- ฮีโมโกลบินคืออะไร
- ภาวะเม็ดเลือดขาวสูง ( Leukocytosis )
- ไขกระดูกมีความผิดปกติ Myeloproliferative disease ( MPD )
- ฮีมาโทคริตคือเซลล์เม็ดเลือดแดงส่วนที่แยกออกจากพลาสมา
- ภาวะเลือดหนืด ( Polycythemia )
- โลหิตจาง ( Anemia )
- การตรวจเลือดวิเคราะห์ฮอร์โมน ( Hormone Assays )
- การตรวจนับจำนวนเกล็ดเลือด ( Platelet Count )
- ตรวจหาค่าความผิดปกติของ ตับ Gamma GT ( GGTP )
- การตรวจนับจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดง Red Blood Cell ( RBC )
- การตรวจ Total Protein บ่งบอกอะไร
- การตรวจ Globulin ในเลือดบ่งบอกอะไร
- การตรวจ อัลบูมิน ( Albumin ) ในเลือดจำเป็นอย่างไร
- การตรวจนับจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว White Blood Cell ( WBC )
- ค่า Erythrocyte Sedimentation Rate ( ESR ) บ่งบอกอะไร
- การตรวจค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด Complete Blood Count ( CBC )
- ผลตรวจเลือด ค่าเลือดปกติ แปลผลแลป และวิธีการอ่าน
- ตรวจสุขภาพ ( Health checkup ) มีความจำเป็นและสำคัญอย่างไร?
- ตรวจหาความผิดปกติของ ตับอ่อน P-Amylase / Lipase
- การตรวจหาค่าปัสสาวะ Urine Spot MAU / Creatinine Ratio
- การตรวจปัสสาวะหาค่า Urine Protein ( Random urine )
- การตรวจปัสสาวะหาค่า Urine Magnesium
- การตรวจปัสสาวะหาค่า Blood Urea Nitrogen ( BUN ) หรือ Urine Urea N
- การตรวจปัสสาวะหาค่า Urine Glucose
- การตรวจปัสสาวะหาค่า Urine Osmolality
- การตรวจปัสสาวะหาค่า Urine P-Amylase
- การตรวจปัสสาวะหาค่า Urine Phosphorus
- การตรวจปัสสาวะหาค่า Urine Calcium
- การตรวจปัสสาวะหาค่า กรดยูริก ( Uric Acid ) หรือ Urine Uric acid
- การตรวจปัสสาวะหาค่า Urine Creatinine และค่า Creatinine
- การตรวจปัสสาวะ ( Urinalysis )
- การตรวจแร่ธาตุและสารละลายในร่างกาย ( Electrolyte )
- การตรวจเลือดหา สัญญาณโรคกระดูก ( Bone Markers )
- ตรวจเบาหวาน ( Diabetes test )
- ความสำคัญของฮอร์โมน ( Hormone ) ในร่างกาย
- การตรวจเลือดเพื่อป้องกันโรคหัวใจ
- การจัดการและการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวาน ( Diabetes )
- ตรวจยีนก่อนสาย ป้องกันการกลายพันธุ์
- การตรวจของเหลวในร่างกาย ( Body Fluid )
- การตรวจของเหลวในไขสันหลัง Cerebrospinal Fluid ( CSF )
- การตรวจการทำงานของตับ ( Liver Function Test )
- การตรวจสาร Serum Glutamic Pyruvate Transaminase ( SGPT ) ในตับ
- การตรวจหาสาร Serum Glutamic-Oxaloacetic Transaminase ( SGOT ) ในตับ
- การตรวจสารแอลคาไลน์ฟอสฟาเทส ( ALP ) ในตับ
- การคำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย Body Mass Index ( BMI )
- สารตรวจค่ามะเร็งกระเพาะปัสสาวะ Bladder Tumor Antigen ( Urine BTA )
- Free PSA สารวัดค่า มะเร็งต่อมลูกหมาก ชนิดใหม่
- Total PSA สารตรวจวัดค่ามะเร็งต่อมลูกหมาก
- สารวัดค่ามะเร็งเต้านม Cancer Antigen 15-3 ( CA 15-3 )
- สารวัดค่ามะเร็งรังไข่ Cancer Antigen 125 ( CA 125 )
- สารวัดค่ามะเร็งทางเดินอาหาร Cancer Antigen 19-9 ( CA 19-9 )
- ตรวจมะเร็งลำไส้ใหญ่ – สารวัดค่ามะเร็งลำไส้ใหญ่ Carcinoembryonic Antigen ( CEA )
- ตรวจมะเร็งตับ – สารวัดค่ามะเร็งตับ Alpha Fetoprotein ( AFP )
ฮีโมโกลบินคืออะไร ?
