อาหารสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน
อาหารสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน อาจคิดว่าจะหากินได้ยากกว่าอาหารคนที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวานและเป็นเมนูซ้ำแบเดิมๆ แต่ในปัจจุบันการกินอาหารนอกบ้านไม่ใช่สิ่งต้องห้ามอีกแล้วสำหรับคนเป็นเบาหวาน ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนฝูง การไปหาร้านอาหารอร่อย ๆ กินร่วมกันกับครอบครัว หรือจะเลือกซื้ออาหารตามริมถนนกลับมากินที่บ้าน เข้าร้านฟาสต์ฟู้ด หรือจะเลือกใช้บริการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ส่งมาให้กินโดยไม่ต้องออกไปไหน เพียงแต่ต้องเลือกเมนู ที่เหมาะสมและไม่เป็นการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้นนั่นเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนยุคปัจจุบันไปแล้ว แม้ส่วนใหญ่ของผู้ที่ออกไปกินอาหารนอกบ้านนั้น มักจะคิดถึงเรื่องความสะดวก รวดเร็ว และรสชาติที่อร่อยถูกปากมากกว่าจะมาคิดว่าอาหารที่กินนั้นจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือเปล่า?
แต่การออกไปกินอาหารนอกบ้านอาจดีต่อสุขภาพได้เช่นกัน หากคุณมีการวางแผนในการเลือกบริโภคอาหารเช่นเดียวกับการวางแผนสำหรับเรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนการทำงานหรือวางแผนการใช้ชีวิต โดยสามารถเริ่มต้นได้จากการรู้จักเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งในปัจจุบันร้านอาหารมากมายหลายร้านก็อยากที่จะเอาใจลูกค้า ด้วยการทำอาหารที่ครบทั้งรสชาติความอร่อยและประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะคนเป็นโรคเบาหวานไม่ใช่คนกลุ่มเดียวที่ต้องการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ไม่เพียงจะอยากกินอาหารรสชาติอร่อยเท่านั้น แต่ก็ยังต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะกินเพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค กินเพื่อดูแลตัวเองจากโรคที่เป็นอยู่ไม่ให้กลับมาแสดงอาการอีก หรือกินเพื่อลดน้ำหนักลดคอเลสเตอรอล
ไม่ว่าคุณจะมีอาการป่วยเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ก็จำเป็นที่จะต้องกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพนั่นเอง
เวลาที่คุณเข้าไปใช้บริการตามภัตตาคารหรือจะเป็นร้านอาหารประเภทตามสั่งก็ตาม คุณสามารถแจ้งให้ทางร้านทราบได้เลยว่าคุณต้องการอะไรไม่ว่าจะเป็น “ ไม่เอาเค็มนะ ” ใส่น้ำตาลนิดเดียวนะ ” “ ไม่ใส่ผงชูรส ” “ ใส่เส้นนิดเดียวเน้นผักเยอะ ๆ ” “ ขอเนื้อ ๆ ไม่เอามันนะ ” ฯลฯ ไม่ยากเลยที่คุณจะระบุหรือกำชับทางร้าน เพื่อที่จะได้อาหารที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการและดีสำหรับสุขภาพของตัวคุณ หากคุณกินอาหารนอกบ้านอยู่เป็นประจำ จำเป็นที่คุณจะต้องควบคุมอาหารให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยคุณจะสามารถเลือกอาหารได้ง่ายขึ้น หากเป็นร้านที่มีเมนูให้เลือกเยอะ
หลังจากที่ได้อ่านเมนูแล้วควรจะสั่งอะไร
- หากเป็นเมนูที่คุณไม่รู้จัก คุณอาจจะถามพนักงานเอาก็ได้ว่าเมนูนั้นมีส่วนผสมสำคัญอะไรบ้าง
- ถามถึงภาชนะที่ใส่ว่ามีขนาดแค่ไหน สำหรับกี่คนกิน
- เลือกเมนูที่ใส่น้ำมันน้อย เช่น อาหารประเภทอบ ต้ม ตุ๋น นึ่ง ย่าง หรือยำ แกงที่ไม่มีกะทิเป็นส่วนผสม หรือใส่จนข้นคลั่ก ส่วนเมนูผัด ก็ไม่ควรใส่น้ำมันมากไปจนเยิ้ม พยายามหลีกเลี่ยงการกินอาหารจำพวกของทอดหรือของชุบแป้งทอด ถ้าจะกินให้กินแต่น้อย
- ถ้าเป็นสลัดควรแยกน้ำสลัด และถ้าน้ำสลัดเป็นแบบน้ำข้นหรือครีม ควรใช้ส้อมจิ้มผักหรือผลไม้จุ่มน้ำสลัดกินทีละชิ้น หากเป็นน้ำสลัดแบบน้ำใสเวลากินให้ใส่น้ำสลัดทีละช้อนชา
- เลือกเมนูที่มีความหลากหลาย ครบถ้วนทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และผัก
- หากคุณคิดจะกินขนมหวานลองเปลี่ยนเป็นผลไม้แทน แต่ถ้าอยากกินจริง ๆ ก็ควรลดแป้งและน้ำตาลลง
- เครื่องดื่มควรเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำชา หรือเป็นเครื่องดื่มชนิดไม่ใส่น้ำตาล
- แอลกอฮอล์เป็นอีกหนึ่งตัวการที่จะเพิ่มแคลอรี่ให้มากขึ้น และอาจมีผลให้การดูดซึมวิตามินและเกลือแร่ถูกยับยั้ง เพราะฉะนั้นคุณจึงควรจำกัดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ควรพยายามจำกัดปริมาณการกินในแต่ละมื้อ หากอาหารที่คุณสั่งมีปริมาณเยอะเกินไป ควรหาคนช่วยกินหรือให้ห่อส่วนที่เหลือกลับไปกินในมื้ออื่นแทน
- เคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด แต่ใช้เวลาใกล้เคียงกับการทานอาหารปกติ
- จัดเวลากินตามช่วงเวลาการกินอาหารปกติ
- หากคุณจำเป็นต้องกินยาเบาหวานหรือฉีดอินซูลิน ก็ต้องจัดตารางเวลาว่าเวลาไหนจะต้องเป็นเวลากิน
- จัดเวลากินตามช่วงเวลาการกินอาหารปกติที่คุณกิน
- ไม่ควรจัดเวลาให้ตรงกับช่วงที่ร้านอาหารมีลูกค้าเยอะ เพราะคุณอาจจะต้องรอนานจนเกินเวลา แต่สำหรับบางร้านคุณอาจจะโทรไปสั่งจองโต๊ะและสั่งอาหารรอไว้ล่วงหน้าได้
- ถามถึงอาหารที่คุณสั่งด้วยว่าจะต้องใช้เวลารอนานแค่ไหน
- หากคุณรอที่จะกินอาหารจนเลยเวลาที่จะต้องกินไป คุณก็ควรจะหาผลไม้กินรองท้องแทนไปก่อน
วิธีกินฟาสต์ฟู้ดให้ปลอดภัยสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในรสชาติของฟาสต์ฟู้ด และต้องการกินอาหารแบบมีประโยชน์ต่อสุขภาพไปด้วยพร้อม ๆ กันละก็ สามารถทำได้ดังนี้
หลักสำคัญที่คุณควรจะจดจำให้ได้ก็คือ “ โภชนาการที่ดี ” คือคุณควรที่จะกินให้ได้อย่างหลากหลายในปริมาณที่พอเหมาะพอดี การกินอาหารที่มีไขมันมาก ๆ และอาหารรสเค็มจัดให้น้อยลง และสำหรับอาหารฟาสต์ฟู้ดแล้วจัดเป็นอาหารที่เรียกได้ว่าทั้งมันจัดและเค็มจัด ฟาสต์ฟู้ดเพียงหนึ่งมื้อก็พอ ๆ กับสิ่งที่คุณต้องจำกัดตลอดวันเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ดีเราก็ยังสามารถลดโทษภัยจากฟาสต์ฟู้ดให้น้อยลงได้ หากรู้จักฟาสต์ฟู้ดให้ดีขึ้น
