เช็คลิสต์ก่อนทำศัลยกรรม
สารนิโคตินซึ่งเป็นสารเคมีให้โทษให้บรรดายาสูบทุกชนิด ออกฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัว ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนไม่สะดวก

ศัลยกรรม ( Surgery )

จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจทำ ศัลยกรรม ( Surgery ) มักมาจากความต้องการพัฒนาตัวเองในด้านภาพลักษณ์ มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขข้อบกพร่องที่มีอยู่ การเสริมสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ไปจนถึงการแก้ปัญหาด้านความสวยความงามที่มีผลต่อสุขภาพในระยะยาวด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เพราะการทำ ศัลยกรรม ( Surgery ) ก็เป็นแขนงหนึ่งของการรักษาในทางการแพทย์ และนวัตกรรมสมัยใหม่ก็ก้าวหน้าไปไกลมาก จึงมีตัวช่วยหลากหลายที่จะตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลได้ พร้อมทั้งมีความปลอดภัยในระดับที่สูงกว่าเดิมหลายเท่าตัวด้วย

เช็คลิสต์ร่างกายเบื้องต้น

ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่าจริงๆ แล้ว ศัลยกรรม ( Surgery ) มีความหมายตรงตามที่เราเข้าใจกันหรือไม่ หลายคนมองว่าการศัลยกรรม (surgery) ก็คือการผ่าตัดเพื่อปรับแต่งอะไรบางอย่าง แต่ความจริงแล้วศัลยกรรมเป็นศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ให้เป็นไปตามที่ต้องการ สร้างความสมดุล สมมาตร และสมบูรณ์แข็งแรงให้กับอวัยวะเหล่านั้น โดยที่ทุกรูปแบบอันส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ล้วนนับเป็นการศัลยกรรมด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น การผ่าตัด การฉีด การดูดออก การปลูกถ่าย หรือวิธีอื่นๆ ซึ่งข้อดีของการ ศัลยกรรม ( Surgery ) ก็ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว คือช่วยปรับให้องค์ประกอบทั้งหมดภายในร่างกายเข้าที่เข้าทางและเปล่งประกายได้มากกว่าที่เคย หลายคนได้โอกาสดีๆ หลังจากศัลยกรรมไปแล้ว หลายคนมีความมั่นใจ กล้าที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น จึงถือได้ว่าการศัลยกรรมเป็นการลงทุนในตัวเองอย่างหนึ่งที่คุ้มค่า แต่ศัลยกรรมก็มีข้อเสียด้วยเหมือนกัน ทั้งเรื่องความเสี่ยงจากการทำโดยตรง ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ไปจนถึงภาวะเสพติดการศัลยกรรมที่ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเกินความพอดีไปมาก ดังนั้นเราจึงต้องรู้แน่ชัดในความต้องการของตัวเองให้มาก พร้อมกับพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทุกครั้งก่อนการทำศัลยกรรม ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ตาม และต่อไปนี้จะเป็นเช็คลิสต์ร่างกายเบื้องต้น ที่เอาไว้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจก่อนการทำศัลยกรรมทุกประเภท

1. ความปลอดภัย : นี่เป็นอันดับแรกที่ต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่า ศัลยกรรม ( Surgery ) ที่เลือกนั้นจะอยู่ในรูปแบบไหนก็ตาม ต้องแน่ใจว่ามีความปลอดภัยในระดับสูง ไล่ไปตั้งแต่สถานพยาบาลที่เราจะฝากความคาดหวังเอาไว้ ควรตรวจสอบให้มั่นใจเสียก่อนว่าเป็นมืออาชีพ มีความน่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์มากเพียงพอ เรื่องเหล่านี้สังเกตได้ง่ายมากเพราะเป็นสิ่งที่สถานบริการต้องการนำเสนอออกมาอยู่แล้ว นอกจากการดูผ่านสื่อโซเชียล เช็ครีวิวหรือตามข่าวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว เราก็สามารถเดินเข้าไปยังสถานพยาบาลที่สนใจเพื่อขอคำแนะนำเบื้องต้น เราจะได้สัมผัสทั้งการดูแลของพนักงาน การวิเคราะห์ของแพทย์ และบรรยากาศโดยรวมที่จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หากตัดสินใจมารับบริการที่นี่แล้วจะมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน

