24 สรรพคุณของต้นแก้ว ช่วยแก้อาการปวดฟัน

0
1603
24 สรรพคุณของต้นแก้ว ช่วยแก้อาการปวดฟัน เป็นไม้พุ่มกึ่งไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม ชอบแดด ปลูกเป็นไม้ประจำบ้านจะทำให้คนในบ้านมีแต่ความสุข
ต้นแก้ว
ดอกแก้ว ช่วยแก้อาการปวดฟัน เป็นไม้พุ่มกึ่งไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบ ดอกสีขาว กลิ่นหอม ชอบแดด ปลูกเป็นไม้ประจำบ้านจะทำให้คนในบ้านมีแต่ความสุข

ต้นแก้ว

ชื่อสามัญของต้นแก้ว คือ Chanese box tree, Orange jessamine, Andaman satinwood, Satin wood, Cosmetic bark tree, Orange jasmine
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Murraya paniculata (L.) Jack ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Murraya exotica L. อยู่ในวงศ์ส้ม (RUTACEAE) ชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ เช่น แก้วขี้ไก่ กะมูนิง ตะไหลแก้ว จ๊าพริก จิ๋วหลี่เซียง แก้วลาย แก้วขาว แก้วพริก

ลักษณะ

  • ต้น มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศจีน ออสเตรเลีย[7] พบเจอในประเทศไทยได้ทุกภาคในป่าดิบแล้งที่ราบสูงถึงที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 400 เมตร[8] เป็นไม้พุ่มกึ่งไม้ยืนต้นจะไม่ผลัดใบ มีขนาดเล็ก ต้นสูงประมาณ 5-10 เมตร ต้นจะแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มลักษณะกลมแน่นทึบ ที่เปลือกของลำต้นมีสีเทาแตกเป็นร่อง เนื้อไม้มีสีขาวนวล เติบโตได้ดีในดินร่วนที่ระบายน้ำดี จะชอบแดดเต็มวันหรือรำไร ความชื้นปานกลางถึงต่ำ ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด การตอน [1],[2],[3],[4],[5]
  • ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกปลายใบคี่ จะออกเรียงสลับ มีใบย่อยอยู่ 5-9 ใบ ใบเป็นรูปไข่ ที่ปลายใบกับโคนใบจะแหลม ส่วนที่ขอบใบจะเป็นคลื่นหรือหยักมนนิดหน่อย ใบกว้างประมาณ 1-3 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2-7 เซนติเมตร แผ่นใบมีลักษณะคล้ายกับแผ่นหนังบาง ๆ หลังใบจะมีสีเขียวเข้มและเป็นมัน ท้องใบจะเรียบมีสีอ่อน ที่ใบจะมีต่อมน้ำมัน ถ้าขยี้จะมีกลิ่นฉุนคล้ายกับผิวส้มเป็นน้ำมันติดอยู่ที่มือ[1],[2],[3],[5]
  • ดอกออกเป็นช่อสั้น ออกดอกที่ตามซอกใบ ดอกย่อยมีสีขาว จะมีกลิ่นหอมจัด มีกลีบดอกอยู่ 5 กลีบ ร่วงง่าย กลีบดอกเป็นรูปกลมรี ยาวประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร กว้างประมาณ 7-9 มิลลิเมตร ที่โคนกลีบดอกจะติดกัน ดอกจะมีเกสรเพศผู้ 10 ก้าน มีกลีบเลี้ยงดอกอยู่ 5 กลีบ ดอกออกได้ตลอดทั้งปี [1],[2],[3]
  • ผลแก้ว เป็นกลมรีหรือรูปไข่ ที่ปลายจะสอบนิดหน่อย ผลกว้างประมาณ 5-8 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ผลอ่อนจะมีสีเขียว ผลสุกมีสีแดงอมส้ม ลักษณะผิวของผลจะมีต่อมน้ำมันสามารถเห็นได้ชัด ในผลมีเมล็ด 1-2 เมล็ด เมล็ดเป็นรูปรี รูปไข่ ปลายสอบ จะมีขนหนาเหนียวหุ้มรอบเมล็ด มีสีขาวขุ่น เมล็ดกว้างประมาณ 4-6 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 6-9 มิลลิเมตร [1],[2],[3],[4]

สรรพคุณของต้นแก้ว

  • สามารถนำก้านกับใบสดมาบดแช่กับแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง ใช้ทาหรือฉีดเป็นยาระงับอาการปวด [1],[2]
  • สามารถแก้ฟกช้ำได้ โดยใช้ใบแก้วสด, ขมิ้น, ขิง, ไพร มาตำให้ละเอียดผสมกับเหล้า นำไปคั่วให้ร้อน แล้วนำผ้าสะอาดมาห่อ ใช้เป็นยาประคบบริเวณที่มีอาการฟกช้ำ 20-30 นาที ทำวันละ 2-3 ครั้ง [3]
  • สามารถแก้แมลงสัตว์กัดต่อยได้ โดยใช้รากกับใบสดมาต้ม ใช้ชะล้างบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อยได้ [1] สามารถแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้ (ราก)[3]
  • สามารถใช้รากสดเป็นยาพอกบริเวณที่เป็นแผลได้ [1],[2] สามารถใช้เป็นยาแก้แผลคันได้ (ราก)[3]
  • สามารถนำรากกับต้นแห้งมาหั่น ต้มเคี่ยวกรองเอาแต่น้ำมาใช้ สามารถช่วยเร่งการคลอดบุตรของสตรีได้ ใช้ผ้าพันแผลจุ่มน้ำยาสอดไปที่ปากมดลูก (ราก, ต้นแห้ง)[1],[2]
  • สามารถใช้ใบเป็นยาขับพยาธิตัวตืดได้ [4]
  • สามารถช่วยการย่อยอาหารได้ (ดอก, ใบ)[4]
  • สามารถแก้บิดได้ (ใบ)[4]
  • สามารถใช้รากเป็นยาช่วยขับลมชื้นในร่างกาย ต้องใช้ร่วมกับตำราแพทย์แผนไทยหรือแพทย์แผนจีน [3]
    สามารถนำราก ก้าน ใบสดมาใช้เป็นยาชาระงับอาการปวดได้ มีการใช้เป็นยาแก้อาการปวดฟัน ปวดกระเพาะ [3],[4] บ้างก็ว่าก้านกับใบสดจะมีรสเผ็ดร้อนขม สามารถต้มใช้เป็นยาอมบ้วนปากแก้อาการปวดฟันได้ [1],[2],[4]
    สามารถแก้อาการวิงเวียนศีรษะได้ (ดอก, ใบ)[4]
  • ใบจะมีรสร้อนเผ็ด ขม สามารถช่วยบำรุงธาตุในร่างกายได้ [3],[5]
  • สามารถใช้ดอกกับใบเป็นยาแก้ไขข้ออักเสบได้ (ดอก, ใบ)[4]
  • รากสามารถแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย และบรรเทาอาการปวดบวมได้ ต้องใช้ร่วมกับตำราแพทย์แผนไทยหรือแพทย์แผนจีน [3] บ้างก็ว่านำรากแห้งหั่นฝอยใช้ตุ๋นกับหางหมูเจือกับสุรา สามารถทานเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยเอวได้ (รากแห้ง)[1],[2],[4]
  • รากสดจะมีรสเผ็ดสุขุม มาต้มกับน้ำ ใช้ดื่มเป็นยาแก้แผลฟกช้ำ[1],[2] สามารถแก้ฟกช้ำดำเขียวได้ (ราก)[3]
  • สามารถแก้แผลเจ็บปวดจากการกระทบกระแทกได้ (ใบ)[4]
  • สามารถใช้เป็นยาแก้ผดผื่นคันที่เกิดเพราะความชื้น, แมลงกัดต่อยได้ (ราก, ก้าน, ใบสด)[1],[3],[4] สามารถ
  • แก้ผื่นคันได้ (ราก)[3]
  • สามารถใช้รากเป็นยาแก้ฝีในมดลูกได้ (ราก)[3]
  • สามารถใช้ใบเป็นยาขับประจำเดือนหรือระดูของสตรีได้ [3],[5] หรือใช้รากแห้ง 10-15 กรัม (ถ้าสดให้ใช้ประมาณ 30-60 กรัม) มาต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว ทานหลังอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น [4]
  • สามารถใช้เป็นยาแก้ปวดกระเพาะได้ โดยใช้ใบแก้วแห้ง, กานพลู, เจตพังคี, เปลือกอบเชย มาบดให้เป็นผง ชงกับน้ำร้อนเป็นยาทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง หรือใช้ผงที่ได้มาบดผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลือง ทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง [3]
  • ใบสามารถช่วยขับลม และแก้อาการจุกเสียดแน่นเฟ้อได้ [3],[5]
  • ใบสามารถแก้ท้องเสียได้ [4]
  • สามารถใช้รากเป็นยาแก้ฝีฝักบัวที่บริเวณเต้านมได้ [3]
  • สามารถแก้อาการไอได้ (ดอก, ใบ)[4]
  • สามารถช่วยคลายการอุดตันของเส้นเลือดได้ จะทำให้การไหลเวียนของเลือดลมดีมากขึ้น (ราก)[3]