- คุณอาจได้รับพลังงานจากฟาสต์ฟู้ด 1 มื้อสูงถึง 1,000 แคลอรี่เป็นอย่างน้อย และมีระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อคุณกินเข้าไปในสองชั่วโมงแรก ระดับน้ำตาลในเลือดอาจจะยังไม่พุ่งสูงขึ้นมากนัก เนื่องจากร่างกายจะย่อยอาหารที่มีไขมันสูงได้ค่อนข้างช้า
- หากคุณคิดจะสั่งอาหารฟาสต์ฟู้ดมากิน สิ่งหนึ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้คือข้อมูลทางโภชนาการ โดยคุณสามารถที่จะดาวน์โหลดข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของร้านฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ มาอ่านได้ เช่น แมคโดนัลด์ เคเอฟซี หรือเบอร์เกอร์คิงส์ ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกตกใจไม่น้อยกับตัวเลขที่แจ้งในข้อมูลโภชนาการ แต่เดี๋ยวนี้ลูกค้ามีทางเลือกเพิ่มขึ้น เพราะฟาสต์ฟู้ดบางร้านมีเมนูแคลอรี่ต่ำไว้คอยบริการ จึงทำให้คนเป็นโรคเบาหวานมีทางเลือกมากขึ้นไปด้วย
- หากวันไหนที่คุณกินฟาสต์ฟู้ดเพียงมื้อเดียว คุณก็ควรที่จะกินผักผลไม้ให้มากขึ้นในมื้ออื่น ๆ กินแป้งและไขมันให้น้อยลง
- ร้านฟาสต์ฟู้ดจะมีกลยุทธ์ในการดึงดูดใจลูกค้า เช่น ถ้าคุณเพิ่มเงินอีก 10 บาท คุณก็จะได้รับเฟรนช์ฟรายส์หรือน้ำอัดลมขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งคุณอาจจะรู้สึกยินดีที่ได้ซื้อของในราคาที่ถูกลงกว่าปกติ แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่คุณได้รับไม่เพียงแต่ปริมาณอาหารที่เพิ่มขึ้น แต่ แคลอรี เกลือ โซเดียม น้ำตาล ไขมัน และคอเลสเตอรอลก็จะเพิ่มขึ้นด้วย กลายเป็นว่าคุณต้องจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อสุขภาพที่ย่ำแย่มากขึ้น
- ควรหลีกเลี่ยงเบอร์เกอร์ชนิดที่มีขนมปังสามแผ่น ขอมายองเนสต่างหากและเพิ่มผักสลัด หรือหากคุณไม่ได้ขอมายองเนสแยกต่างหาก ก่อนที่คุณจะกินเบอร์เกอร์ควรปาดมายองเนสออกซักครึ่งหนึ่งก่อน แล้วเติมรสด้วยมัสตาร์ดแทน หรืออาจจะปรุงแต่งรสด้วยมะเขือเทศ 1 ซองก็ได้ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้คุณลดแคลอรี่ได้แล้ว
- หากคุณซื้อแซนด์วิช ขนมปังจำพวกครัวซองต์ถือเป็นอาหารที่พึงหลีกเลี่ยงหากอยากมีสุขภาพที่ดี
- แค่คุณเลี่ยงการเติมชีสเพียง 1 แผ่น คุณก็ลดพลังงานได้แล้ว 100 แคลอรี่
- หากเป็นพิซซ่า ควรเลือกแบบขอบบางและเพิ่มหน้าผัก ไม่ควรกินเกิน 1 – 2 ชิ้น (ถ้าเป็นหน้าไส้กรอก เปปเปอโรนี หรือเพิ่มชีส คุณก็จะได้รับแคลอรี ไขมัน และโซเดียมเพิ่มขึ้น นี่ยังไม่นับพิซซ่าขอบชีสขอบไส้กรอกอีกนะ ซึ่งหากคุณชอบกินก็ระวังโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดหลอดเลือดอุดตันให้ดีละกัน) จะให้ดีเมื่อคุณกินพิซซ่าก็ควรจะกินสลัดควบคู่ไปด้วยเพราะจะช่วยให้คุณอิ่ม มากขึ้น ส่วนเครื่องดื่มควรจะเป็นน้ำอัดลมชนิดไดเอตหรือจะให้ดีก็ควรเป็นน้ำเปล่า
- แม้สลัดบาร์จะเป็นอาหารที่ดีต่อการบริโภค แต่ก็ควรระวังสลัดที่มีมายองเนสผสมให้มากไม่ว่าจะเป็นโคลสลอว์ สลัดมันฝรั่ง หรือสลัดมะกะโรนี ซึ่งถ้าเลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยง แต่ถ้าจะกินก็ควรจำกัดปริมาณในการกิน
- หากคุณจะตามหลังฟาสต์ฟู้ดด้วยไอศกรีม ควรเป็นไอศกรีมโยเกิร์ตไขมันต่ำ น้ำตาลน้อยหรือเลือกกินเซอร์เบ็ต และกินแค่โคนเล็ก ๆ โคนเดียวพอ
- ขนมหรืออาหารที่ปราศจากไขมันไม่ได้แปลว่าจะไม่มีแคลอรี่ ซึ่งปริมาณน้ำตาลที่มีอยู่สูงก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณเพิ่มสูงขึ้น แต่ถ้าคุณอดใจไม่ไหวก็เอาแต่พอหอมปากหอมคอ การปล่อยให้ตัวเองได้ตามใจปากบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายจนเกินไปนัก ตราบใดที่คุณยังควบคุมน้ำหนัก น้ำตาลในเลือด และไขมันในเลือดได้อยู่
- มีผลการวิจัยพบว่าขนมจะทำให้คุณรู้สึกอร่อยได้แค่ 2 – 3 คำแรกเท่านั้น เพราะคำต่อ ๆ ไปความอร่อยจะเริ่มลดน้อยลง
คนเป็นโรคเบาหวานกับการกินอาหารจีน
แม้ว่าส่วนประกอบในอาหารจีนจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็อาจพ่วงมาด้วยไขมันรวม ไขมันอิ่มตัว คอเลสเตอรอล ผงชูรส และเกลือในปริมาณที่สูง โดยเฉพาะอาหารจีนซึ่งไม่มีการดัดแปลงในการประกอบอาหาร จะมีผลต่อผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพ ทำให้ควบคุมโรคได้ยากมากขึ้น การจัดเลี้ยงโต๊ะจีนเป็นที่นิยมในโอกาสต่าง ๆ กันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในโอกาสงานแต่งงาน ในโอกาสวันคล้ายวันเกิด หรืองานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ คนเป็นโรคเบาหวานที่กินโต๊ะจีนเป็นประจำ จึงต้องรู้ว่าจะเลือกกินโต๊ะจีนอย่างไรจึงจะสามารถควบคุมโรคของตนเองได้
1.โดยโต๊ะจีน 1 ชุดจะประกอบไปด้วยอาหารทั้งคาวทั้งหวานราว ๆ 8 – 12 อย่าง แล้วแต่ว่าจะเป็นชุดใหญ่หรือชุดเล็ก อาหารส่วนใหญ่มักจะเป็นอาหารจำพวกไขมันซึ่งถือว่าเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อยตามตามตำราจีน เนื่องจากไขมันจะช่วยขับเน้นรสชาติอาหารให้เด่นชัดขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอาหารประเภท เช่น หมูหัน เป็ดย่าง ขาหมู ซึ่งเป็นเนื้อสัตว์ที่ติดมัน และถือเป็นอาหารประจำโต๊ะจีนที่ต้องมีเสมอเลยก็ว่าได้ แม้ว่าซุปของจีนมักจะมีเครื่องเทศสมุนไพรจีนซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาสมุนไพรเป็นส่วนประกอบ เช่น เก๋ากี้ ซึ่งอาจจะช่วยให้พิษภัยจากไขมันลดน้อยลง แต่ก็ไม่อาจจัดการกับไขมันและคอเลสเตอรอลทั้งหมดที่เข้ามาสู่ร่างกายได้
2.สำหรับการเลือกอาหารจีน หลัก ๆ เลยก็คือเมนูประเภทผัก ต้ม นึ่ง อบ และอาหารที่มีผักเป็นส่วนผสม เป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งถ้าหากน้ำซุปและน้ำผัดมีความมันมาก ให้เลือกตักแต่ตรงส่วนที่กิน ส่วนของหวานก็กินพอเป็นพิธีหรือจะไม่กินก็ได้
