ขนมจีนน้ำยาปลานิลกะทิ
ขนมจีนน้ำยาปลานิล (khanohm jeen namya pla nil) คือ อาหารคาวแบบเส้นชนิดหนึ่งที่นิยมกันมากในประเทศไทยทั่วทุกภูมิภาคเหมาะสำหรับคนมีเวลาหรืออยู่บ้าน เนื่องจากขนมจีนน้ำยานั้นมีขั้นตอนการทำและต้องใช้วัตถุดิบหลายอย่างมากค่อยข้างยุ่งยากสำหรับคนไม่มีเวลา
ขนมจีนน้ำยาปลานิลกะทิเป็นหนึ่งในอาหารไทยที่ไม่เพียงแต่ให้รสชาติที่อร่อยเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณทางยาในส่วนผสมสมุนไพรอีกด้วย เมื่อนำเครื่องแกงที่เป็นสมุนไพรทั้งหมดมาต้มรวมกันแล้ว เติมกะทิลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติความเข้มข้นในน้ำยาขนมจีนรอให้น้ำยาขนมจีนเดือด ใส่เนื้อปลานิลที่คัดเนื้อแน่นๆ ลงไปต้มด้วยไฟปานกลางจากนั้นใส่ใบมะกรูดลงไปจะสัมผัสถึงกลิ่นน้ำมันหอมระเหยสามารถดับกลิ่นคาวของปลานิลได้เป็นอย่างดี หากทานร่วมกับผักสดหรือผักลวกยิ่งเพิ่มความอร่อยให้กับขนมจีนน้ำยาปลานิลกะทิได้อย่างลงตัว
ชนิดขนมจีนน้ำยา
น้ำยาขนมจีนมีด้วยกันอยู่ 2 แบบ ขนมจีนน้ำยาป่า และขนมจีนน้ำยากะทิ ในเครื่องแกงประกอบไปด้วยสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลายชนิด เช่น กระชายขาว ข่า หอมแดง กระเทียม ใบมะกรูด และตะไคร้ รวมถึงผักเครื่องเคียง ถั่วฝักยาว แตงกวา ถั่งงอก กระหล่ำปลี ใบแมงลัก ผักชีฝรั่ง ผักชีลาว หัวปลี ถั่วพู ยอดกระถิน ฝักกระถินอ่อน มะระลวก ผักบุ้งลวก อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย
จากผลสำรวจพฤติกรรมการรับประทานผักและผลไม้ของคนไทยปี 2562 โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคมมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าคนไทย อายุ 15 ปีขึ้นไป รับประทานผักและผลไม้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด 400 กรัมต่อวัน ถึงร้อยละ 65.5 ส่งผลทำให้มีกากอาหารตกค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่เป็นจำนวนมาก และเกิดการเน่าเปื่อยกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคทางเดินอาหารผิดปกติ มะเร็งลำไส้ อ้วนง่าย
คุณค่าทางโภชนาการขนมจีนน้ำยาปลานิล
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีกว่าในขนมจีนน้ำยาปลานิลมีสมุนไพรอยู่หลายชนิด อาทิ
กระชายขาว ข่า หอมแดง กระเทียม ใบมะกรูด และตะไคร้ ในขนมจีนน้ำยาปลานิล ให้พลังงาน 526 แคลอรี่
สารอาหาร | ปริมาณสารอาหาร |
ไขมัน | 18.4 กรัม |
โซเดียม | 2910 มิลลิกรัม |
คลอเรสเตอรอล | 67 มิลลิกรัม |
โพแทสเซียม | 653 มิลลิกรัม |
ใยอาหาร | 5.1 กรัม |
น้ำตาล | 3.8 กรัม |
โปรตีน | 31.1 กรัม |
วิตามินดี | 14% |
วิตามินเอ | 35.54% |
วิตามินซี | 23.985% |
วิตามินบี6 | 14.92% |
วิตามินเค | 51.95% |
วิตามินเอ | 1.39% |
เหล็ก | 22.44% |
แคลเซียม | 9.92% |
วิตามินบี12 | 38.36% |
ซิงค์ | 12.475% |
ไทอามิน | 10.925% |
ไนอาซิน | 12.51% |
