กะหล่ำปลี
กะหล่ำปลี ( Cabbage ) คือ พืชในวงศ์เดียวกับผักกาด ( Brassicaceae หรือ Cruciferae ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Brassicaca Oleracea Var. Capitata L. มีต้นกำเนิดอยู่แถบเมดิเตอร์เรเนียน กะหล่ำปลี คือ พืชล้มลุกที่มีใบเลี้ยงเดียวกว้าง ใบจะเรียงตัวรอบต้นเป็นวงกลมและจะซ้อนกันเป็นชั้นๆ จึงทำให้กะหล่ำปลีมีลักษณะของต้นเป็นทรงกลม กะหล่ำปลี่เป็นผักที่มีวิตามินซีสูงเมื่อรับประทานแบบดิบ การรับประทานกะหล่ำปลียังช่วยลดอาการเผ็ดร้อนของอาหารได้ โดยการรับประทานเป็นเครื่องเคียงกับอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อน อย่าง ส้มตำ ลาบ น้ำตก เป็นต้น
รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของกะหล่ำปลี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Brassica oleracea var. capitata L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Cabbage” “Common Cabbage” “White Cabbage” “Red Cabbage”
ชื่อท้องถิ่น : มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า “กะหล่ำใบ” และ “กะหล่ำปลีเขียว”
ชื่อวงศ์ : วงศ์ผักกาด (BRASSICACEAE หรือ CRUCIFERAE)
ลักษณะของกะหล่ำปลี
กะหล่ำปลี เป็นไม้ล้มลุกที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน แบ่งออกเป็น 3 สายพันธุ์ ได้แก่ กะหล่ำปลีธรรมดา เช่น พันธุ์โกลเดนเอเคอร์ พันธุ์โคเปนเฮเกนมาร์เก็ต กะหล่ำปลีแดงหรือกะหล่ำปลีม่วง มีใบเป็นสีแดงทับทิม สามารถขึ้นได้ดีในที่อากาศหนาวเย็น กะหล่ำปลีใบย่น มีผิวใบหยิกย่น มักจะขึ้นได้ดีในที่ที่มีอากาศหนาวเย็นเป็นพิเศษ
ลำต้น : มีลักษณะเป็นทรงกลมข้อ ๆ เปลือกลำต้นมีสีขาว
ราก : เป็นระบบรากแก้ว มีรากแตกแขนงออกด้านข้างและมีรากฝอยบริเวณปลายราก
ใบ : ใบมีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ใบแตกออกด้านข้างลำต้น ผิวใบมีลักษณะเรียบแต่เป็นลูกคลื่น ขอบใบย่น ใบโค้งงอเข้าตรงกลางและหุ้มลำต้นซ้อนกันแน่นจนเรียกกันว่า “หัวกะหล่ำปลี” มีลักษณะกลมและค่อนข้างแบน
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ เป็นดอกสมบูรณ์เพศที่มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกเดียวกัน ช่อดอกแทงออกตรงกลางของหัว ประกอบด้วยกลีบรองดอกสีเขียว 4 ดอก ถัดมาด้านในเป็นกลีบดอกที่มีสีเหลืองสดจำนวน 4 กลีบ ด้านในสุดมีเกสรตัวผู้ 6 อัน ประกอบด้วยเกสรชั้นใน 4 อัน และชั้นนอก 2 อัน และตรงกลางมียอดเกสรตัวเมียที่เป็นลักษณะพู 2 อัน ซึ่งเชื่อมมายังรังไข่ที่อยู่ด้านในสุดของฐานดอก ดอกกะหล่ำปลีจะทยอยบานจากด้านล่างขึ้นด้านบน
ผล : ผลเรียกว่า “ฝัก” มีลักษณะเรียวยาวและปลายฝักแหลม เปลือกฝักมีร่องเป็นรอยตะเข็บสองข้าง ซึ่งจะปริแตกออกเมื่อฝักแห้ง ด้านในประกอบด้วยเมล็ดขนาดเล็กเรียงซ้อนกันเป็นแถว
เมล็ด : มีลักษณะกลม เมล็ดอ่อนมีสีเขียว เมล็ดแก่เป็นสีน้ำตาลเข้ม เมล็ดแก่เต็มที่มีสีดำ เปลือกเมล็ดบาง ฝักหนึ่งจะมีเมล็ดประมาณ 10 – 20 เมล็ด
กะหล่ำปลี เป็นพืชในวงศ์เดียวกับผักกาด มีวิตามินซีสูง ช่วยลดอาการเผ็ดร้อนของอาหาร
ชนิดของ กะหล่ำปลี
1.กะหล่ำปลีธรรมดา ที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือสายพันธ์โกลเด้นเอเคอร์แอละสายพันธุ์โคเปนเฮเกมาร์เก็ต มีใบเป็นสีเขียว เรียบ ลักษณะของต้นเกิดจากการรวมตัวของใบเป็นวงกลม ใบด้านนอกมีสีเขียวอ่อนถึงกลางส่วนใบด้านในมีสีเหลืองอ่อน
