเครียด

เมื่อไรควรพบแพทย์เกี่ยวกับค่าผลตรวจเบาหวาน?

ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติหรือผลตรวจเบาหวานอยู่ในเกณฑ์ที่น่ากังวล

อาการที่ควรเฝ้าระวังเมื่อค่าผลตรวจน้ำตาลในเลือดผิดปกติ

อาการที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่:

  • กระหายน้ำบ่อยและปัสสาวะบ่อย
  • อ่อนเพลียผิดปกติ
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • แผลหายช้า
  • ตาพร่ามัว
  • ชาตามปลายมือปลายเท้า

คำแนะนำสำหรับผู้ที่มีค่าผลตรวจเบาหวานสูงหรือต่ำกว่าปกติ

สำหรับผู้ที่มีค่าผลตรวจเบาหวานผิดปกติ ควรปฏิบัติดังนี้:

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ตรวจติดตามระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์นัด
  • ปรับเปลี่ยนอาหารและวิถีชีวิตตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักโภชนาการ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามความเหมาะสม
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์
  • สังเกตอาการผิดปกติและรีบปรึกษาแพทย์หากมีอาการที่น่ากังวล

การตรวจเบาหวานเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินความเสี่ยง วินิจฉัย และติดตามการรักษาโรคเบาหวาน การเข้าใจถึงความสำคัญของการตรวจนี้ การแปลผล และการดูแลสุขภาพเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและจัดการกับปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ควรตระหนักว่าการตรวจเบาหวานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประเมินสุขภาพโดยรวม และไม่ควรใช้เป็นเกณฑ์เดียวในการวินิจฉัยโรค การพบแพทย์เพื่อรับการตรวจประเมินอย่างครอบคลุม รวมถึงการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและแม่นยำมากขึ้นในการวินิจฉัยและรักษาโรค

หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับผลการตรวจเบาหวานหรือสุขภาพโดยรวม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคล การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน การรักษาสมดุลของร่างกาย และการตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้เราสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและรักษาสุขภาพที่ดีได้ในระยะยาว

ร่วมตอบคำถามกับเรา

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง

เอกสารอ้างอิง

ประสาร เปรมะสกุล, พลเอก. คู่มือแปลผลตรวจเลือด เล่มสอง. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์, 2554. 416 หน้า. 1. เลือด – การตรวจ I.ชื่อเรื่อง. 616.07561 ISBN 978-974-9608-49-4.

แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน พ.ศ.2557. กรุงเทพฯ: หจก. อรุณการพิมพ์, 2557.

แก้ว กังสดาลอำไพ. ความสัมพันธ์ระหว่างแอลกอฮอล์กับอาหาร [เว็บไซต์]. กรุงเทพฯ. หมอชาวบ้าน, 2531.