ฟอสฟอรัส | 36% |
แมกนีเซียม | 18.54% |
ไรโบพลาวิน | 10.935% |
ส่วนผสมการทำขนมจีนน้ำยาปลานิลกะทิ
เนื้อปลานิลต้มสุกโขลกละเอียด 500 กรัม
พริกแห้ง 10 – 20 เม็ด (มากน้อยตามความชอบ)
พริกจินดาแดง 10 เม็ด
หอมแดงหั่นหยาบ 10 กรัม
กระเทียม 10 กรัม
ตะไคร้ซอย 3 กรัม
ข่า หั่นแว่น 3 กรัม
กระชายซอย 1/2 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
น้ำปลาอย่างดี 2 – 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 – 2 ช้อนชา (หากทำขนมจีนน้ำยาป่าไม่ต้องใส่)
กะปิอย่างดี 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ผงปรุงรส 3 ช้อนโต๊ะ
ตีนไก่ 500 กรัม
เลือดก้อนหั่นชิ้น 2 ก้อน
ต้นหอมหั่นยาว (ตามความชอบ)
หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง (หากทำขนมจีนน้ำยาป่า ให้เปลี่ยนเป็นน้ำปลาร้าต้มสุกแทน)
หมายเหตุ การทำน้ำยาขนมจีนมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ
วิธีที่1 การนำเครื่องแกงสดมาต้มให้สุกแล้วนำไปโขลก หรือปั่นให้ละเอียง (ใส่เนื้อปลาต้มสุกโขลกทีหลัง)
วิธีที่2 การนำเครื่องแกงสดโขลกร่วมกันกับเนื้อปลาต้มสุก
วิธีทำน้ำยาขนมจีนปลานิล (แบบต้มเครื่องแกง)
1. ตั้งน้ำให้เดือดต้มลูกชินและตีนไก่ให้สุกก่อน โดยใส่ตระไคร้ใบมะกรูดเพื่อดับกลิ่นคาว พักไว้
2. ตั้งน้ำให้เดือดแล้วใส่เกลือป่นใส่เครื่องแกงท้้งกระชาย พริกแห้ง ใบมะกรูด ข่า หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ต้มทุกอย่างให้สุก นำปลานิลลงไปต้มให้สุกประมาณ 15-20 นาที หลังจากนั้นตักขึ้นพักไว้ให้เย็น แล้วนำไปเนื้อปลาไปแกะโขลกให้ละเอียด เตรียมไว้
3. นำเครื่องแกงที่ต้มสุกมาโขลกให้เข้ากัน โดยแบ่งเป็น 3 รอบ ให้ตำหอมแดง กระเทียมให้เข้ากันดีก่อน แล้วค่อยนำกระชายขาวมาตำต่อให้ละเอียด แล้วนำพริกแห้ง ข่า ตะไคร้ ตำรวมกันให้เข้ากันดีเติมน้ำลงไปประมาณ 2 ถ้วยตวงไม่ต้องมากคนให้เข้ากันแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำแกงเท่านั้น
4. นำน้ำแกงลงไปผสมกับเนื้อปลาที่เตรียมไว้
5. เทน้ำเปล่าลงในหม้อตั้งไฟใส่กะทิ ใบมะกรูดลงไปเพื่อความหอม รอให้เดือดใส่น้ำแกงที่ผสมเนื้อปลานิล ตีนไก่ ลูกชิ้น และเลือกก้อนหั่นลงไป รอให้เดือดอีกครั้งปรุงรสด้วยเกลือป่น กะปิ น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ผงปรุงรส ใส่กระชายซอย ต้นหอมซอยเป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำขนมจีนน้ำยากะทิปลานิล
อย่างไรก็ตามการกินผักที่มีเส้นใยอาหารให้เพียงพอในแต่ละวันกินได้ทั้งแบบผักสด ผักลวกกินเป็นผักเครื่องเคียงขนมจีนน้ำยาปลานิลก็อร่อย แถมมีประโยชน์ต่อสุขภาพจะช่วยลดปัญหาการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ ช่วยย่อย ปรับระบบการขับถ่ายให้เป็นปกติ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และที่สำคัญช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม