

ไขกระดูกผิดปกติ (Myeloproliferative Disease – MPD) คืออะไร?
ไขกระดูกผิดปกติ หรือ MPD เป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูก ทำให้มีการผลิตเม็ดเลือดชนิดใดชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดมากเกินไป โดยเซลล์เหล่านี้มักมีรูปร่างผิดปกติและทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา
ไขกระดูกผิดปกติ (MPD) มีกี่ประเภท?
โรคไขกระดูกผิดปกติแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและการรักษาที่แตกต่างกัน ได้แก่ Polycythemia Vera (PV), Essential Thrombocythemia (ET), Primary Myelofibrosis (PMF) และ Chronic Myeloid Leukemia (CML) โดยมีรายละเอียดดังนี้
Polycythemia Vera (PV) คืออะไร?
Polycythemia Vera (PV) เป็นโรคที่มีการผลิตเม็ดเลือดแดงมากเกินไป ทำให้เลือดมีความหนืดสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด ผู้ป่วย PV มักมีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ มองเห็นภาพซ้อน และคันตามผิวหนังโดยเฉพาะหลังอาบน้ำอุ่น
Essential Thrombocythemia (ET) คืออะไร?
Essential Thrombocythemia (ET) เป็นโรคที่มีการผลิตเกล็ดเลือดมากเกินไป ทำให้เลือดมีความเหนียวข้นและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดหรือเลือดออกผิดปกติ ผู้ป่วย ET อาจมีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ชาตามปลายมือปลายเท่า และเลือดออกง่าย
Primary Myelofibrosis (PMF) คืออะไร?
Primary Myelofibrosis (PMF) เป็นโรคที่เกิดพังผืดในไขกระดูก ทำให้การผลิตเม็ดเลือดลดลงและมีการผลิตเม็ดเลือดนอกไขกระดูก เช่น ในตับและม้าม ผู้ป่วย PMF มักมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ม้ามโต และอาจมีภาวะซีดร่วมด้วย
Chronic Myeloid Leukemia (CML) คืออะไร?
Chronic Myeloid Leukemia (CML) เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังที่มีการผลิตเม็ดเลือดขาวมากเกินไป โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวชนิดกรานูโลไซต์ ผู้ป่วย CML มักมีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีไข้ และม้ามโต
MPD แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร?
แต่ละประเภทของ MPD มีความแตกต่างกันในแง่ของชนิดเม็ดเลือดที่ผลิตมากเกินไป อาการแสดง และการรักษา PV เน้นที่เม็ดเลือดแดง ET เน้นที่เกล็ดเลือด PMF เกี่ยวข้องกับพังผืดในไขกระดูก และ CML เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดขาว การวินิจฉัยที่แม่นยำจึงมีความสำคัญต่อการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
อะไรเป็นสาเหตุของโรคไขกระดูกผิดปกติ?
สาเหตุที่แน่ชัดของโรคไขกระดูกผิดปกติยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจเกี่ยวข้อง ทั้งปัจจัยทางพันธุกรรม การกลายพันธุ์ของยีน และปัจจัยแวดล้อม
ปัจจัยทางพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับ MPD หรือไม่?
ปัจจัยทางพันธุกรรมมีบทบาทในการเกิด MPD แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก พบว่ามีบางครอบครัวที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิด MPD แต่ส่วนใหญ่เป็นการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นในภายหลัง ไม่ใช่การถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยตรง
การกลายพันธุ์ของยีน JAK2, CALR และ MPL มีผลต่อ MPD อย่างไร?
การกลายพันธุ์ของยีน JAK2, CALR และ MPL มีบทบาทสำคัญในการเกิด MPD โดยเฉพาะในโรค PV, ET และ PMF การกลายพันธุ์เหล่านี้ทำให้เซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดมากเกินไปและไม่ตอบสนองต่อกลไกควบคุมปกติของร่างกาย
ปัจจัยแวดล้อมมีบทบาทในการเกิด MPD หรือไม่?
ปัจจัยแวดล้อมอาจมีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิด MPD เช่น การสัมผัสสารเคมีบางชนิด เช่น เบนซีน หรือการได้รับรังสีในปริมาณสูง อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยแวดล้อมกับ MPD ยังไม่ชัดเจนนัก
อาการของโรคไขกระดูกผิดปกติมีอะไรบ้าง?
อาการของโรคไขกระดูกผิดปกติมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประเภทของ MPD และระดับความรุนแรงของโรค
อาการทั่วไปของ MPD มีอะไรบ้าง?
อาการทั่วไปของ MPD ได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด มีไข้ต่ำๆ เหงื่อออกตอนกลางคืน และอาจมีอาการปวดกระดูกหรือข้อ นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจรู้สึกอิ่มเร็วเนื่องจากม้ามโต
อาการที่จำเพาะของแต่ละประเภทของ MPD เป็นอย่างไร?
แต่ละประเภทของ MPD มีอาการเฉพาะดังนี้:
- PV: ผิวหน้าแดง คันตามตัวโดยเฉพาะหลังอาบน้ำอุ่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
- ET: ชาตามปลายมือปลายเท้า ปวดนิ้วมือนิ้วเท้า เลือดออกง่าย
- PMF: ม้ามโต ปวดท้อง ภาวะซีด เลือดออกง่าย
- CML: อ่อนเพลีย ไข้ เหงื่อออกตอนกลางคืน น้ำหนักลด
อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่าควรพบแพทย์?
ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้:
- อ่อนเพลียมากผิดปกติ
- มีไข้ไม่ทราบสาเหตุ
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีจ้ำเลือดหรือเลือดออกง่ายผิดปกติ
- ปวดท้องด้านซ้ายบน (อาจเกิดจากม้ามโต)
- มีอาการคันตามตัวมากโดยเฉพาะหลังอาบน้ำอุ่น
โรคไขกระดูกผิดปกติวินิจฉัยได้อย่างไร?
การวินิจฉัยโรคไขกระดูกผิดปกติต้องอาศัยการตรวจร่างกาย การตรวจเลือด การตรวจไขกระดูก และการตรวจทางพันธุกรรม
วิธีการตรวจเลือดช่วยวินิจฉัย MPD ได้อย่างไร?
การตรวจนับเม็ดเลือดครบส่วน (CBC) เป็นการตรวจพื้นฐานที่สำคัญในการวินิจฉัย MPD โดยจะแสดงจำนวนเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด ซึ่งมักจะสูงกว่าปกติในผู้ป่วย MPD นอกจากนี้ ยังมีการตรวจระดับฮอร์โมน erythropoietin ในเลือดซึ่งมักต่ำในผู้ป่วย PV
การตรวจไขกระดูกมีความสำคัญอย่างไรในการวินิจฉัย?
การตรวจไขกระดูกช่วยยืนยันการวินิจฉัยและประเมินความรุนแรงของโรค โดยจะพบการเพิ่มจำนวนของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด และอาจพบความผิดปกติของเซลล์ เช่น เมกะคาริโอไซต์ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติใน ET หรือพบพังผืดในไขกระดูกใน PMF
การตรวจทางพันธุกรรมมีบทบาทอย่างไรในการยืนยันการวินิจฉัย?
การตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน JAK2, CALR และ MPL มีความสำคัญในการยืนยันการวินิจฉัย MPD โดยเฉพาะในกรณีของ PV, ET และ PMF การพบการกลายพันธุ์เหล่านี้ช่วยในการวินิจฉัยแยกโรคและอาจมีผลต่อการพยากรณ์โรคและการเลือกวิธีการรักษา
โรคไขกระดูกผิดปกติเป็นอันตรายแค่ไหน?
โรคไขกระดูกผิดปกติเป็นโรคเรื้อรังที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและอายุขัยของผู้ป่วย ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับประเภทของ MPD และการตอบสนองต่อการรักษา
ภาวะแทรกซ้อนของ MPD มีอะไรบ้าง?
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของ MPD ได้แก่:
- การเกิดลิ่มเลือด เช่น โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือด
- ภาวะเลือดออกผิดปกติ
- ม้ามโตจนแตก
- ภาวะซีด
- การติดเชื้อง่าย
- ภาวะเกาต์
- ความดันในหลอดเลือดปอดสูง
MPD สามารถกลายเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้หรือไม่?
MPD มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน (Acute Myeloid Leukemia – AML) ได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วย PMF และ PV ที่ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม โอกาสการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวในผู้ป่วย MPD ไม่สูงมากนัก และสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสม
ผลกระทบระยะยาวของ MPD ต่อสุขภาพเป็นอย่างไร?
ผลกระทบระยะยาวของ MPD ต่อสุขภาพขึ้นอยู่กับประเภทของโรคและการตอบสนองต่อการรักษา ผู้ป่วยอาจมีคุณภาพชีวิตที่ลดลงเนื่องจากอาการของโรคและผลข้างเคียงจากการรักษา นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด การติดเชื้อ และการเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
วิธีรักษาโรคไขกระดูกผิดปกติคืออะไร?
การรักษาโรคไขกระดูกผิดปกติมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับประเภทของ MPD อาการ และความรุนแรงของโรค
การรักษาด้วยยาเพื่อลดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดทำได้อย่างไร?
