กล้วยตากทอดกรอบ

กล้วยตากทอด

กล้วยตากทอด (Fried Bananas) คือ ขนมที่ทานเป็นอาหารว่างชนิดหนึ่งที่ถูกปรับปรุงสูตรมาจากกล้วยแขก หรือ กล้วยทอด โดยใช้กล้วยตากแทนกล้วยน้ำว้าสด มาชุบแป้งทอดกรอบ ทำให้กล้วยกรอบนาน ได้ความหวานจากกล้วยและความหอมมันจากกะทิ

ประวัติกล้วยทอดหรือกล้วยแขก

กล้วยทอด หรือ กล้วยแขก เกิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นของว่างกินเล่นคู่กับคนไทยมาช้านาน นิยมทานคู่กับชา แต่ไม่ทราบถิ่นกำเนิดแน่ชัด คาดว่ากล้วยแขกน่าจะเป็นอาหารที่มาจากวัฒนธรรมการปรุงอาหารของชาวอินเดีย ซึ่งจะใช้การทอด เหมือนกับถั่วทอด และบ้างก็ว่าเป็นขนมที่ชาวโปตุเกตุน้าเข้ามาประเทศไทย เลยยังเป็นข้อถกเถียงกันเรื่อยมา ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้

ขั้นตอนการทำกล้วยเล็บมือนางตากทอด

ส่วนผสม

1. กล้วยเล็บมือนางตาก 600 กรัม
2. แป้งข้างจ้าว 1½ ถ้วยตวง (150กรัม)
3. แป้งข้าวโพด ½ ถ้วยตวง (50กรัม)
4. แป้งสาลี ¼ (20กรัม)
5. กะทิ 100 ml
6. น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง (100กรัม)
7. น้ำเปล่า 100 ml
8. น้ำปูนใส 50 ml
9. เกลือ ½ ช้อนชา
10. งาขาว-ดำ (ตามชอบ)
11. ใบเตย 5 ใบ
12. น้ำมัน 1 ลิตร
13. ผงฟู 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. นำส่วนผสมต่อไปนี้ แป้งข้างจ้าว แป้งข้าวโพด แป้งสาลี ผงฟู เกลือ น้ำตาลทราย กะทิ ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันดี
2. เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วให้ทย่อยเติมน้ำปูนใส และน้ำเปล่าลงไปคนให้เข้ากัน ระวังแป้งข้นหรือเหลวเกินไป เติมงาขาวหรืองาดำลงไป (ถ้าแป้งข้นเกินไปจะทำให้กล้วยตอนชุบหนาไป แต่ถ้าแป้งเหลวไปจะทำให้ไม่ค่อยติดกล้วย)
3. ตั้งน้ำมันสำหรับทอดโดยใช้ไฟแรงปานกลาง
4. ใส่ใบเตยหั่นลงไปทอดก่อนเพื่อความหอมของกล้วยทอด จากนั้นให้นำกล้วยเล็บมือนางตากลงไปชุบแป้งทอดในกระทะจนกล้วยลอยขึ้นมาแล้วมีสีเหลืองนวล
5. ตักขึ้นพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ

เคล็ดลับความอร่อย

  • ไม่ควรใส่งาในแป้งชุบ หากยังไม่ทอดไว้นานเกินไป (จะทำให้งาขาวหรืองาดำอืดขึ้นได้) จะทำให้ไม่อร่อย
  • ใช้ไฟทอดแรงปานกลาง หากใช้ไฟอ่อนเกินไปจะทำให้กล้วยจะอมน้ำมัน แต่ถ้าใช้ไฟแรงเกินไปจะทำให้กล้วยตากจะไหม้ก่อนสุก

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนอยากทานแต่กลัวว่าน้ำมันเก่า ไม่ไว้ใจร้านค้า แนะนำทำทานกันเองตามสูตรได้เลยจร้า อิ่มกันทั้งครอบครัวแถมเป็นกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวอีกด้วย และบางทีอาจจะอร่อยจนขายเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ช่วงวันหยุด กำไรงาม ๆ กันไปอีกกกกก

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม