มะเดื่อฝรั่ง
ผลอ่อนมีสีเขียว เปลือกบางผลสุกมีสีเหลือง สีแดง สีชมพู เนื้อผลสุกกลิ่นหอม

มะเดื่อฝรั่ง

มะเดื่อฝรั่ง (Fig) เป็นหนึ่งในผลไม้ที่อร่อยมีถิ่นกำเนิดในตุรกีไปจนถึงอินเดีย ส่วนใหญ่ปลูกในสภาพอากาศที่อบอุ่น มะเดื่อลูกฟิกมีวิธีทานทั้งแบบสดและแบบแห้งมีรสหวานโดยธรรมชาติอุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น กรดฟีนอลและฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สามารถช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคเรื้อรังและเกิดการอักเสบได้ ผลไม้ชนิดนี้มีอยู่หลายร้อยชนิดจะมีสี รสชาติ และขนาดที่แตกต่างกัน สามารถรับประทานได้ทั้งผลดิบและผลสุก ชื่อสามัญ Fig ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของมะเดื่อ คือ Ficus carica L. อยู่ในวงศ์ขนุน ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ เช่น มะเดื่อญี่ปุ่น มะเดื่อฝรั่ง มะเดื่อในบทความนี้เป็นคนละชนิดกับมะเดื่อไทย (มะเดื่ออุทุมพร, มะเดื่อชุมพร) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ficus racemosa L.

ลักษณะมะเดื่อฝรั่ง

  • ต้น มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง พบเจอเยอะที่ในประเทศตุรกี กรีก เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ที่ลำต้นเป็นปุ่มแตกกิ่งก้านออก ที่ลำต้นมียางสีขาว
    ใบ เป็นใบเดี่ยว ใบจะหนาและแข็ง ด้านหนึ่งจะมีขน ที่ผิวด้านบนจะหยาบ ที่ขอบใบจะหยักลึก 3-5 หยัก
  • ผล ออกเป็นกระจุก ผลมีลักษณะกลมแป้นหรือรูปไข่ เปลือกจะบาง ผลอ่อนมีสีเขียว ผลสุกมีสีเหลือง สีแดง สีชมพู ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เนื้อมีสีแดงเข้ม เนื้อผลสุกจะกลิ่นหอม มะเดื่อยังเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ของประเทศอียิปต์ อิตาลี กรีซ

ประเทศไทยมีการนำเข้ามะเดื่อแห้งจากต่างประเทศ มีการทดลองปลูกมะเดื่อครั้งแรกที่ดอยอ่างขางเมื่อ พ.ศ.2524 มูลนิธิโครงการหลวงกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น มะเดื่อเป็นผลไม้ต่างถิ่นมีคุณค่าทางโภชนาการสูงติด 1 ใน 10 ของโลก

สรรพคุณของมะเดื่อฝรั่ง

  • ช่วยเสริมสร้างพลังทางเพศได้
  • ช่วยฟอกตับกับม้ามได้
  • ช่วยป้องกันและช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
  • ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย กำจัดของเสียออกจากร่างกายได้ และช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้
  • บรรเทาอาการเจ็บคอได้
  • บำรุงกระดูกกับฟันให้แข็งแรง และช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
  • ป้องกันโรคโลหิตจางได้ เพราะมีธาตุเหล็กกับโฟเลตสูง
  • ลดความเสี่ยงการของเกิดโรคหัวใจกับหลอดเลือดได้
  • ช่วยบำรุงร่างกายและช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้
  • ช่วยป้องกันและช่วยลดความเสี่ยงการเกิดของโรคมะเร็งเต้านมในหญิงวัยทองได้
  • บรรเทาอาการของโรคกามโรคได้
  • ป้องกันนิ่วในไต, กระเพาะปัสสาวะอักเสบได้
  • สามารถใช้เป็นยาระบาย และช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้
  • สามารถสมานแผลในช่องปากได้
  • สามารถปรับสมดุลกรดด่างในร่างกายได้
  • ช่วยบำรุงและช่วยรักษาสายตาได้
  • สามารถทำให้หัวใจทำงานได้เป็นปกติ และช่วยป้องกันการเกิดของโรคความดันโลหิตสูงได้
  • สามารถช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งและช่วยลดความเสี่ยงการเกิดของโรคมะเร็งต่าง ๆ ได้

ประโยชน์ของมะเดื่อฝรั่ง

  • สามารถใช้เปลือกของมะเดื่อแทนน้ำตาลได้
  • มีแคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัสสูง สามารถช่วยเสริมสร้าง ซ่อมแซม เพิ่มความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อได้
  • ให้พลังงานสูง จะมีคอเลสเตอรอลกับไขมันน้อย ผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคตับ สามารถทานได้
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยลดปริมาณการใช้อินซูลินในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้
  • สามารถทานเป็นผลไม้สดได้ และสามารถใช้ทำขนมได้ อย่างเช่น พาย แยม อบแห้ง ผลไม้กวน พุดดิง เค้ก ไอศกรีม ใช้ผสมในชาไข่มุก ใส่ในขนมแทนลูกเกด นำผลแห้งไปคั่ว แล้วป่นใช้แทนกาแฟ
  • ประเทศอินเดียนิยมนำใบของมะเดื่อมาทานเป็นอาหาร
  • สามารถช่วยคงความอ่อนเยาว์และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้
  • มะเดื่อเหมาะมากกับผู้ที่ต้องลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากมีเส้นใยสูง

คุณค่าทางโภชนาการ

คุณค่าทางโภชนาการของผลแห้ง 100 กรัม ให้พลังงาน 249 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารอาหาร
วิตามินบี 1 0.085 มิลลิกรัม 7%
วิตามินบี 2 0.082 มิลลิกรัม 7%
วิตามินบี 3 0.619 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 5 0.434 มิลลิกรัม 9%
วิตามินบี 6 0.106 มิลลิกรัม 8%
วิตามินบี 9 9 ไมโครกรัม 2%
วิตามินซี 1.2 มิลลิกรัม 1%
วิตามินเค 15.6 ไมโครกรัม 15%
คาร์โบไฮเดรต 63.87 กรัม
เส้นใย 9.8 กรัม
โปรตีน 3.3 กรัม
น้ำตาล 47.92 กรัม
ไขมัน 0.93 กรัม
โคลีน 15.8 มิลลิกรัม 3%
ธาตุเหล็ก 2.03 มิลลิกรัม 16%
ธาตุแมงกานีส 0.51 มิลลิกรัม 24%
ธาตุโพแทสเซียม 680 มิลลิกรัม 14%
ธาตุสังกะสี 0.55 มิลลิกรัม 6%
ธาตุแคลเซียม 162 มิลลิกรัม 16%
ธาตุแมกนีเซียม 68 มิลลิกรัม 19%
ธาตุฟอสฟอรัส 67 มิลลิกรัม 10%
ธาตุโซเดียม  10 มิลลิกรัม 1%

ข้อมูลจาก USDA Nutrient database

แนะนำ การทานแห้งอาจจะทำให้ฟันผุ เพราะมีน้ำตาลสูง การทานมะเดื่อมากไปอาจทำให้ท้องร่วงได้

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

แหล่งอ้างอิง
หนังสือผลไม้ 111 ชนิด คุณค่าอาหารและการกิน (ทวีทอง หงษ์วิวัฒน์, นิดดา หงษ์วิวัฒน์), เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, www.organicfacts.net

อ้างอิงรูปจาก
1.https://www.eatingwell.com/
2.https://www.homesandgardens.com/