การรักษาด้วยยาเพื่อลดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดมีดังนี้:
- ยา Hydroxyurea: ใช้ลดการผลิตเม็ดเลือดในผู้ป่วย PV, ET และบางรายของ PMF
- ยา Interferon: ช่วยควบคุมการผลิตเม็ดเลือดและอาจลดขนาดของม้าม
- ยา Ruxolitinib: ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ JAK ช่วยลดอาการและขนาดของม้ามในผู้ป่วย PMF และ PV
- การเจาะเลือด (Phlebotomy): ใช้ในผู้ป่วย PV เพื่อลดความเข้มข้นของเลือด
การปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นทางเลือกในการรักษาหรือไม่?
การปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นวิธีการรักษาที่อาจพิจารณาในผู้ป่วย MPD บางราย โดยเฉพาะในผู้ป่วย PMF ที่มีความเสี่ยงสูง หรือผู้ป่วยที่โรคลุกลามมาก การปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นวิธีเดียวที่มีโอกาสรักษาโรคให้หายขาด แต่มีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนสูง จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
การรักษาแบบประคับประคองสามารถช่วยลดอาการของ MPD ได้อย่างไร?
การรักษาแบบประคับประคองช่วยบรรเทาอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย MPD ได้ดังนี้:
- ยาแก้ปวด เช่น Aspirin ช่วยลดอาการปวดและลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด
- ยาลดอาการคัน
- การให้เลือดในกรณีที่มีภาวะซีดรุนแรง
- การรักษาภาวะเกาต์
- การให้คำปรึกษาด้านโภชนาการและการออกกำลังกายที่เหมาะสม
โรคไขกระดูกผิดปกติสามารถป้องกันได้หรือไม่?
โรคไขกระดูกผิดปกติไม่สามารถป้องกันได้โดยตรง เนื่องจากสาเหตุที่แน่ชัดยังไม่เป็นที่ทราบ อย่างไรก็ตาม มีวิธีการลดความเสี่ยงและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
มีวิธีลดความเสี่ยงในการเกิด MPD หรือไม่?
แม้จะไม่สามารถป้องกัน MPD ได้โดยตรง แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ดังนี้:
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีอันตราย เช่น เบนซีน
- หลีกเลี่ยงการได้รับรังสีที่ไม่จำเป็น
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
อาหารและไลฟ์สไตล์มีผลต่อ MPD อย่างไร?
อาหารและไลฟ์สไตล์ไม่ได้มีผลโดยตรงต่อการเกิด MPD แต่มีส่วนช่วยในการจัดการอาการและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน:
- รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
- ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อควบคุมน้ำหนักและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- งดสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
การติดตามสุขภาพสามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างไร?
การติดตามสุขภาพอย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนของ MPD ได้ดังนี้:
- ตรวจเลือดตามกำหนดเพื่อติดตามจำนวนเม็ดเลือด
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อประเมินอาการและปรับการรักษา
- สังเกตอาการผิดปกติและรายงานแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการรุนแรง
- ควบคุมปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
เมื่อไรควรพบแพทย์หากสงสัยว่าเป็นโรคไขกระดูกผิดปกติ?
การพบแพทย์เมื่อสงสัยว่าเป็นโรคไขกระดูกผิดปกติเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่ทันท่วงที
อาการแบบไหนที่ไม่ควรละเลย?
อาการที่ไม่ควรละเลยและควรปรึกษาแพทย์ทันที ได้แก่:
- อ่อนเพลียมากผิดปกติ
- มีไข้ไม่ทราบสาเหตุ
- น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ
- มีจ้ำเลือดหรือเลือดออกง่ายผิดปกติ
- ปวดท้องด้านซ้ายบน (อาจเกิดจากม้ามโต)
- มีอาการคันตามตัวมากโดยเฉพาะหลังอาบน้ำอุ่น
- มีอาการปวดศีรษะรุนแรงหรือมีอาการทางระบบประสาทอื่นๆ
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น MPD
สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น MPD ควรปฏิบัติดังนี้:
- ปฏิบัติตามแผนการรักษาของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
- เข้ารับการตรวจติดตามอาการตามนัด
- รายงานอาการผิดปกติหรือผลข้างเคียงจากการรักษาให้แพทย์ทราบทันที
- ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
- เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนผู้ป่วยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และได้รับกำลังใจ
โรคไขกระดูกผิดปกติเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง การวินิจฉัยที่รวดเร็วและการรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยควบคุมอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ การติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและการปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการโรคนี้
ร่วมตอบคำถามกับเรา
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
Levine,R., and Gilliland,G. Blood.2018.
Myeloproliferative Disorders Signs and Symptoms (ออนไลน์).สืบค้นจาก : https://www.ucsfhealth.org [26 มีนาคม 2662].