ชะมวง ผลรสเปรี้ยวอมหวาน ดอกและใบคือยา ช่วยขับเสมหะ บำรุงเลือดและแก้บิด

0
1625
ชะมวง ผลรสเปรี้ยวอมหวาน ดอกและใบคือยา ช่วยขับเสมหะ บำรุงเลือดและแก้บิด
ชะมวง ป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ผลมีรสเปรี้ยวอมหวาน ใบอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ดอกเป็นสีเหลืองนวลและมีกลิ่นหอม ผลสุกเป็นสีเหลืองจนถึงส้มหม่น
ชะมวง ผลรสเปรี้ยวอมหวาน ดอกและใบคือยา ช่วยขับเสมหะ บำรุงเลือดและแก้บิด
ชะมวง ป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ผลมีรสเปรี้ยวอมหวาน ใบอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ดอกเป็นสีเหลืองนวลและมีกลิ่นหอม ผลสุกเป็นสีเหลืองจนถึงส้มหม่น

ชะมวง

ชะมวง (Cowa) เป็นไม้ยืนต้นที่พบได้มากในทางภาคใต้ของประเทศไทย ผลมีรสเปรี้ยวอมหวานแต่ไม่นิยมทานผลไม้ ต้มใบชะมวง นอกจากนั้นยังเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารจำพวกแกง และเป็นไม้ปลูกประดับทั่วไปที่ให้ความร่มเงาได้ดี สามารถนำส่วนต่าง ๆ ของต้นมาใช้ประกอบเป็นยาสมุนไพรได้ ส่วนของใบนั้นอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เป็นไม้ต้นชนิดหนึ่งที่คู่ควรแก่การนำมาใช้ประโยชน์เป็นอย่างมาก

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของชะมวง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garcinia cowa Roxb. ex Choisy
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Cowa”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคใต้เรียกว่า “กะมวง มวง ส้มมวง” คนเมืองเรียกว่า “ส้มป้อง มะป่อง” จังหวัดอุดรธานีเรียกว่า “หมากโมก” ใบชะมวง ภาษาใต้ “มวงส้ม” ชาวมลายูนราธิวาสเรียกว่า “กานิ” ชาวเขมรเรียกว่า “ตระมูง” มีชื่ออื่น ๆ ว่า “ยอดมวง ส้มม่วง ส้มโมง ส้มป่อง”
ชื่อวงศ์ : วงศ์มังคุด (CLUSIACEAE หรือ GUTTIFERAE)

ลักษณะของชะมวง

ชะมวง เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลางรูปแบบไม่ผลัดใบ มักจะพบได้มากทางภาคใต้ของประเทศไทย ตามป่าชื้นระดับต่ำทั่วไป
ต้น : มีเรือนยอดเป็นทรงพุ่มรูปกรวยคว่ำทรงสูง
ลำต้น : ลำต้นเกลี้ยงและแตกกิ่งใบตอนบนของลำต้น กิ่งย่อยมีผิวเรียบ เปลือกลำต้นเป็นสีดำน้ำตาลขรุขระ แตกเป็นสะเก็ด เปลือกด้านในเป็นสีชมพูถึงแดง มีน้ำยางสีเหลืองขุ่นไหลเยิ้มออกมาจากเปลือกต้น
ใบ : เป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับตรงข้ามกัน ลักษณะของใบเป็นรูปวงรีแกมใบหอกหรือแกมขอบขนาน โคนใบสอบแหลม ปลายใบป้านหรือแหลมเล็กน้อย ขอบใบเรียบ ใบอ่อนมีสีเขียวอ่อน หรือเขียวอมสีม่วงแดง ส่วนใบแก่จะเป็นสีเขียวเข้ม หรือน้ำเงินเข้ม ปลายกิ่งมีการแตกยอด 1 – 3 ยอด หลังใบเรียบและลื่นเป็นมัน ท้องใบเรียบ เนื้อใบมีลักษณะค่อนข้างหนาและเปราะ เส้นใบมองเห็นได้ไม่ชัด แต่ด้านหลังใบจะเห็นเส้นกลาง ส่วนของก้านใบมีสีแดง
ดอก : ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่กันคนละต้น มักจะออกดอกตามซอกใบและตามกิ่ง ดอกเพศผู้จะออกตามกิ่งเป็นกระจุก มีดอกย่อยประมาณ 3 – 8 ดอก ดอกมีเกสรตัวผู้จำนวนมากเรียงกันเป็นรูปสี่เหลี่ยม กลีบดอกเป็นสีเหลืองนวลและมีกลิ่นหอม มีกลีบดอกแข็งหนา 4 กลีบ และกลีบเลี้ยง 4 กลีบ ลักษณะเป็นรูปวงรีแกมรูปขอบขนาน ปลายกลีบกลม ดอกเพศเมียจะออกเป็นดอกเดี่ยวตามปลายกิ่ง มีเกสรตัวผู้เทียมเรียงอยู่รอบรังไข่ และมีก้านเกสรติดกันเป็นกลุ่ม ที่ปลายก้านมีต่อม 1 ต่อม มักจะออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน
ผล : ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมแป้น ผิวผลเรียบเป็นมัน ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจนถึงส้มหม่น และตามผลมีร่องตื้นประมาณ 5 – 8 ร่อง ด้านบนเป็นปลายบุ๋ม มีชั้นกลีบเลี้ยงประมาณ 4 – 8 แฉกติดอยู่ มีเนื้อหนาเป็นสีเหลือง ผลสุกมีรสเปรี้ยวใช้รับประทานได้ แต่มียางมากอาจทำให้ติดฟันได้
เมล็ด : ภายในผลมีเมล็ดขนาดใหญ่ประมาณ 4 – 6 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปวงรีหนา เรียงตัวกันเป็นวงรอบผล มักจะติดผลในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน

สรรพคุณของชะมวง

  • สรรพคุณจากใบ ช่วยฟอกโลหิต แก้โลหิต ช่วยรักษาธาตุพิการ เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ตัวร้อน ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ช่วยแก้อาการไอ ช่วยแก้เสมหะ กัดเสมหะ กัดฟอกเสมหะ เป็นยาระบายท้อง เป็นยาขับเลือดเสีย ช่วยขับโลหิตระดูของสตรี ต้านมะเร็ง ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินอาหาร
  • สรรพคุณจากผลอ่อน ช่วยฟอกโลหิต เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ตัวร้อน ช่วยแก้เสมหะ กัดเสมหะ กัดฟอกเสมหะ เป็นยาระบายท้อง
  • สรรพคุณจากผล ช่วยรักษาธาตุพิการ ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ช่วยแก้อาการไอ
    – ช่วยแก้บิด ด้วยการนำผลมาหั่นเป็นแว่นตากแห้ง แล้วใช้ดินเป็นยา
  • สรรพคุณจากดอก ช่วยรักษาธาตุพิการ เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ตัวร้อน ช่วยแก้เสมหะ กัดเสมหะ กัดฟอกเสมหะ เป็นยาระบายท้อง ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยแก้ดีพิการ
  • สรรพคุณจากราก เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ตัวร้อน ช่วยถอนพิษไข้ ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ช่วยแก้เสมหะ กัดเสมหะ กัดฟอกเสมหะ แก้เสมหะเป็นพิษ ช่วยแก้บิด
    – เป็นยาระบาย โดยตำรายาพื้นบ้านอีสานนำรากชะมวงมาผสมกับรากกำแพงเจ็ดชั้น รากตูมกาขาว และรากปอด่อน แล้วนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยา
  • สรรพคุณจากเนื้อไม้ ช่วยแก้อาการไอ ช่วยขับเสมหะ เป็นยาระบาย
  • สรรพคุณจากแก่น
    – ช่วยแก้อาการเหน็บชา ด้วยการนำแก่นมาฝนหรือแช่กับน้ำดื่มเป็นยา

ประโยชน์ของชะมวง

1. เป็นส่วนประกอบของอาหาร ผลชะมวงนำมาทานเป็นผลไม้ หรือนำมาหั่นเป็นแว่นตากแดดใส่ปลาร้าเพื่อเพิ่มรสชาติได้ นิยมนำใบอ่อนมารับประทานในรูปแบบของผักสดจิ้มกับน้ำพริก หรือนำมาปรุงในเมนูจำพวกต้นส้มต่าง ๆ
2. เป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรม ผลและใบแก่สามารถนำมาหมักเพื่อใช้ฟอกหนังวัวหรือหนังควาย ลำต้นหรือเนื้อไม้นำมาใช้ในงานก่อสร้างได้ เปลือกต้นและยางใช้สกัดสีย้อมผ้า โดยจะให้ออกมาเป็นสีเหลือง
3. ปลูกเป็นไม้ประดับ สามารถนำมาปลูกเพื่อให้ความร่มเงาได้ดี
4. ใช้ในด้านการเกษตร สามารถนำยอดอ่อนมาหมักกับจุลินทรีย์จนทำให้มีรสเปรี้ยว เพื่อใช้ทำเป็นยาปราบศัตรูพืชได้

