พริกหม่าล่า มีดีอย่างไร
หม่าล่า ( พริกไทยเสฉวน ) คือ เครื่องเทศรสเผ็ดที่มีต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน มีลักษณะคล้ายเม็ดพริกไทยดำ กินแล้วชา ๆ ที่ปลายลิ้น

หม่าล่า คือ

หม่าล่า ( MaLa ) หรือ พริกไทยเสฉวน คือ เครื่องเทศรสเผ็ดที่มีต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน มีลักษณะคล้ายเม็ดพริกไทยดำ แต่รสชาติแตกต่างกัน พริกชนิดนี้เขียนเป็นภาษาจีนกลางว่า 麻辣 ( má là ) อ่านว่า หม่าล่า หรือที่คนจีนเสฉวนท้องถิ่นเรียกว่า ฮวาเจียว ( 花椒 / huā jiāo ) ถูกจัดอยู่ในหมวดของพริกหอมในวงศ์ Zanthoxylum

สำหรับในประเทศไทย ก็มีเครื่องเทศสมุนไพรที่ใกล้เคียงกับ ” พริกหม่าล่า ” เหมือนกัน เป็นเครื่องเทศทางภาคเหนือที่เรียกว่า ” มะแขว่น ” มีลักษณะรูปร่างคล้ายกันมาก กินแล้วชา ๆ ที่ปลายลิ้นเหมือนกัน แต่มีกลิ่นและรสชาติต่างกัน และไม่มีความเผ็ดสักเท่าไหร่ ปัจจุบันคนไทยรู้จัก ” พริกหม่าล่า ” กันมากขึ้น และนิยมกินกันมากในหมู่สาวๆ ที่ชอบอาหารรสชาติจัดจ้าน

ความหมายของว่า หม่าล่า

คำว่า หม่าล่า ในบางที่อาจออกเสียงว่า “หมาร่า” หรือ “มะหล่า” ซึ่งคำนี้มาจากภาษาจีนว่า 麻辣 / (má​là) ที่มีความหมายว่า เผ็ดชา นั่นเอง (麻 ( หม่า ) แปลว่า อาการชา ส่วน 辣 ( ล่า ) แปลว่า เผ็ด)

ประโยชน์ของหม่าล่า

1. ช่วยขับเสมหะ บรรเทาอาการอักเสบในลำคอ
2. หม่าล่ามีสรรพคุณช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร
3. หม่าล่าช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ลดความดันโลหิต
4. รสเผ็ดและชาที่ลิ้นของหม่าล่า ช่วยให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น
5. หม่าล่ามีฤทธิ์ช่วยขับระดูในสตรี ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
6. หม่าล่า อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านเชื้อราและเชื้อไวรัสในร่างกาย แก้อักเสบ
7. กลิ่นหอมฉุนของหม่าล่า ใช้สูดดมแก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้หวัด คัดจมูก
8. ช่วยแก้ไข้ ช่วยดับพิษร้อนในร่างกาย แต่ต้องกินในปริมาณที่พอดี
9. หม่าล่ามีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือด กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต แก้โลหิตจาง
10. หม่าล่ามีธาตุสังกะสี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยง่าย

หม่าล่านิยมกินยังไง?

หม่าล่า สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด และปิ้งย่าง
1. หม่าล่าทัง ( ซุปหม่าล่า )
เป็นเมนูที่เมืองไทยยังไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก แต่ถ้าคุณเดินทางไปประเทศจีนแผ่นดินใหญ่จะเห็นมีขายตามร้านอาหารทั่วไปแทบทุกร้าน ส่วนใหญ่นิยมทำเป็นซุปปลาหม่าล่า หรือหม้อไฟชาบูที่ใช้น้ำซุปแบบหม่าล่า ทั้งเผ็ดร้อนทั้งชาลิ้น แต่ก็อร่อยกลมกล่อมไม่แพ้ชาบูชนิดอื่นๆ เลย
2. ปิ้งย่างหม่าล่า
ปิ้งย่างหม่าล่า เมนูอาหารที่นิยมนำหม่าล่ามาปรุงซึ่งช่วยเพิ่มความอร่อย เผ็ดร้อน ให้กับเมนูปิ้งย่างบาร์บีคิวแบบเดิมๆ ให้อร่อยแซ่บได้มากขึ้น เคล็ดลับคือ ไม่ใช่ใส่แค่พริกหม่าล่าเพียงอย่างเดียว แต่ให้ผสมส่วนผสมสมุนไพรอื่นๆ ลงไปด้วย เช่น พริกแห้ง พริกไทยดำ กระเทียม ยี่หร่า ขิง ผงพะโล้ เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม จะได้ไม่มีแต่รสเผ็ดๆ ชาๆ เพียงอย่างเดียว
3. หม่าโฝโต้วฟุ ( เต้าหู้ผัดพริกเสฉวน )
เป็นเมนูสุดฮิตตามภัตตาคารใหญ่ ๆ ทั้งในเมืองไทย เมืองจีน ฮ่องกง หรือแม้แต่ในสิงคโปร์ ก็ต้องมีเมนูเต้าหู้ผัดพริกเสฉวน ซึ่งความเผ็ดและชาของพริกหม่าล่าเข้ากับเต้าหู้ได้เป็นอย่างดี พร้อมน้ำซุปแบบคลุกคลิก กินกับข้าวสวยร้อนๆ ( แต่ไม่นิยมปรุงรสเผ็ดเกินไป แต่ใส่พริกหม่าล่าเพิ่มความหอมในการชูกลิ่นให้เมนูน่ากินยิ่งขึ้น )

วิธีการทำผงพริกหม่าล่าเอง

ส่วนประกอบพริกหม่าล่า

  1. ช่วงเจียป่น ( ทำให้รู้สึกลิ้นชาเวลาทาน )  3 ช้อนโต๊ะ
  2. พริกป่นแดง  3 ช้อนโต๊ะ
  3. ผงปรุงรส (รสหมู)  1½  ช้อนโต๊ะ
  4. ยี่หร่าป่น  1½  ช้อนโต๊ะ
  5. งาขาวคั่ว  1 ช้อนโต๊ะ

ผสมทั้งหมดลงในถ้วยแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ก็จะได้ผงพริกหม่าล่ารสชาติจัดจ้านในแบบฝีมือตัวเอง ( สูตรสามารถปรับได้ตามความชอบนะคะ )

วิธีทำซอสหม่าล่าสำหรับปิ้งย่าง

ส่วนผสมซอสหม่าล่า

  1. ผงพริกหม่าล่า  1 ช้อนโต๊ะ
  2. น้ำตาลทรายแดง  1 ช้อนโต๊ะ
  3. ซีอิ้วขาว  2 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำมันงา  2 ช้อนโต๊ะ

ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดลงถ้วยแล้วคนให้น้ำตาลทรายแดงละลาย ก็จะได้ซอสหม่าล่าสำหรับปิ้งย่าง ( ใช้ไม่หมดสามารถเก็บแช่ตู้เย็นไว้ได้นะคะ )

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

เอกสารอ้างอิง

“หม่าล่า” กับประโยชน์ดีๆ ที่ได้มาพร้อมรสชาติเผ็ดจนชาที่ปลายลิ้น (ออนไลน์).สืบค้นจาก : https://www.sanook.com [13 มิถุนายน 2562].

สารพัดประโยชน์ “พริกหม่าล่า” กินแก้หวัด บำรุงหัวใจ (ออนไลน์).สืบค้นจาก : https://www.thairath.co.th [13 มิถุนายน 2562].