การใช้สมุนไพรแก้ว

ใช้รากกับใบแห้งครั้งละ 10-18 กรัม ถ้าเป็นยาสดให้ใช้ครั้งละ 20-35 กรัม[3]
สามารถใช้เป็นยารักษาภายใน แก้อาการท้องเสีย แก้บิด ขับพยาธิ ใช้ก้านกับใบสด 10-15 กรัม มาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว ทานหลังอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น หรือนำมาดองกับเหล้าใช้ดื่มแต่เหล้าครั้งละ 1 ถ้วยตะไล[4]
ถ้าใช้เป็นยาภายนอก นำก้านกับใบสดมาตำใช้พอกหรือคั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบแห้งมาบดเป็นผงใช้โรยใส่แผล ถ้าใช้เป็นยาแก้ปวดหรือยาชาเฉพาะที่ให้ใช้ใบกับก้านสดที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ 50% ถ้าเป็นส่วนของรากแห้งหรือรากสดให้ตำแล้วใช้พอก หรือนำไปต้มเอาน้ำมาใช้ชะล้างบริเวณที่เป็น[4]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของต้นแก้ว

  • มีฤทธิ์การยับยั้งการเต้นของหัวใจของกบ[3]
  • กิ่ง เปลือกก้าน ผลมีสาร Mexoticin I, Hibiscetin, Heptamethyleeher I[3] สารที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ จะมีฤทธิ์การฆ่าเชื้อหรือช่วยยับยั้งเชื้อ Bacullus Inuza และเชื้อ Btaphylo Coccus [3]
  • สารสกัดจาก Petroleum ether จากต้นถ้านำมาทดลองกับลำไส้ใหญ่กับลำไส้เล็กของหนูขาวที่ผ่าออกจากร่าง จะพบว่าสารดังกล่าวมีประสิทธิภาพทำให้เกร็งตึงที่กล้ามเนื้อเรียบของลำไส้หย่อนคลาย[3]
  • ใบ น้ำมันหอมระเหย 0.25 ประกอบไปด้วยสาร Bisabolene, Carene, Citronellol, Eugenol, Geraniol, I-Candinenem, Paniculatin, Phebalosin, Methyl Anthranilate, Scopoletin, Scopolin[3]

ประโยชน์ของต้นแก้ว

  • เนื้อไม้ นำมาแปรรูปใหม่ ๆ จะมีสีเหลืองอ่อน นานเข้าจะมีสีเหลืองแกมสีเทา เนื้อไม้จะมีเสี้ยนตรงหรือสน จะมีความละเอียดอย่างสม่ำเสมอ มักมีลายพื้นหรือลายกาบบางต้น สามารถเลื่อย ผ่า ไส ขัด ตบแต่งได้ และมีลายไม้สวยงาม นิยมนำเนื้อไม้มาใช้ทำเครื่องเรือน เครื่องตกแต่งในบ้าน ภาชนะ ด้ามเครื่องมือ ด้ามปากกา ไม้บรรทัด ไม้เท้า ไม้ตะพด กรอบรูป เครื่องดนตรี ซออู้ ซอด้วง เครื่องกลึง เป็นต้น [6],[8]
  • ดอกบูชาพระในพิธีทางศาสนาเพื่อความเป็นสิริมงคลยิ่ง [6]
  • ต้น เป็นไม้ประดับมีทรงพุ่มสวย สามารถตัดแต่งเป็นพุ่มได้ มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมดี ไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก แต่ต้องรดน้ำเพียงครั้งคราว นิยมปลูกเป็นไม้ประดับหรือไม้ประธานที่ตามสวนหย่อม ริมทะเล เป็นต้น จะปลูกเป็นต้นเดี่ยวหรือปลูกแบบเป็นกลุ่ม หรือปลูกเป็นรั้วบังสายตา ปลูกเพื่อให้ร่มเงา ต้นแก้วจะออกดอกดก ดอกมีสวยงาม มีกลิ่นหอม (ถ้าปลูกจากกิ่งตอนจะเป็นไม้พุ่ม แต่ถ้าปลูกในที่ร่มใบจะมีสีเขียวเข้ม จะมีกิ่งยืดยาว ออกดอกน้อย)[5]
  • ก้านใบมาใช้ทำความสะอาดฟันได้[1],[2]
  • สารสกัดจากต้น เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนักที่ในประเทศมาเลเซีย โฆษณาระบุว่าเป็นสูตรยาสมุนไพรเก่าแก่ มีสรรพคุณในการช่วยลดความอยากอาหารได้ ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายกับร่างกาย[9]
  • ต้น สามารถขับไล่วิญญาณร้าย แม่มด ปีศาจ ปัดเป่าโชคร้ายต่าง ๆ และนำความสุขสมหวังมาให้ มีการปลูกเป็นไม้ประดับกันแพร่หลาย เป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์ มีตำนานเล่าว่าสุลต่านแห่งยอกยาการ์ต้า จะหาที่พักสงบจิตใจ รวบรวมสมาธิใกล้กับต้นแก้วก่อนที่จะเสด็จเพื่อเข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือเรื่องเกี่ยวกับบ้านเมือง ทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมีสมาธิ สติปัญญาโดยปริยาย ในพิธีแต่งงาน ดอกแก้วยังเปรียบเหมือนคำอวยพรให้คู่บ่าวสาวที่ขอพรให้ใช้ชีวิตคู่อย่างสุขสมหวัง หอมหวานเหมือนกลิ่นของดอกแก้ว มีการนำใบของต้นใช้ในพิธีศพ มักใช้โรยบนพื้นก่อนนำศพไปวาง เนื่องจากใบแก้วจะมีกลิ่นหอมสดชื่น สามารถช่วยดับกลิ่นเหม็นคลุ้งของศพได้[9]
  • ปลูกเป็นไม้ประจำบ้าน จะทำให้คนในบ้านมีแต่ความดี มีคุณค่า เพราะคำว่า แก้ว มีความหมายว่า สิ่งที่ดี มีคุณค่า และเป็นที่นับถือของคนทั่วไป เนื่องจากคนโบราณเปรียบเทียบของที่มีค่าสูงเหมือนดั่งดวงแก้ว และมีความเชื่อว่าบ้านที่ปลูกเป็นไม้ประจำบ้าน จะทำให้คนในบ้านมีจิตใจบริสุทธิ์ มีความเบิกบาน เปรียบเหมือนแก้วที่สดใส มีความใสสะอาด เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย ควรปลูกต้นแก้วทางทิศตะวันตก ควรปลูกในวันพุธ เนื่องจากคนโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้ดอกเพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกวันพุธ[6]
  • ผลสุกสามารถทานเป็นอาหารได้[4]

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์ เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
หนังสือสมุนไพรในอุทยานแห่งชาติภาคเหนือ. “แก้ว”. (พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ). หน้า 95.
หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. “แก้ว (Kaew)”. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). หน้า 55.
หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. “แก้ว”. (วิทยา บุญวรพัฒน์). หน้า 92.
สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. “แก้ว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.rspg.or.th. [06 ก.พ. 2014].
ฐานข้อมูลพรรณไม้ที่ใช้ในงานภูมิสถาปัตยกรรม ศูนย์ความรู้ด้านการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. “แก้ว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: agkc.lib.ku.ac.th. [06 ก.พ. 2014].
ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน). “ต้นแก้ว”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.bedo.or.th. [06 ก.พ. 2014].
GRIN (Germplasm Resources Information Network) Taxonomy for Plants. “Murraya paniculata (L.) Jack”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: www.ars-grin.gov. [06 ก.พ. 2014].
หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 1.
Sangkae’s Blog. Murraya paniculate”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: sangkae.wordpress.com. [06 ก.พ. 2014].

อ้างอิงรูปจาก
1. https://www.lucknownursery.com/product/murraya-paniculata-chinese-box-dark-green-all-time-garden-flower-plant/