มะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer) อาการ การวินิจฉัย และวิธีรักษา

0
5315
โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer)
เกิดขึ้นบริเวณต่อมไทรอยด์ สามารถเกิดได้ทุกเซลล์ของต่อมไทรอยด์ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่เซลล์ของเนื้อเยื่อต่อมไทรอยด์

มะเร็งต่อมไทรอยด์ เป็นมะเร็งที่เกิดใน ต่อมไทรอยด์ ซึ่งอยู่บริเวณลำคอด้านหน้า หน้าที่ของต่อมไทรอยด์คือการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ที่ควบคุมอัตราเผาผลาญ พลังงาน และการเจริญเติบโตของร่างกาย เซลล์ของต่อมไทรอยด์ที่เกิดการกลายพันธุ์ อาจนำไปสู่การแบ่งตัวผิดปกติ กลายเป็นเนื้องอก และสุดท้ายพัฒนาเป็นมะเร็ง

สาเหตุของมะเร็งต่อมไทรอยด์

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีหลายปัจจัยเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์ เช่น:

  • พันธุกรรมผิดปกติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีโรคในครอบครัว เช่น MEN2

  • เพศหญิง มีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชายถึง 3–4 เท่า

  • การสัมผัสรังสีในวัยเด็ก เช่น การฉายรังสีเพื่อรักษาโรคหรือรังสีจากโรงงานนิวเคลียร์

  • อายุ พบมากในผู้หญิงช่วงอายุ 30–60 ปี

  • ขาดไอโอดีน ส่งผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ ซึ่งสัมพันธ์กับความผิดปกติของเนื้อเยื่อไทรอยด์

ชนิดของมะเร็งต่อมไทรอยด์

  1. Papillary Thyroid Carcinoma (PTC)

    • พบมากที่สุด ราว 70–80% ของทั้งหมด

    • เติบโตช้า แพร่กระจายผ่านต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง

    • มักตอบสนองดีต่อการรักษา

  2. Follicular Thyroid Carcinoma (FTC)

    • พบประมาณ 10–15%

    • แพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปยังปอดและกระดูก

  3. Medullary Thyroid Carcinoma (MTC)

    • มาจากเซลล์ C ในไทรอยด์

    • มีความสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์ (MEN2 syndrome)

  4. Anaplastic Thyroid Carcinoma (ATC)

    • พบน้อย แต่รุนแรงสูง

    • เติบโตเร็ว แพร่กระจายไว

    • มักรักษาได้ยาก

อาการของมะเร็งต่อมไทรอยด์

มะเร็งไทรอยด์ในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการเด่นชัด แต่สามารถสังเกตได้จาก:

  • คลำเจอก้อนบริเวณคอ หน้าไทรอยด์ หรือใต้ลูกกระเดือก

  • เสียงแหบ หรือเปลี่ยนเสียง โดยไม่มีอาการอื่นของคออักเสบ

  • กลืนลำบาก หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรติดในลำคอ

  • ไอเรื้อรัง

  • ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโตผิดปกติ

หากอาการเหล่านี้อยู่ต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย

การวินิจฉัยมะเร็งต่อมไทรอยด์

แพทย์จะเริ่มจาก:

  1. ตรวจร่างกาย คลำก้อนที่คอและต่อมน้ำเหลือง

  2. อัลตราซาวนด์ไทรอยด์ ตรวจหาขนาด รูปร่าง และลักษณะของก้อน

  3. เจาะเซลล์จากก้อน (FNA: Fine Needle Aspiration) ส่งตรวจทางเซลล์วิทยา

  4. ตรวจเลือดหาค่า TSH / FT4 / Tg / Calcitonin

  5. ตรวจภาพรังสีเพิ่มเติม เช่น CT scan, PET scan ในกรณีที่สงสัยว่ามีการแพร่กระจาย

การแบ่งระยะของมะเร็งไทรอยด์

การแบ่งระยะจะช่วยวางแผนการรักษาและพยากรณ์โรค โดยใช้เกณฑ์ TNM Staging System:

กลุ่มผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 55 ปี

  • Stage I: ยังไม่แพร่กระจาย

  • Stage II: มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ปอด

กลุ่มผู้ป่วยอายุมากกว่า 55 ปี

  • Stage I: ก้อน <2 ซม. ไม่แพร่กระจาย

  • Stage II: ก้อน 2–4 ซม.

  • Stage III: ก้อนใหญ่ >4 ซม. หรือมีต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงโต

  • Stage IV: แพร่ไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียง หรืออวัยวะอื่น

แนวทางการรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์

  1. การผ่าตัด (Surgery)

    • ผ่าตัดต่อมไทรอยด์บางส่วนหรือทั้งหมด

    • ถ้ามีต่อมน้ำเหลืองโต อาจต้องผ่าตัดร่วมด้วย

  2. การให้แร่รังสีไอโอดีน (RAI)

    • ใช้เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งที่เหลือหลังผ่าตัด

    • ใช้ได้เฉพาะกับมะเร็งชนิดที่จับแร่ไอโอดีน

  3. การให้ไทรอยด์ฮอร์โมน (Thyroid hormone therapy)

    • ยับยั้งการกระตุ้นจาก TSH และทดแทนฮอร์โมนที่ขาด

  4. การฉายรังสี (External Beam Radiation)

    • ใช้ในรายที่ไม่ตอบสนองต่อ RAI

  5. เคมีบำบัด (Chemotherapy)

    • สำหรับมะเร็งชนิดรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่น

  6. Targeted Therapy และ Immunotherapy

    • ใช้สำหรับมะเร็งชนิดดื้อยา

    • ยากลุ่ม TKIs (Tyrosine Kinase Inhibitors) เช่น Sorafenib, Lenvatinib

พยากรณ์โรค

  • มะเร็งชนิด PTC / FTC มีอัตรารอดชีวิต 5 ปีมากกว่า 90%

  • MTC รอดชีวิต 5 ปีประมาณ 75%

  • ATC รอดชีวิตเฉลี่ยไม่เกิน 6–12 เดือน

ปัจจัยที่มีผลต่อพยากรณ์ ได้แก่ ชนิดของเซลล์ อายุผู้ป่วย ขนาดของก้อน และการแพร่กระจาย

การติดตามหลังการรักษา

หลังจากการผ่าตัดและให้แร่ ผู้ป่วยจำเป็นต้อง:

  • ตรวจระดับ Thyroglobulin (Tg) เพื่อเฝ้าระวังการกลับมาเป็นซ้ำ

  • ตรวจอัลตราซาวนด์ซ้ำเป็นระยะ

  • รับยา Thyroxine ต่อเนื่องตลอดชีวิต

  • ตรวจระดับ TSH ให้อยู่ในเกณฑ์ต่ำเพื่อป้องกันการกระตุ้นเซลล์ที่อาจเหลืออยู่

แนวทางป้องกันและคำแนะนำสำหรับประชาชน

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสรังสีโดยไม่จำเป็น

  2. รับประทานอาหารที่มีไอโอดีนเพียงพอ เช่น เกลือเสริมไอโอดีน

  3. หมั่นสังเกตตนเองเมื่อพบก้อนที่คอหรือเสียงแหบ

  4. ตรวจร่างกายประจำปี โดยเฉพาะผู้หญิงอายุ 30–60 ปี

  5. หากมีประวัติครอบครัว ให้พบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรอง

สรุป

มะเร็งต่อมไทรอยด์ แม้จะเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่มีการรักษาที่ได้ผลดี และสามารถหายขาดได้หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การหมั่นสังเกตร่างกายตนเอง ตรวจสุขภาพประจำปี และไม่ละเลยอาการผิดปกติ เช่น เสียงแหบ กลืนลำบาก หรือก้อนที่คอ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: ก้อนที่คอแปลว่ามะเร็งต่อมไทรอยด์เสมอหรือไม่?
A: ไม่เสมอ ก้อนที่คออาจเป็นถุงน้ำ เนื้องอกไม่ร้ายแรง หรือซีสต์ แต่ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

Q2: มะเร็งต่อมไทรอยด์รักษาหายขาดได้หรือไม่?
A: หากพบในระยะเริ่มต้น และได้รับการผ่าตัดร่วมกับแร่ไอโอดีน มีโอกาสหายขาดสูง โดยเฉพาะในผู้ที่อายุน้อย

Q3: การตรวจเลือด TSH / FT4 สามารถบอกได้ว่ามีมะเร็งไหม?
A: ไม่ได้โดยตรง แต่ช่วยบอกถึงการทำงานของไทรอยด์ การวินิจฉัยจำเป็นต้องอาศัยอัลตราซาวนด์และ FNA

Q4: การรับแร่ไอโอดีนอันตรายหรือไม่?
A: มีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้ ปากแห้ง แต่ปลอดภัยเมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

Q5: สามารถป้องกันมะเร็งไทรอยด์ได้ไหม?
A: ไม่มีวิธีป้องกัน 100% แต่สามารถลดความเสี่ยงได้โดยหลีกเลี่ยงรังสี และรับประทานอาหารที่มีไอโอดีนอย่างเหมาะสม

ร่วมตอบคำถามกับเรา

[/vc_column_text]

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

WHO (October 2010). Cancer. World Health Organization. Retrieved 5 January 2011.

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงพวงทอง ไกรพิบูลย์. รู้ก่อนเข้าใจการตรวจรักษามะเร็ง.กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2557.

Cancer risk. British Journal of Cancer. 2010.

[/vc_column][/vc_row]