2.กะหล่ำปลีแดง สายพันธุ์นี้ลักษณะหัวกลมแต่จะมีใบเป็นสีแดงต่างจากสายพันธุ์ธรรมดาที่มีใบเป็นสีเขียว ใบของกะหล่ำปลีแดงจะหนา กะหล่ำปลีแดงเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีอากาศหนาวเย็น
3.กะหล่ำปลีใบย่น สายพันธุ์นี้จะใบจะมีสีเขียวเข้มและมีลักษณะพิเศษคือใบย่นเป็นคลื่นหรือหยิกทั้งใบ เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นมาก
สรรพคุณของกะหล่ำปลี
- สรรพคุณด้านความงาม ช่วยลดน้ำหนัก บำรุงผิวพรรณและช่วยชะลอวัย ชะลอการเกิดผมหงอก บำรุงรากผม
- สรรพคุณด้านไขมัน ลดคอเลสเตอรอล
- สรรพคุณด้านประสาทสัมผัสทั้ง 5 บำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
- สรรพคุณด้านเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรง ป้องกันการถูกทำลายของ DNA และลดความเสียหายของ DNA ในร่างกาย
- สรรพคุณช่วยบรรเทาอาการ ป้องกันหวัด แก้อาการเจ็บคอ
- สรรพคุณด้านระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหารและล้างสารพิษในลำไส้ กระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการอักเสบของแผลในลำไส้ บำรุงลำไส้ แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง บรรเทาอาการท้องผูก ช่วยในการขับปัสสาวะ
- สรรพคุณด้านป้องกันโรค ต้านมะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ ต้านมะเร็งในตับ
- สรรพคุณสำหรับผู้ชาย ลดโอกาสของการเป็นมะเร็งลำไส้ในผู้ชายได้ถึง 66% หากรับประทานมากกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก
- สรรพคุณด้านการผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความเครียดและนอนหลับสบาย
- สรรพคุณช่วยบำรุงอวัยวะ บำรุงไต บำรุงตับและเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของตับ สร้างกลูตาไธโอนซึ่งจำเป็นต่อตับในการช่วยล้างสารพิษจากควันไอเสียและยาต่าง ๆ
- สรรพคุณสำหรับผู้หญิง รักษาระดับเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิงให้คงที่ เสริมสร้างสมองของเด็กทารกในครรภ์
– บรรเทาอาการปวดตึงคัดเต้านม ด้วยการลอกกะหล่ำปลีออกเป็นใบแล้วนำมาประคบที่เต้านมข้างละใบ ใช้ผ้าพันทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที โดยไม่ต้องนวดคลึง
ประโยชน์ของกะหล่ำปลี
กะหล่ำปลี ยังสามารถนำมาประยุกต์เป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย เช่น ผัดผักใส่กะหล่ำปลี กะหล่ำปลีสดกินกับสลัด กะหล่ำปลีสดกินกับไส้กรอกอีสาน ต้มจับฉ่าย แกงส้มใส่กะหล่ำปลี ต้มจืด กะหล่ำปลียัดไส้หมู กะหล่ำปลีต้มจิ้ม น้ำพริก เป็นต้น แต่ว่าการรับประทานแบบดิบก็ก่อให้เกิดอันตรายได้ เพราะว่ากะหล่ำปลีดิบมีสารพิษ กอยโตรเจน ( Goitrogen ) ที่สามารถขัดขวางการดูดซึมของไอโอดีน ทำให้ร่างกายขาดสารไอโอดีนเป็นที่มาของโรคคอหอยพอกได้ เมื่อรับประทานกะหล่ำปลีดิบในปริมาณที่มากและต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
คุณค่าทางโภชนาการของกะหล่ำปลีดิบ
คุณค่าทางโภชนาการของกะหล่ำปลีดิบต่อ 100 กรัม โดยคิดเป็น % ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ ให้พลังงาน 25 กิโลแคลอรี
สารอาหาร | ปริมาณสารอาหารที่ได้รับ |
คาร์โบไฮเดรต | 5.8 กรัม |
น้ำตาล | 3.2 กรัม |
เส้นใย | 2.5 กรัม |
ไขมัน | 0.1 กรัม |
โปรตีน | 1.28 กรัม |
วิตามินบี1 | 0.061 มิลลิกรัม (5%) |