ฮีโมโกลบินหรือเฮโมโกลบิน ( Hemoglobin ) เป็นส่วนหนึ่งของระบบไหลเวียนเลือด มีโมเลกุลโปรตีนภายในเซลล์เม็ดเลือดแดง ฮีโมโกลบิน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ฮีม ( Heme ) ฮีมนี้ทำหน้าที่ดักจับและขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและจับธาตุกับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด ฮีมมีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบเกิดจากโมเลกุลโปรตีน 4 ตัวที่เชื่อมต่อกันเรียกว่าสายโกลบูลิน ( Globulin Chains ) โดยปกติโครงสร้างของฮีโมโกลบินในผู้ใหญ่จะประกอบไปด้วยสายโกลบูลินชนิดอัลฟา 2 ตัว และสายโกลบูลินชนิดเบต้า 2 ตัว ส่วนในทารกพบเพียงสายโกลบูลินชนิดอัลฟา 2 ตัว และสายโกลบูลินชนิดแกมมา 2 ตัว ไม่พบสายโกลบูลินชนิดเบต้า แต่เมื่อทารกเริ่มโตขึ้น สายโกลบูลินชนิดแกมมาจะค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยสายโกลบูลินชนิดเบต้า และกลายเป็นโครงสร้างของฮีโมโกลบินแบบผู้ใหญ่ต่อไป
วัตถุประสงค์ในการตรวจฮีโมโกลบิน
เพื่อตรวจวัดปริมาณโปรตีนในเม็ดเลือดแดงที่มีว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่
ฮีโมโกลบินที่พบได้ทั่วไปมี 3 ชนิดคือ
ฮีโมโกลบิน เอ ( Hemoglobin A ) พบมากที่สุดในคนวัยผู้ใหญ่ แต่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคบางชนิด เช่น โรคธาลัสซีเมียขั้นรุนแรง อาจมีระดับฮีโมโกลบินชนิดนี้ลดลงได้
ฮีโมโกลบิน เอฟ ( Hemoglobin F ) พบในทารกที่อยู่ในครรภ์และเด็กแรกเกิด ซึ่งฮีโมโกลบินชนิดนี้จะถูกแทนที่ด้วยฮีโมโกลบิน เอ ภายในไม่นานหลังจากเกิด หลังจากนั้นร่างกายจะผลิตฮีโมโกลบินเอฟออกมาในปริมาณน้อยมาก แต่หากป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย โรคเลือดจางจากเม็ดเลือดแดงรูปเคียว โรคเลือดจางจากมะเร็งเม็ดเลือดขาว อาจพบฮีโมโกลบินชนิดนี้ในปริมาณสูงได้
ฮีโมโกลบิน เอ2 ( Hemoglobin A2 ) เป็นฮีโมโกลบินที่พบในผู้ใหญ่ พบปริมาณเพียงเล็กน้อย
ฮีโมโกลบินมีหน้าที่อย่างไร ?
ฮีโมโกลบินมีหน้าที่หลักคือการลำเลียงออกซิเจนจากปอดออกไปยังเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเนื้อเยื่อกลับมายังฟอกที่ปอด ช่วยรักษารูปร่างของเม็ดเลือดแดงให้เป็นปกติ คือมีลักษณะเป็นวงกลมและตรงกลางเว้าคล้ายโดนัท แต่ไม่เป็นรู หากโครงสร้างของฮีโมโกลบินผิดปกติจะส่งผลให้เม็ดเลือดแดงมีรูปร่างแตกต่างไปจากเดิม และมีภาวะโรคเลือดได้เช่น โรคเลือดจาง โรคเลือดหนืด เป็นต้น
เราจะทราบความผิดปกติของฮีโมโกลบินได้อย่างไร ?
จะทราบได้โดยการตรวจวัดความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ( Complete Blood Count CBC ) เพราะช่วยระบุได้ว่าผู้ป่วยมีระดับฮีโมโกลบินสูงหรือต่ำกว่าปกติ ซึ่งระดับฮีโมโกลบินที่ผิดปกติ อาจบ่งบอกถึงโรคบางชนิดได้ เช่น โรคติดต่อทางพันธุกรรม โรคเลือดจาง เป็นต้น
ค่าปกติของฮีโมโกลบินในเลือดควรมีปริมาณเท่าไร ?
