ขิง
ขิง ( Ginger ) คือ พืชสมุนไพรตระกูลเดียวกับขมิ้นมีรสเผ็ดร้อน ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันคนใช้ขิงสดทั้งแบบขิงอ่อน ขิงแก่ และใช้ขิงแห้งในการประกอบอาหาร เครื่องเทศ และใช้ทั้งเป็นสมุนไพรพื้นบ้าน ยาแผนโบราณ และยาแผนปัจจุบัน จากงานวิจัยพบว่า ขิง มีสารสำคัญในเหง้าขิงสดประกอบด้วย ซิงจิเบอรีน ( zingiberene ) ฟีนอลิก ( phenolic ) ที่ทำให้ขิงมีกลิ่นหอมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนเพื่อช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ช่วยป้องกันและรักษาโรคข้ออักเสบ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ รักษาอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง ในส่วนของขิงสดอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี ธาตุเหล็ก แคลเซียม คาร์โบไฮเดรต ฟอสฟอรัส โปรตีน และเส้นใย เป็นต้น ขิง เป็นพืชเขตร้อนที่เติบโตในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe ลักษณะของลำต้นสีเขียวเข้มแตกหน่อขึ้นเป็นกอสูงประมาณ 50 -70 เซนติเมตร เปลือกซ้อนกันเป็นกาบยาว ใบเดี่ยวเรียวยาวออกสลับกัน ดอกสีขาว มีหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน
ตารางคุณค่าทางโภชนาการของขิง
ขิงปริมาณ 100 กรัมให้พลังงาน 25 กิโลแคลอรี
โปรตีน 0.4 กรัม |
ไขมัน 0.6 กรัม |
ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม |
แคลเซียม 18 มิลลิกรัม |
ฟอสฟอรัส 22 มิลลิกรัม |
เบต้าแคโรทีน 10 ไมโครกรัม |
วิตามินซี 1 มิลลิกรัม |
ไทอามีน 0.02 มิลลิกรัม |
ไนอะซิน 1 มิลลิกรัม |
ไรโบเฟลวิล 0.02 มิลลิกรัม |
คาร์โบไฮเดรต 4.4 กรัม |
เส้นใยอาหาร 0.8 กรัม |
ประโยชน์ของขิง
ขิงสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนทั้งแบบสด และแบบแห้ง อาทิเช่น ต้นขิง ดอกขิง ใบขิง เหง้าขิง หัวขิง ผลขิงรากขิง ขิงต้น แก่นขิง
สรรพคุณและประโยชน์ของขิง
สรรพคุณขิงนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน เราสามารถนำมาใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และผลก็ได้ทั้งนั้น
- ขิงช่วยขับเสมหะ
- ช่วยขับลมในกระเพราะ
- ช่วยระบบย่อยอาหาร
- ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ( ขิงแก่ )
- ช่วยป้องกันแก๊สและอาการท้องอืดได้
- ขิงช่วยต้านแบคทีเรียที่เกิดจากอาการท้องเสีย
- น้ำขิงสดช่วยลดการระคายเคืองจากอาการไอ เจ็บคอ
- การกินขิงสดช่วยลดแรงกดทับระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร
- ช่วยเร่งการหดตัวของกระเพาะอาหารที่ใช้ในการย่อยอาหาร
- ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดไขข้อจากโรคข้อเข่าเสื่อม และโรคเกาต์
- ช่วยรักษาโรคภูมิแพ้
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคหอบหืด
- ขิงช่วยลดการอักเสบในเซลล์กล้ามเนื้อของทางเดินหายใจ
- ช่วยป้องกันการถูกทำลายของข้อต่อ
- น้ำขิงช่วยลดอาการแพ้ท้องคลื่นไส้ ในหญิงตั้งครรภ์
- ช่วยป้องกันและรักษาอาการอักเสบ
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งกระดูก มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ และขิงยังช่วยไม่ให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่น ๆ
- ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
- ขิงช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ
- ช่วยบรรเทาอาการมีไข้
- ช่วยบรรเทาอาการหวัด
- ช่วยให้นอนหลับสนิทตลอดคืน
- ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน
- ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- ช่วยบรรเทาอาการมึนงง และชาตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ขิงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
- ช่วยลดการทำงานของเอนไซม์ในตับ
- ช่วยป้องกันเลือดอุดตัน
- ช่วยลดความดันโลหิตสูง
- ช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้น
- ช่วยลดความอยากอาหาร เร่งการเผาผลาญพลังงาน ลดน้ำหนัก ( ขิงสด )
- ขิงช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนในเพศชาย
- ช่วยเพิ่มจำนวนอสุจิและการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิในเพศชาย
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในอัณฑะ
ข้อควรระวังและโทษของขิง
ผลข้างเคียงส่วนใหญ่เกิดขึ้นเนื่องจากการบริโภคขิงมากเกินไปที่กำหนดไว้ที่ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน
การรับประทาน : เมื่อทานขิงในปริมาณที่เหมาะสมผลข้างเคียงไม่รุนแรง อาจรู้สึกไม่สบายท้องหรือท้องเสีย
การใช้ขิงกับผิว : ขิงมีความปลอดภัยสูงเมื่อใช้กับผิวอย่างเหมาะสมในระยะสั้น แต่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังในบางคนหรือสำหรับคนผิวแพ้ง่าย
- ขิงสามารถมีผลข้างเคียงหากกินมากเกินไป เช่น ก่อให้เกิดก๊าซในลำไส้ และท้องอืด
- เกิดผดผื่นบริเวณผิวหนัง
- ภาวะหัวใจหยุดเต้น (หากใช้เกิดขนาด)
- ภาวะซึมเศร้าระบบประสาทส่วนกลาง (หากใช้เกิดขนาด)
- ระคายเคืองต่อปาก หรือลำคอ (ขิงมีรสเผ็ดร้อน)
- ในระหว่างตั้งครรภ์อาจเพิ่มความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด
- การรับประทานขิงมากเกินไป อาจทำให้เลือดออกมากเกินไป
- ผู้ที่ทานยาลดความดันโลหิต ควรหลีกเลี่ยงการกินขิงในปริมาณมากเกินไปอาจนำไปสู่หัวใจเต้นผิดปกติ
- การกินขิงขณะท้องว่าง อาจกระตุ้นให้มีอาการปวดท้องได้
เมนูจากขิงสด
- ขิงสดปอกเปลือกและสับละเอียด 1.5 ถ้วย
- น้ำเปล่า 2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
- โซดา 1 ขวด ( แช่เย็น )
- น้ำมะนาวสด 2-3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำขิง
1. เทขิงสับละเอียดและน้ำเปล่าตั้งไฟอ่อนๆ ประมาณ 45 นาที
2. ปิดไฟและนำฝามาปิด ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 20 นาที
3. เทใส่ภาชนะ เช่น หม้อ แล้วกรองแยกน้ำและเนื้อออกจากกัน
4. นำน้ำขิงที่ได้เติมน้ำตาลลงไป ตั้งไปปานกลางคนให้น้ำตาลละลายคนให้เข้ากัน ปิดไฟรอให้เย็น
5. เทน้ำขิงใส่แก้ว พร้อมเติมโซดา และบีบน้ำมะนาวลงไปตามต้องการ
การบริโภคขิง 1 – 2 กรัมต่อวัน ซึ่งขิงมีคุณสมบัติสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดเซลล์มะเร็งบางชนิดในระยะยาวได้ นอกจากนี้ยังสามารถลดความไวต่อการรักษาด้วยวิธีให้ยาเคมีบำบัด หรือการฉายรังสีของผู้ป่วยมะเร็ง และยังสามารถช่วยควบคุมน้ำหนัก และลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้จากการศึกษาพบว่าขิงสดสามารถช่วยป้องกันและรักษาโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด 19 ขิงสามารถยับยั้งและปิดกั้นเชื้อไวรัสต่าง ๆ ไม่ให้ติดกับเยื่อบุทางเดินหายใจจากการสูดดมเข้าไป
บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
เอกสารอ้างอิง
ขอขอบคุณคลิปสาระประโยชน์จาก : หมอปุ้ม พญ. สิรนาถ สุขภาพดี คุณมีได้
11 Proven Health Benefits of Ginger (ออนไลน์).สืบค้นจาก : https://www.healthline.com [26 มีนาคม 2563].
The health benefits of ginger (ออนไลน์).สืบค้นจาก : https://www.bbcgoodfood.com [26 มีนาคม 2563].
13 Health Benefits of Ginger + Side Effects (ออนไลน์).สืบค้นจาก : https://selfhacked.com [26 มีนาคม 2563].