3. ต้องเน้นปริมาณและสัดส่วนอาหารที่กินให้สมดุลกัน ในอาหารจีนชุดหนึ่ง หากคุณใช้ช้อนเสิร์ฟตักอาหารให้ครบทุกจานคุณก็จะได้อาหารจานใหญ่พอสำหรับหนึ่งมื้อ ควรระวังคาร์โบไฮเดรตไม่ให้เกินความต้องการ เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตจะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าโปรตีนและไขมัน โดยเฉพาะอาหารที่มากไปด้วยแป้งและน้ำตาลอย่างขนมหวาน ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องยกเลิกอาหารจีนมื้อนั้นไปเลย เพียงแต่ให้เพิ่มความระมัดระวังในปริมาณการกินให้มากขึ้น ส่วนเครื่องดื่มที่ดีที่สุดสำหรับอาหารจีนก็คือน้ำเปล่าและน้ำชาเพราะปราศจากแคลอรี่ จากสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด จะช่วยให้คุณอร่อยกับโต๊ะจีนได้มากขึ้นโดยที่ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องระดับน้ำตาลในเลือด
ข้อแนะนำสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน เมื่อต้องออกไปกินอาหารนอกบ้าน
1.ให้สั่งเมนูที่ไม่ต้องใช้เวลารอนาน
2.กินอาหารตามเวลาปกติ งดการสั่งเมนูที่ต้องใช้เวลารอนานซึ่งจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น
3.หลังจากผ่านมื้อเที่ยงไปแล้ว ให้กินผลไม้หรืออาหารจำพวกแป้งได้ 1 คาร์บ โดยยืมมาจากมื้ออาหารปกติ
4.ถ้าเลยเวลากินมื้อเย็นไปมาก ควรหาอาหารว่างกินรองท้องไปก่อน หรือไม่ก็อาจจะกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต 1 คาร์บรองท้องแทนก็ได้
5.สำหรับผู้ที่ต้องได้รับการฉีดอินซูลิน ควรพิจารณาปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่จะกินแล้วปรับปริมาณอินซูลินให้เหมาะสม แต่ควรปรึกษาแพทย์และนักกำหนดอาหารก่อนที่จะเปลี่ยนขนาดยาที่ฉีด
การกินอาหารบุฟเฟต์ของคนเป็นโรคเบาหวาน
สำหรับอาหารบุฟเฟต์แล้วถือได้ว่าเป็นอาหารที่พึงหลีกเลี่ยง เนื่องจากบุฟเฟต์เป็นอาหารที่มีสารพัดเมนูให้เลือก เรียกว่าหากคุณกินทุกอย่างเข้าไปเพียงมื้อเดียวเท่านั้น ก็มีแคลอรี่เพิ่มมากขึ้นหลายพันแคลอรี่เลยทีเดียว แถมส่วนใหญ่ที่กินมักถือคติกินอาหารบุฟเฟต์ทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม เพราะเขาให้กินเท่าไหร่ก็ ได้ไม่อั้น ถึงคุณจะคิดว่าสามารถควบคุมตนเองได้ก็เถอะยังไงก็ต้องกินเข้าไปมากกว่ากินที่บ้านแน่นอน
แต่ข้อดีอย่างหนึ่งของการกินบุฟเฟต์ก็คือการที่จะได้กินอาหารที่แปลกใหม่ไปจากที่กินในชีวิตประจำวัน และที่ไม่ควรลืมก็คือผักสลัดที่มีให้เลือกมากมายรวมทั้งน้ำสลัดที่ทำจากน้ำมันมะกอกซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพ สลัดผักจะช่วยให้คุณไม่ต้องกินมากจนเกินไป แต่อาหารที่คุณควรเลือกกินก็คืออาหารทะเลต่าง ๆ โดยเฉพาะเนื้อปลาอย่างปลาแซลมอน หรือหากอยากจะลิ้มรสไอศกรีมบ้างก็เอาแค่ 2 – 3 คำพอให้ลิ้นได้สัมผัสรส ซึ่งหลังจากบุฟเฟต์มื้อนั้นผ่านไป คุณก็จะได้แคลอรี่เพิ่มขึ้นอย่างคิดไม่ถึง และหากคุณไปเจาะเลือดตรวจน้ำตาลในเลือดดู ค่าที่ได้ก็จะเป็นตัวบ่งบอกว่าคุณได้กินเข้าไปมากน้อยแค่ไหน
คนเป็นโรคเบาหวานดื่มอะไรดี?
ถึงแม้ว่าเครื่องดื่มส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรตที่จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นได้ แต่ก็มีเครื่องดื่มบางชนิดที่คนเป็นโรคเบาหวานสามารทานได้โดยไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอีกด้วย ซึ่งก็คือเครื่องดื่มที่ไม่มีพลังงานนั่นเอง ดังนั้นเมื่อต้องไปกินข้าวนอกบ้านหรือไปงานเลี้ยงต่างๆ ก็ควรเลือกดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่น้อยหรือไม่มีแคลอรี่จะดีที่สุด
เครื่องดื่มที่ไม่
เพิ่มระดับน้ำตาล |
เครื่องดื่มที่เพิ่ม
ระดับน้ำตาลเล็กน้อย |
เครื่องดื่มที่เพิ่ม
ระดับน้ำตาลมาก |
น้ำเปล่า | เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬาชนิดน้ำตาลน้อย | ชามะนาวเติมน้ำตาล |
น้ำอัดลมไดเอต | น้ำผัก เช่น น้ำมะเขือเทศ | น้ำสมุนไพรเติมน้ำตาล |
เครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล | เครื่องดื่มน้ำผลไม้ชนิดไลท์ | น้ำอัดลม ในรูปใดๆ เป็นส่วนผสม |
น้ำมะตูมธรรมชาติ | นมสดรสจืด | ชานมไข่มุก |
น้ำกระเจี๊ยบธรรมชาติ | กาแฟเติมน้ำตาล | |
ชาจีน ชาเขียว ชาสมุนไพร | เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬา | |
กาแฟดำ | พั้นช์ | |
โซดา | น้ำผลไม้ | |
นมสดรสหวาน | ||
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ ไวน์ วิสกี้ ผสมเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล |
แคลอรีสูงๆ ที่ทำให้เครื่องดื่มแพงและสุขภาพแพง
ในปัจจุบันสิ่งที่เติมลงในเครื่องดื่มรสชาติอร่อยที่มีราคาแพง ล้วนเป็นสิ่งที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นไขมัน น้ำตาลหรือแคลอรี่ที่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้อย่างไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว ซึ่งเครื่องดื่มบางชนิดก็อาจให้พลังงานสูงถึงแก้วละ 570 แคลอรี่เลยทีเดียว ดังที่แสดงในตารางต่อไปนี้
ชนิดเครื่องปรุงรส | ปริมาณ | ไขมัน / น้ำตาล ( กรัม ) | พลังงาน ( แคลอรี ) |
ครีมเทียมแต่งรสชนิดน้ำ | 2 ช้อนโต๊ะ | ไขมัน 4 กรัม | 80 |
ครีมเทียมชนิดน้ำ | 1 ช้อนโต๊ะ | ไขมัน 2 กรัม | 25 |
ครีม 50/50 | 1 ช้อนโต๊ะ | ไขมัน 2 กรัม | 20 |
ครีม | 1 ช้อนโต๊ะ | ไขมัน 6 กรัม | 50 |
วิปครีม | 1 ช้อนโต๊ะ | ไขมัน 9 กรัม | 90 |
น้ำเชื่อมคาราเมลสตาร์บัคส์ | 1 เหยาะ | น้ำตาล 6 กรัม | 25 |
น้ำเชื่อมปรุงแต่งรส | 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำตาล 20 กรัม | 80 |
น้ำเชื่อมปรุงแต่งรสไม่เติมน้ำตาล | 2 ปั๊ม | ไม่มี | 0 |
มอลต์ | 2 ช้อนโต๊ะ | ไขมัน 2 กรัม
น้ำตาล 18 กรัม |
90 |
น้ำเชื่อมมอคค่า | 1 ช้อนโต๊ะ | ไขมัน 0.5 กรัม
น้ำตาล 5 กรัม |
25 |
น้ำตาล | 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำตาล 4 กรัม | 15 |
ร่วมตอบคำถามกับเรา
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
ศัลยา คงสมบูรณ์เวช. บำบัดเบาหวานด้วยอาหาร. พิมพ์ครั้งที่ 4 (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : อัมรินทร์เฮลท์ อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2559. (12), 311 หน้า. (ชุดชีวิตและสุขภาพ ลำดับที่ 113) 1.เบาหวาน 2.โภชนบำบัด 3.การปรุงอาหารสำหรับผู้ป่วย 4.การดูแลสุขภาพตนเอง. 616.462 ศ7บ6 2559.
ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). กินเท่าไหร่ กินแค่ไหน ไม่เสี่ยงอ้วน. ใน: ธิดารัตน์ มูลลา.ชีวิตใหม่ไร้พุง. กรุงเทพฯ : บริษัทศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์ จำกัด, 2557.