ระดับฮีโมโกลบิน ( Hb ) โดยทั่วไปควรมีค่าดังนี้
- เด็ก อายุ 6-12 ปี Hb : 11.5 – 15.5 g/dL
- ผู้หญิง อายุ 12-18 ปี Hb : 12.0 – 16.0 g/dL
- อายุ 18 ปีขึ้นไป Hb : 12.1 – 15.1 g/dL
- ผู้ชาย อายุ 12 – 18 ปี Hb : 13.0 – 16.0 g/dL
- อายุ 18 ปีขึ้นไป Hb : 13.6 – 17.7 g/dL
ระดับฮีโมโกลบินผิดปกติบอกอะไรเกี่ยวกับสุขภาพ ?
ระดับฮีโมโกลบินในเลือดบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ เนื่องจากการลดลงหรือเพิ่มขึ้นของฮีโมโกลบินที่ผิดปกตินั้นอาจมีสาเหตุจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ
สาเหตุของระดับฮีโมโกลบินต่ำกว่าค่าปกติ
- มีภาวะเสียเลือดมากผิดปกติ เช่น เลือดออกจากบาดแผล หรือ ประจำเดือนมามากกว่าปกติ
- ร่างกายทำลายเม็ดเลือดแดงมากเกินไป เนื่องจาก ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกผิดปกติ โรคธาลัสซีเมีย
มีภาวะม้ามโต โรคโลหิตจางที่เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดแดงหมดอายุเร็วกว่าปกติ ( Hemolytic Anemia )
โรคโพรพีเรีย ( Porphyria ) หรือมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหารหรือทางเดินปัสสาวะ - ร่างกายผลิตเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ เนื่องจาก ภาวะขาดสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็ก โฟเลต วิตามินบี 12 หรือวิตามินบี 6 เป็นต้น ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดงไม่ได้ เป็นผลจากโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว รวมถึงการได้รับพิษจากยา การรักษาด้วยรังสี การติดเชื้อ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับไขกระดูกโดยตรง
ฮีโมโกลบินต่ำ มีอาการอย่างไรบ้าง
- หน้าซีด
- รู้สึกเหนื่อยง่าย
- ความอ่อนเพลีย
- เวียนศีรษะ
- ปวดหัว
- รู้สึกหนาว
- หัวใจเต้นเร็ว
- หายใจถี่
- มือเท้าเย็น
- อุณหภูมิร่างกายต่ำ
สาเหตุของระดับฮีโมโกลบินสูงกว่าค่าปกติ
- เกิดจากร่างกายผลิตเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติเนื่องจากระดับฮีโมโกลบินสูง และภาวะระดับฮีโมโกลบินสูงมักเกิดจากการมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ เมื่อเป็นเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ตรวจวัดค่าฮีโมโกลบินได้ต่ำไปด้วยนั่นเอง
- เกิดกับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลมาก ๆ
- ร่างกายขาดน้ำมากเกินไป
- สูบบุหรี่หนัก
- มีภาวะหัวใจพิการตั้งแต่กำเนิด หรือภาวะหัวใจวายที่ห้องหัวใจข้างขวา
- เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรงภาวะพังผืดที่ปอด หรือโรคปอดชนิดรุนแรงความผิดปกติของสเต็มเซลล์ของเม็ดเลือดแดงในไขกระดูก
ฮีโมโกลบินสูง มีอาการอย่างไรบ้าง
- รู้สึกเหนื่อยล้า
- อาการคันบริเวณผิวหนัง
- ฟกช้ำง่าย
- อาการปวดหัว
- เลือดออกง่าย
- การก่อตัวของลิ้มเลือด อาจนำไปสู่การอุดตันในเส้นเลือดได้
- เหงื่อออกมากกว่าปกติ
- น้ำหนักลดผิดปกติ
- ปวดกระดูกและข้อ
ร่วมตอบคำถามกับเรา
[poll id=”20660″]
บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
A standard biochemistry text defines heme as the “iron-porphyrin prosthetic group of heme proteins”(Nelson, D. L.; Cox, M. M. “Lehninger, Principles of Biochemistry” 3rd Ed.
Paoli, M. (2002). “Structure-function relationships in heme-proteins”. DNA Cell Biol. 21 (4): 271–280.