วิตามินบี2 | 0.040 มิลลิกรัม (3%) |
วิตามินบี3 | 0.234 มิลลิกรัม (2%) |
วิตามินบี5 | 0.212 มิลลิกรัม (4%) |
วิตามินบี6 | 0.124 มิลลิกรัม (10%) |
วิตามินบี9 | 43 ไมโครกรัม (11%) |
วิตามินซี | 36.6 มิลลิกรัม (44%) |
แคลเซียม | 14 มิลลิกรัม (1%) |
เหล็ก | 40 มิลลิกรัม (4%) |
แมกนีเซียม | 12 มิลลิกรัม (3%) |
แมงกานีส | 0.16 มิลลิกรัม (8%) |
ฟอสฟอรัส | 26 มิลลิกรัม (4%) |
โพแทสเซียม | 170 มิลลิกรัม (4%) |
โซเดียม | 18 มิลลิกรัม (1%) |
สังกะสี | 0.18 มิลลิกรัม (2%) |
ฟลูออไรด์ | 1 ไมโครกรัม |
สารออกฤทธิ์ในกะหล่ำปลี
- กะหล่ำปลีมีกรดทาร์ทาริก (Tartaric acid) ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำตาลและแป้งกลายเป็นไขมัน
- กะหล่ำปลีมีสารเอสเมธิลเมโธโอนิน ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร
- กะหล่ำปลีมีสารซัลเฟอร์ ช่วยระงับประสาท
- กะหล่ำปลีมีกรดโฟลิก ช่วยเสริมสร้างสมองของเด็กทารกในครรภ์
- กะหล่ำปลีมีสาร Sulforaphane ช่วยป้องกันการถูกทำลายของ DNA และลดความเสียหายของ DNA ในร่างกาย
คำแนะนำและข้อควรระวัง
คำแนะนำ
- การนำมาปรุงอาหารด้วยวิธีการนึ่ง คือวิธีที่รักษาวิตามินและสารอาหารไว้ได้มากที่สุด
- ควรล้างผักให้สะอาดเพราะกะหล่ำปลีเป็นผักที่ติดอันดับ TOP5 ที่มีสารปนเปื้อนมากที่สุดโดยเฉพาะยาฆ่าแมลงที่อันตรายต่อร่างกาย วิธีการล้างที่ดีที่สุดคือ ปอกเปลือกออกแล้วแช่น้ำสะอาดประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งจะช่วยลดสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 25 – 72 หรือจะใช้ความร้อน แช่น้ำซาวข้าว แช่น้ำส้มสายชูหรือเกลือป่น แช่น้ำยาล้างผัก ก็ได้เช่นกัน
ข้อควรระวังในการทานกะหล่ำปลี
- กะหล่ำปลีมีปริมาณของใยอาหารสูง หากรับประทานแต่เพียงน้อยจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี แต่หากรับประทานมากจนเกินไปจะเข้าไปขัดขวางไม่ให้ร่างกายดูดซึมไอโอดีน เนื่องจากมีสารกอยโตรเจน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคคอหอยพอก
- กะหล่ำปลีดิบก็มีสารเคมีตกค้างอยู่มาก เพราะใบที่ห่อซ้อนกันอย่างแน่นหนาทำให้มีสารเคมีตกค้างอยู่ในใบสด ยากที่จะล้างออกได้หมด ส่งผลให้ร่างกายรับเอาสารเคมีเข้าไปสะสม และเกิดอาการเจ็บป่วย ทางที่ดีควรนำไปผ่านความร้อนก่อนรับประทาน
กะหล่ำปลี เป็นผักที่พบได้บ่อยในเมนูอาหาร มีรสชาติหวานกรอบและอร่อยหากนำมาปรุง ส่วนมากมักจะพบกะหล่ำปลีสีเขียวและสีม่วง เป็นผักที่นำมาช่วยในเรื่องลดน้ำหนักได้แต่ต้องระวังในการรับประทานเพราะมีโทษมากพอควรหากรับประทานมากเกินไป สรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ช่วยลดน้ำหนัก ชะลอการเกิดผมหงอก บำรุงลำไส้และบำรุงตับ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
Delahaut, K. A.; Newenhouse, A. C (1997). “Growing broccoli, cauliflower, cabbage and other cole crops in Wisconsin” (PDF). University of Wisconsin. p. 1. Retrieved 2012-08-12.
“Brassica oleracea L. – Cabbage”. United States Department of Agriculture. Retrieved 2012-08-10.
Classification for species Brassica oleracea L.”. PLANTS database. United States Department of Agriculture. Retrieved 2012-08-10.
“Of Cabbages and Celts”. Aggie Horticulture. Texas A&M University. Retrieved 2013-10-19.