ตามไปพบกับสรรพคุณและประโยชน์ของ ตะขบไทย !

0
2430
ตะขบไทย
ตามไปพบกับสรรพคุณและประโยชน์ของ ตะขบไทย เป็นไม้ยืนต้น ใบเดี่ยวกลมคล้ายกับใบพุทรา ผลกลมมีเนื้อสีขาวขนาดเท่าลูกพุทรา ผลสุกสีแดงหรือสีม่วง ผลแก่สีดำ มีรสหวานฝาดเล็กน้อย
ตะขบไทย
เป็นไม้ยืนต้น ใบเดี่ยวกลมคล้ายกับใบพุทรา ผลกลมมีเนื้อสีขาวขนาดเท่าลูกพุทรา ผลสุกสีแดงหรือสีม่วง ผลแก่สีดำ มีรสหวานฝาดเล็กน้อย

ตะขบไทย

ตะขบบ้าน มีชื่อสามัญ คือ Coffee plum, Indian cherry, Indian plum, East Indian plum, Rukam, Runeala plum[2] และชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Flacourtia jangomas (Lour.) Raeusch. (ทั้งยังมีชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Flacourtia cataphracta Roxb. ex Willd.)[1] และปัจจุบันจัดอยู่ในวงศ์สนุ่น (SALICACEAE)
นอกจากนี้ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ อีก ว่า ครบ (ปัตตานี), มะเกว๋นควาย (ภาคเหนือ), ตะขบควาย (ภาคกลาง), กือคุ (มลายู ปัตตานี) เป็นต้น[1]

ลักษณะของตะขบไทย

  • ต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขาที่เรือนยอดของต้น เรือนยอดเป็นรูปไข่ทึบ ตรงโคนต้นเป็นพูพอน เปลือกต้นมีสีน้ำตาลอ่อน เป็นแผ่นบาง ๆ จะขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด พบได้ตามป่าราบ ป่าโปร่ง ป่าดิบแล้ง และตามป่าผลัดใบ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลอยู่ที่ประมาณ 300-800 เมตร[1],[2],[3]
  • ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ มีใบที่กลมคล้ายกับใบพุทรา มีลักษณะเป็นรูปวงรี รูปไข่แกมรูปขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม ตรงโคนใบมน ส่วนขอบใบจะตื้น ใบมีขนาดกว้างอยู่ประมาณ 3.5-5 เซนติเมตร และมีความยาวประมาณ 8-13 เซนติเมตร ใบบางเป็นสีเขียว ผิวใบด้านบนมีสีเขียวเป็นมัน[1],[2],[3]
  • ผล ผลสดมีเนื้อสีขาว ลักษณะเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเท่าลูกพุทรา มีขนาดประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร ผลสุกเป็นสีแดงหรือสีม่วง เมื่อแก่เป็นสีดำ มีรสหวานฝาดเล็กน้อย ภายในมีหลายเมล็ด ออกผลในช่วงประมาณเดือนเมษายน[1],[2],[3]

สรรพคุณของตะขบไทย

  • รากจะมีรสฝาดอยู่เล็กน้อย สามารถใช้ปรุงเป็นยาขับเหงื่อได้ (ราก)[1] ทั้งยังมีสรรพคุณเป็นยากล่อมเสมหะและอาจมอีกด้วย (ราก)[1]
  • ส่วนเนื้อไม้มีรสฝาด ๆ สามารถใช้ทำเป็นยาแก้ท้องร่วง แก้บิด และมูกเลือด (เนื้อไม้)[1]
  • สุดท้ายเปลือก แก่น และใบ สามารถเป็นยารักษาอาการปวดเมื่อยตามตัว แก้โรคเหน็บชา ทั้งรักษาอาการปวดข้อ และแก้เส้นเอ็นพิการ (เปลือก, แก่น, ใบ)[4]

ประโยชน์ของตะขบไทย

1. สามารถนำใบมาใช้เพื่อการย้อมสีได้ โดยใช้อัตราส่วนของใบสดต่อน้ำ 1:2 และนำไปสกัดใช้ใบสด 15 กรัม จะสามารถย้อมเส้นไหมได้ถึง 1 กิโลกรัม สีที่ได้จะขึ้นอยู่กับการสกัดสีและการใช้สาร สกัดสีโดยใช้ใบสดนำมาต้มกับน้ำนานประมาณ 1 ชั่วโมง กรองเอาแต่น้ำ และนำมาย้อมเส้นไหมด้วยวิธีการย้อมร้อนประมาณ 1 ชั่วโมง และนำมาแช่ในสารละลายช่วยในการจุนสีหลังย้อมเสร็จจะได้เส้นไหมสีน้ำตาลเขียว ส่วนในการใช้จุนสีขณะย้อมก็จะได้สีน้ำตาลเขียวเหมือนกัน แต่ถ้านำมาสกัดน้ำด้วยวิธีการคั้นเอาน้ำ และกรองเอาแต่น้ำ แล้วมาย้อมเส้นไหมด้วยวิธีการย้อมร้อน และนำมาแช่สารละลายช่วยจุนสีหลังย้อมจะกลายเป็นสีเขียวขี้ม้า[2]
2. ผลสุกจะมีรสหวานฝาด สามารถรับประทานได้[3],[4]
3. นำไปใช้ปลูกได้ทั่วไป สามารถปลูกเป็นไม้ให้ร่มเงาทั้งในสวนผลไม้หรือจะเป็นตามสวนป่าเพื่อเป็นอาหารของนกก็ได้เช่นกัน[2]

สั่งซื้อ อาหารเสริม เนสท์เล่ ออรัลอิมแพค สำหรับผู้ป่วย คลิ๊ก @amprohealth

เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม). “ตะขบไทย”. หน้า 302.
2. พันธุ์ไม้ย้อมสีธรรมชาติ, กรมหม่อนไหม. “ตะขบควาย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : qsds.go.th/webtreecolor/. [22 ธ.ค. 2014].
3. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. “ตะขบควาย”. อ้างอิงใน : หนังสือไม้ต้นในสวน Tree in the Garden . [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.qsbg.org. [22 ธ.ค. 2014].
4. ผักพื้นบ้านและพืชสมุนไพร. “ตะขบควาย”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : www.sisaket.go.th. [22 ธ.ค. 2014].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Saipuddin Zainuddin, rohana kamarul ariffin, Ahmad Fuad Morad)