2. ระดับของความจำเป็น : ประเด็นนี้เป็นตัวช่วยที่ดีมากที่จะลดการทำ ศัลยกรรม ( Surgery ) ที่เกินพอดี จนถึงขั้นเสพติดศัลยกรรมมากกว่าการพยายามแก้ไขข้อบกพร่องที่มีอยู่ แน่นอนว่าอะไรที่มากไปหรือน้อยไปย่อมไม่ดีแน่ ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมทุกครั้งควรถามตัวเองให้ชัดเจนเสียก่อน ว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จำเป็นหรือไม่ อาจเริ่มจากคำถามที่ว่าการศัลยกรรมครั้งนี้จะเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องของเราในส่วนไหน ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้หรือไม่ หรือว่าเพียงแค่ทำตามกระแสที่คนอื่นเขาว่าดี หากมีใครสักคนมาทักเราว่าควรทำจมูกให้โด่งขึ้นกว่านี้ โดยที่เราไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหาและไม่ได้ต้องการเสริมจมูกมาตั้งแต่แรก แต่เผลอคล้อยตามจนคิดจะทำศัลยกรรมจมูกขึ้นมาจริงๆ อันนี้ก็จะจัดอยู่ในประเภทที่ควรยับยั้งเอาไว้ก่อน แล้วใคร่ครวญดูให้ดีอีกสักที

3. คุณภาพกับราคา : ถ้าเป็นสินค้าหรือบริการอื่นๆ อาจจะไม่ได้เคร่งเครียดมากนักในประเด็นนี้ เพราะเมื่อไรที่ซื้อมาแล้วใช้ไม่ดีก็แค่เลิกใช้ไป หรือขอเงินคืนก็ยังได้ในบางแห่ง แต่การทำ ศัลยกรรม ( Surgery ) ทำแล้วทำเลย การแก้ไขก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน และต้องยอมรับว่าเมื่อมีการแก้ไขเกิดขึ้น ก็ไม่การันตีว่าจะกลับมาดีเหมือนเดิมได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจก่อนก็คือ นวัตกรรมทางการแพทย์ที่ดีทำให้ทีมแพทย์เก่งๆ ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และทั้งหมดนี้ย่อมมีมูลค่าที่สูงกว่าบริการทางการแพทย์ในระดับที่ต่ำลงมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานพยาบาลที่คิดค่าใช้จ่ายแพงๆ จะให้บริการได้ดีกว่าสถานที่ที่ถูกกว่าเสมอไป เราจึงต้องให้เวลากับการรวบรวมข้อมูลเรื่องของคุณภาพกับราคาพอสมควร เพื่อให้รู้แน่ว่าการลงทุนกับร่างกายในครั้งนี้จะไม่เสียเปล่า ที่สำคัญหากบริการเหล่านั้นดูราคาถูกเกินไป ให้คิดในแง่ลบไว้ก่อนว่าอาจจะมีบางอย่างที่ไม่ได้คุณภาพตามที่ต้องการ แล้วค่อยหาข้อมูลมาหักล้างทีหลัง

4. ความสวยที่บางครั้งต้องเจ็บตัวบ้าง : การศัลยกรรมบางประเภทจะมีความเจ็บที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยให้ระหว่างการทำไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร แต่หลังจากนั้นรับประกันว่าเจ็บแน่นอน จำเป็นต้องทำใจเตรียมพร้อมไว้สำหรับความเจ็บปวดตรงนี้ด้วย ตัวอย่างของการ ศัลยกรรม ( Surgery ) ที่ว่านี้ได้แก่ การเสริมขนาดหน้าอกที่มีการตัดกล้ามเนื้อบางส่วนออกจากกัน การผ่าตัดลดหน้าท้องที่มีการตัดชิ้นเนื้อออกไปและในบางรายก็จำเป็นต้องทำสะดือใหม่อีกด้วย

5. ข้อควรปฏิบัติก่อนและหลังศัลยกรรม (surgery) : นี่เป็นข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้และต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด การ ศัลยกรรม ( Surgery ) ในแต่ละรูปแบบจะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรม และการดูแลตัวเองในช่วงพักฟื้นหลังการทำศัลยกรรมระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้เข้ารับการศัลยกรรมจะได้รับทราบก่อนการตัดสินใจอยู่แล้ว จึงต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าจะมีปัจจัยไหนที่ไม่สามารถทำได้เลยหรือไม่ เช่น มียาบางตัวที่ไม่สามารถหยุดทานได้เลย และถ้าจะทำศัลยกรรมก็ต้องหยุดยานั้น หรือเรื่องของเวลาที่อาจต้องลางานเป็นเวลายาวนานหลายวัน ซึ่งเกินกว่าข้อกำหนดของบริษัทไปมาก เป็นต้น

6. โรคทุกชนิดต้องแจ้งแพทย์ก่อนเสมอ : หลายคนใช้วิธีพิจารณาเอาเองว่าโรคที่เป็นอยู่นั้นร้ายแรงหรือไม่ หากเห็นว่าไม่ก็ละเลยที่จะแจ้งแพทย์ผู้ดูแลเรื่องการทำ ศัลยกรรม ( Surgery ) ซึ่งถือว่าอันตรายมากๆ เหมือนกับการเสี่ยงโชคเอาเอง หากโรคนั้นไม่มีผลกระทบต่อทุกกระบวนการในการทำศัลยกรรมก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าไม่ก็ต้องรับผลไปตามที่ควรจะเป็น การทำศัลยกรรม (surgery) ในแต่ละส่วนของร่างกายมีรูปแบบการทำที่ต่างกัน ตัวยาที่ใช้ก็ต่างกัน เราจึงไม่อาจตัดสินได้เองว่าโรคไหนต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบหรือไม่ ควรแจ้งข้อมูลทั้งหมดที่มีแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่อไปจะดีกว่า

7. เลี่ยงช่วงมีประจำเดือน : กรณีนี้สำหรับเพศหญิงโดยเฉพาะ หากเป็นการ ศัลยกรรม ( Surgery ) ที่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัด เพศหญิงควรหลีกเลี่ยงการทำศัลยกรรม (surgery) ในช่วงที่มีรอบเดือน เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายมีความไม่ปกติอยู่หลายจุด เป็นช่วงที่ทำการห้ามเลือดได้ยากกว่าปกติ และในบางรายก็มีอาการตัวบวมซึ่งสร้างความยากลำบากให้กับทีมแพทย์ผู้ดูแลพอสมควร หากมีความจำเป็นด้วยปัจจัยอื่นๆ ทำให้ต้องทำการผ่าตัดในช่วงเวลานี้ ก็ควรเป็นก่อนการมีรอบเดือนสัก 2-3 วัน หรือหลังจากหมดรอบเดือนไปแล้ว 2-3 วันเช่นเดียวกัน

ศัลยกรรมเป็นศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลงอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย ให้เป็นไปตามที่ต้องการ สร้างความสมดุล สมมาตร และสมบูรณ์แข็งแรงให้กับอวัยวะ

การเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังการศัลยกรรมความงาม

หากตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำ ศัลยกรรม ( Surgery ) จริง บนพื้นฐานของการรวบรวมข้อมูลและผ่านการคิดวิเคราะห์มาอย่างดีแล้วตามหัวข้อข้างต้น ก็มาถึงการเตรียมตัวก่อนการทำศัลยกรรม ซึ่งจะขอกล่าวเน้นถึงการศัลยกรรมที่มาในรูปแบบของการผ่าตัดโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นการศัลยกรรมที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด และมีรายละเอียดของการเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังการศัลยกรรมมากที่สุดด้วย

1. งดยาทุกชนิดก่อนเข้ารับการผ่าตัด : ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ก็ต้องงดการทานยาทุกชนิดเอาไว้อย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนการผ่าตัด หรือตามที่แพทย์กำหนด รวมไปถึงอาหารเสริมและวิตามินต่างๆ ด้วย เพราะหลายตัวอาจส่งผลให้การผ่าตัดมีปัญหา เช่น เลือดไม่หยุดไหล เนื้อเยื่อต่างๆ มีอาการบวม เป็นต้น

2. งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ : สิ่งเหล่านี้มีสารกระตุ้นการอักเสบอย่างรุนแรงได้ โดยเฉพาะสารนิโคตินซึ่งเป็นสารเคมีให้โทษให้บรรดายาสูบทุกชนิด ออกฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัวอย่างมาก ระบบเลือดจึงไหนเวียนไม่สะดวก ส่งผลเสียต่อการฟื้นฟูร่างกายของผู้เข้ารับการรักษาเอง ส่วนใหญ่แล้วแพทย์จะแนะนำให้งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 3 วันก่อนการผ่าตัด เพื่อให้ร่างกายได้ชำระล้างสารพิษออกไป แต่อันที่จริงหากหยุดได้นานกว่านั้นก็จะยิ่งดี ด้วยเหตุที่ร่างกายของแต่ละคนมีช่วงเวลาของการขับสารพิษออกจากร่างกายเร็วช้าไม่เท่ากัน

3. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ : ส่วนใหญ่ก่อนวันผ่าตัดมักจะมีอาการตื่นเต้นและวิตกกังวล จนส่งผลให้การนอนไม่เป็นไปตามปกติ บ้างก็นอนไม่หลับเลย บ้างก็หลับๆ ตื่นๆ นอนหลับไม่สนิท จึงควรทำใจให้สบายและหาวิธีผ่อนคลายร่างกายเพื่อให้หลับได้อย่างเต็มที่ เพราะการนอนหลับที่ดีมีผลต่อการฟื้นตัวหลังการผ่าตัดด้วย

4. แจ้งแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการเจ็บป่วย : ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากก่อนวันทำ ศัลยกรรม ( Surgery ) ความงามไม่กี่วัน เกิดมีอาการเจ็บป่วยกะทันหันขึ้นมา เช่น มีไข้ เป็นหวัด มีอาการไออย่างต่อเนื่อง เป็นต้น แบบนี้ให้แจ้งแพทย์ผู้ดูแลให้ทราบทันที เพื่อตัดสินใจต่อไปว่าสามารถทำการ ศัลยกรรม (surgery) ได้ตามกำหนดเดิม หรือต้องเลื่อนออกไปก่อน

5. เตรียมของใช้ส่วนตัวให้ครบถ้วน : ก่อนทำการผ่าตัด แพทย์จะแจ้งให้ทราบอยู่แล้วว่าจำเป็นต้องนอนพักฟื้นต่อที่โรงพยาบาลหรือไม่ เป็นเวลาประมาณเท่าไร ให้เตรียมข้าวของส่วนตัวมาให้ครบ จะได้ไม่ต้องเกิดความกังวลและยุ่งยากหลังการผ่าตัด

6. งดอาหารและน้ำดื่มก่อนการผ่าตัด : ขั้นตอนการใช้ยาสลบจำเป็นต้องให้ผู้เข้ารับการรักษางดอาหารและเครื่องดื่มมาก่อน โดยจะต้องงดเป็นเวลา 8 ชั่วโมงสำหรับการดมยาสลบ และต้องงด 4 ชั่วโมงสำหรับการวางยาสลบ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการสำลักอาหารเข้าไปในหลอดลม เกิดการอาเจียนขณะที่หมดสติ นอกจากนี้น้ำย่อยที่ถูกขับออกมาเพื่อย่อยอาหารเหล่านั้น มีโอกาสสูงที่จะมาทำลายเนื้อเยื่อปอดจนเกิดการอับเสบอย่างรุนแรงได้

7. มาถึงก่อนเวลาเสมอ : ในวันผ่าตัดเพื่อทำ ศัลยกรรม ( Surgery ) ความงามควรมาถึงสถานพยาบาลก่อนเวลานัดอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง อย่างแรกเพื่อให้มีเวลาผ่อนคลายร่างกายและความตึงเครียดต่างๆ ก่อน อย่างที่สองเป็นกรณีที่มีการเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างกะทันหัน จะได้มีเวลาเตรียมตัวได้ทันนั่นเอง

8. งดใช้อุปกรณ์เสริมความงามบางชนิด : ตัวอย่างของอุปกรณ์ที่ว่านี้ก็คือ เทปติดตาสองชั้น สำหรับคนที่จะผ่าตัดทำตาสองชั้น ต้องงดใช้เทปตัวนี้อย่างน้อย 2 อาทิตย์ เพื่อให้รูปตาเป็นธรรมชาติมากที่สุด ทีมแพทย์จะได้ปรับแต่งได้อย่างถูกต้อง หากติดเทปมาตลอดไม่ได้งดเลย รูปตาจะผิดเพี้ยนไป ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลต่อการผ่าตัดด้วย อุปกรณ์เสริมสวยชนิดอื่นๆ ที่ใช้งานในลักษณะนี้ก็ต้องงดด้วยเช่นเดียวกัน

9. ห้ามลดน้ำหนักอย่างหักโหม : มีหลายคนที่เข้ารับการดูดไขมัน ศัลยกรรมหน้าท้อง หรือผ่าตัดเพื่อลดสัดส่วนต่างๆ นิยมออกกำลังกายและอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักลงอย่างมากก่อนเข้ารับการรักษา ทั้งที่จริงๆ ไม่จำเป็นเลย หากแพทย์ไม่ได้แจ้งเป็นกรณีพิเศษ ซ้ำร้ายการทำแบบนั้นจะกระตุ้นให้ร่างกายต้องรับภาระหนักเกินไป จะมีปัญหาต่อเนื่องตามมาหลังจากการ ศัลยกรรม ( Surgery ) ความงามแน่นอน

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

The Grand Plastic Surgery. ไบเบิลศัลยกรรมเกาหลี.กรุงเทพฯ:อมรินทร์เอลท์ อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง,2559