บีทรูท ช่วยรักษาสิว ยับยั้งมะเร็ง บำรุงเลือดและป้องกันโรคหัวใจ
บีทรูท หัวใต้ดิน ขนาดเล็ก ทรงกลมป้อม มีเนื้อด้านในอวบน้ำ มีสีแดงเลือดหมู สีม่วงแดง สีเหลือง

บีทรูท

บีทรูท (Beetroot) มักจะรู้จักกันในรูปแบบของเครื่องดื่มสมูทตี้ ที่เป็นผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ ในประเทศไทยมักจะพบบีทรูทสีแดงสด มีรสชาติหวานและรับประทานง่าย เป็นผลไม้เมืองนอกที่ค่อนข้างนิยมอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะในหมู่คนรักสุขภาพ ถือเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ช่วยต้านโรคต่าง ๆ ได้

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของบีทรูท

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Beta vulgaris L.
ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Garden beet” “Common beet”
ชื่อท้องถิ่น : มีชื่อท้องถิ่นว่า “ผักกาดฝรั่ง” หรือ “ผักกาดแดง”
ชื่อวงศ์ : วงศ์บานไม่รู้โรย (AMARANTHACEAE)

ลักษณะของบีทรูท

บีทรูท เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียนหรือแถบยุโรป ส่วนในประเทศไทยมักจะปลูกกันที่ภาคเหนือ เพราะเป็นผลไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมหนาวเย็น
หัว : มีหัวใต้ดิน เป็นทรงกลมป้อม มีเนื้อด้านในอวบน้ำ มีสีแดงเลือดหมู สีม่วงแดง สีเหลือง
ใบ : เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน รูปหัวใจรี มีก้านยาว
ดอก : เป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นช่อสีเขียวอ่อนและมีขนาดเล็ก
ผล : ผลมีขนาดเล็ก

ประโยชน์ของบีทรูท

  • สรรพคุณด้านเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระและช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย เสริมสร้างพละกำลังและความแข็งแรง ลดอาการเหนื่อยล้าจากการออกกำลัง ทำให้ร่างกายอึดและทนทานมากขึ้นถึง 16%
    – ล้างสารพิษในร่างกาย ด้วยการดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน
  • สรรพคุณด้านไขมัน ลดการสะสมไขมัน
  • สรรพคุณด้านเลือดในร่างกาย ลดการอุดตันในหลอดเลือด บำรุงหลอดเลือด ลดความดันเลือด รักษาโรคความดันโลหิตสูง แก้ปัญหาอาการประจำเดือนมาผิดปกติ
    – เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ด้วยการดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า
  • สรรพคุณด้านระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย รักษาอาการท้องผูก
    – ทำให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น เป็นยาระบายและขับปัสสาวะ ด้วยการดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า
  • สรรพคุณด้านป้องกันโรค ยับยั้งสารก่อมะเร็งและลดการเจริญเติบโตของเนื้องอก ลดจำนวนสารก่อมะเร็งในร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัมพาต
  • สรรพคุณช่วยบรรเทาอาการ
    – แก้อาการไอและเจ็บคอ ขับเสมหะ ลดอาการบวมต่าง ๆ ด้วยการดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน
  • สรรพคุณช่วยบำรุงอวัยวะ บำรุงหัวใจ
    – บำรุงไตและถุงน้ำดี ด้วยการดื่มน้ำคั้นบีทรูทก่อนนอน
  • สรรพคุณด้านความงาม
    – รักษาสิวหัวหนองหรือสิวอักเสบ และน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้หัวบีทรูท 1 หัว มาต้มกับน้ำในปริมาณที่ต้องการ

การนำไปใช้ประโยชน์ของบีทรูท

เป็นส่วนประกอบของอาหาร ทำเป็นขนมหวานอย่างสาคูไส้บีทรูท สลัดน้ำบีทรูท ขนมบีทรูท ขนมเค้ก เยลลี่บีทรูท พุดดิ้งนมสดบีทรูท พาสต้าหรือไอศกรีม นำมาดองทำเป็นน้ำส้มสายชูได้ ทำเป็นไวน์หรือเครื่องดื่มแบบสมูทตี้ หัวบีทรูทใช้ในงานแกะสลักตกแต่งอาหาร ใช้เป็นสีจากธรรมชาติผสมอาหารได้