คุณค่าทางโภชนาการของใบชะมวง

คุณค่าทางโภชนาการของใบ ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 51 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารอาหาร
โปรตีน 1.9 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 9.6 กรัม
เส้นใยอาหาร 3.2 กรัม
ไขมัน 0.6 กรัม
เถ้า 0.6 กรัม
น้ำ 84.1 กรัม
วิตามินเอ 7,333 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.7 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.04 มิลลิกรัม
วิตามินบี3 0.2 มิลลิกรัม
วิตามินซี 29 มิลลิกรัม
แคลเซียม 27 มิลลิกรัม
เหล็ก 1.1 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 13 มิลลิกรัม

ชะมวง เป็นต้นที่คนไทยในยุคใหม่ไม่ค่อยรู้จักหรือนิยมนำมาใช้กันสักเท่าไหร่ ทว่าชะมวงกลับเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม และเป็นวัตถุดิบในอาหารได้หลายอย่าง อีกทั้งยังเป็นยาสมุนไพรชั้นดีและประกอบไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ชะมวงมีสรรพคุณทางยาได้หลายส่วนจากต้นโดยเฉพาะส่วนของใบและราก มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ แก้ไข้ ช่วยขับเสมหะ ดีต่อระบบเลือด แก้บิดและเป็นยาระบาย ถือเป็นต้นที่มีสรรพคุณที่ดีต่อลำคอเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยในการต้านโรคมะเร็งได้อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “ชะมวง (Cha Muang)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้าที่ 101.
การสำรวจความหลากหลายของพืชสมุนไพร จากตลาดพื้นเมืองทางภาคตะวันตกของประเทศไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “ชะมวง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: pirun.kps.ku.ac.th/~b4816187/. [13 ม.ค. 2014].
โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน). “ชะมวง”. อ้างอิงใน: หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย (วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th. [13 ม.ค. 2014].
สมุนไพรไทย-ภูมิปัญญาไทย มหาวิทยาลัยนเรศวร. “สมุนไพรไทยชะมวง”. (วชิราภรณ์ ทัพผา). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: student.nu.ac.th/46313433/Thaiherb/. [13 ม.ค. 2014].
พืชและสัตว์ท้องถิ่นภูพาน คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. “ชะมวง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: pineapple-eyes.snru.ac.th/animal/pupan. [13 ม.ค. 2014].
ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “ชะมวง”. (อนงค์นาฏ ศรีบุญแก้ว). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [13 ม.ค. 2014].
บ้านทองเลี้ยงฟ้า จังหวัดอุดรธานี. “การปลูกชะมวงไร้สารพิษ”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.pkms9.com/TLP02.html. [13 ม.ค. 2014].
พรรณไม้สวนรุกขชาติห้างฉัตร. “ชะมวง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: lampang.dnp.go.th/Departments/Techical_Group/Hangchat_Arboretum/knowledge/plant/ชะมวง.pdf. [13 ม.ค. 2014].
โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก. “ชะมวง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.lrp.ac.th. [13 ม.ค. 2014].
ผักพื้นบ้านในประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร. “ชะมวง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: 203.172.205.25/ftp/intranet/Research_AntioxidativeThaiVegetable. [13 ม.ค. 2014].
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. “ชะมวง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.phargarden.com. [13 ม.ค. 2014].
งานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน โรงเรียนวารินชำราบ สพม. เขต 29. “ชะมวง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: ict2.warin.ac.th/botany. [13 ม.ค. 2014].
อุตสาหกรรมรวมใจภักดิ์ ปลูกต้นไม้ฟื้นผืนดิน. “ต้นชะมวง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.treeforthai.com. [13 ม.ค. 2014].
ศูนย์ข้อมูลการแพทย์ทางเลือก. “องค์ประกอบทางเคมีและฤทธิ์ลดไขมันของใบชะมวง”. (ดวงเพ็ญ ปัทมดิลก), สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: thaicamdb.info. [13 ม.ค. 2014].
กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 28 กุมภาพันธ์. “เภสัช ม.อ. ค้นพบใบชะมวงต้านมะเร็ง”. (รศ.ดร.ภก.ภาคภูมิ พาณิชยูปการนันท์ ผู้อำนวยการสถานวิจัยยาสมุนไพรและเทคโนโลยีชีวภาพทางเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bangkokbiznews.com. [13 ม.ค. 2014].
โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเข้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “ชะมวง”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.goldenjubilee-king50.com. [7 ม.ค. 2014].
ข้อมูลอ้างอิง (Source) : Medthai