คำแนะนำในการรับประทานหรือการใช้บีทรูท

1. หลังจากดื่มน้ำบีทรูทแล้วขับถ่ายออกมามีสีแดงปนเปื้อนนั้นไม่ใช่เลือด แต่เป็นเพราะร่างกายขับสารสีแดงจากบีทรูทออกมา ซึ่งมาจากการรับประทานอาหารที่ทำมาจากบีทรูทมากเกินไป เรียกอาการนี้ว่า “บีทูเรีย”
2. ควรเลือกซื้อหัวบีทรูทที่มีขนาดเล็ก เพราะมีเนื้อละเอียดและให้รสหวานมากกว่าหัวบีทรูทขนาดใหญ่
3. ควรเลือกซื้อผลที่มีผิวไม่เหี่ยว เนื้อไม่นิ่ม แต่ถ้าใบติดอยู่ด้วยให้เลือกหัวที่ใบยังสดอยู่
4. การเก็บรักษาผลบีทรูท ควรล้างน้ำให้สะอาดแล้วเก็บใส่ในถุงตาข่าย จากนั้นวางไว้ในที่ร่มหรือจะนำมาแช่ในตู้เย็นตรงช่องเก็บผักก็ได้ สามารถเก็บได้นานถึง 2 อาทิตย์

คุณค่าทางโภชนาการของหัวบีทรูทดิบ

คุณค่าทางโภชนาการของหัวบีทรูทดิบต่อ 100 กรัม โดยคิดเป็น % ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ ให้พลังงาน 43 กิโลแคลอรี

สารอาหาร ปริมาณสารอาหาร
คาร์โบไฮเดรต 9.56 กรัม 
น้ำตาล 6.76 กรัม
เส้นใย 2.8 กรัม
ไขมัน 0.17 กรัม
โปรตีน 1.61 กรัม 
น้ำ 87.58 กรัม
วิตามินเอ 2 ไมโครกรัม (0%)
เบตาแคโรทีน 20 ไมโครกรัม (0%)
วิตามินบี1 0.031 มิลลิกรัม (3%)
วิตามินบี2 0.04 มิลลิกรัม (3%) 
วิตามินบี3 0.334 มิลลิกรัม (2%)
วิตามินบี5 0.155 มิลลิกรัม (3%)
วิตามินบี6 0.067 มิลลิกรัม (5%)
วิตามินบี9 109 ไมโครกรัม (27%)
วิตามินซี 4.9 มิลลิกรัม (6%)
แคลเซียม 16 มิลลิกรัม (2%) 
เหล็ก 0.8 มิลลิกรัม (6%)
แมกนีเซียม 23 มิลลิกรัม (6%)
แมงกานีส 0.329 มิลลิกรัม (16%)
ฟอสฟอรัส 40 มิลลิกรัม (6%)
โพแทสเซียม 325 มิลลิกรัม (7%)
โซเดียม 78 มิลลิกรัม (5%) 
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม (4%)

สารออกฤทธิ์สำคัญ

  • สารบีทานิน (Betanin) เป็นสารสีแดงที่อยู่ในหัวบีทรูท เป็นกรดอะมิโน ช่วยยับยั้งโรคมะเร็งและลดการเติบโตของเนื้องอกได้ ทำให้เลือดลมและระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีมากขึ้น
  • สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) เป็นสารสีม่วง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดสารก่อมะเร็งและช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและอัมพาต

การทำน้ำบีทรูท

1. นำบีทรูท 2 หัว มาปอกเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในเครื่องปั่นแยกกากหรือหั่นเป็นฝอยแล้วลงในเครื่องปั่น จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อทำการแยกกากออก
2. นำน้ำที่ได้ใส่หม้อตั้งไฟ แล้วเติมน้ำตาลทรายครึ่งถ้วยและเกลือ 1 ส่วน 3 ช้อนชา พร้อมดื่ม

บีทรูท เป็นผลไม้สีแดงที่มีประโยชน์ในการต้านทานโรค มักจะพบเป็นน้ำดื่มสมูทตี้ซึ่งควรดื่มก่อนอาหารเช้าหรือดื่มก่อนนอนจะให้ผลดีต่อร่างกาย มีสรรพคุณที่โดดเด่นเลยก็คือ ยับยั้งโรคมะเร็ง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัมพาต รักษาสิว บำรุงไตและถุงน้ำดี และเพิ่มประสิทธิภาพต่อระบบการไหลเวียนของเลือด เป็นผลไม้ที่คู่ควรต่อการดื่มเป็นประจำ

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม