แมงลัก สมุนไพรสำหรับคนลดน้ำหนัก แถมช่วยเรื่องการขับถ่ายคล่องอีกด้วย!
ต้นแมงลักจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับโหระพา ใบเขียวอ่อนมีกลิ่นหอมใช้ประโยชน์ได้ทั้งเมล็ดและใบ

แมงลัก

แมงลัก (Sweet basil) คือพืชที่มีทั้งประโยชน์และโทษต่อร่างกาย ขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของแมงลักที่นำมารับประทาน สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งเมล็ดและใบ ต้นแมงลักจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับโหระพา แต่ใบแมงลักจะมีขนาดเล็กกว่า ในประเทศไทยมีแมงลักสายพันธุ์หลักเพียงหนึ่งเดียวคือ “ศรแดง” นอกนั้นจะเป็นพันธุ์ทางและพันธุ์ผสม สมุนไพรแมงลักเหมาะสมสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือผู้ที่มีปัญหาในเรื่องการขับถ่าย

รู้จักกับชื่อต่าง ๆ ของแมงลัก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ocimum × africanum
ชื่อสามัญ : แมงลักมีชื่อสามัญหลัก ๆ ทั้งหมด 4 ชื่อ โดยชื่อแรกที่ถูกตั้งคือ “Hoary basil” ซึ่งคำว่า “hoary” แปลว่าผมหงอก โดยตั้งตามต้นแมงลักที่มีลักษณะขนอ่อน ๆ สีขาวที่บริเวณก้านใบและยอดอ่อน มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Hairy basil” ในภายหลังได้เปลี่ยนชื่อสามัญเป็น “Lemon basil” ซึ่งตั้งตามลักษณะกลิ่นหอมของใบแมงลักที่มีกลิ่นคล้ายคลึงกับเลมอน ในประเทศไทยมีชื่อเรียกตามแมงลักศรแดงของไทยว่า “Thai lemon basil”
ชื่อท้องถิ่น : ภาคกลางเรียกว่า “แมงลักหรือมังลัก” ภาคเหนือเรียกว่า “ก้อมก้อข้าว” ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า “อีตู่”
ชื่อวงศ์ : วงศ์กะเพราและโหระพา (LABIATAE or LAMIACEAE)
ชื่อพ้อง : Ocimum canum Sims

ลักษณะของแมงลัก

แมงลัก เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุเฉลี่ย 1 – 2 ปี มีลักษณะคล้ายคลึงกับต้นกะเพรา แต่ต่างกันตรงที่กลิ่นและใบ แมงลักมีกลิ่นหอมอยู่ทุกส่วนของต้น
ใบ : เป็นใบเดี่ยว ใบเรียงตรงข้ามเป็นคู่ ๆ ตัวใบมีลักษณะกลมรี ปลายใบแหลม ขนที่ใบนิ่ม และใบมีสีเขียวอ่อน
ดอก : ดอกออกเป็นช่อตามบริเวณปลายกิ่งหรือยอด ช่อดอกอาจเป็นช่อเดี่ยวหรือแตกออกเป็นช่อย่อย ๆ ดอกจะบานจากข้างล่างขึ้นข้างบน ดอกย่อยจะออกรอบก้านช่อเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นมีดอกย่อย 6 ดอก แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนละ 3 ดอก โดยดอกที่อยู่ตรงกลางและช่อดอกย่อยที่อยู่ชั้นล่างสุดของก้านช่อดอกจะบานก่อน กลีบดอกมีสีขาวแบ่งเป็น 2 ปาก กลีบร่วงง่าย เกสรตัวผู้มีความยาวกว่ากลีบดอก ดอกของแมงลักจะคงทนและอยู่ได้นาน
ผล : ผลมีสีน้ำตาลเข้มและขนาดเล็ก ภายในผลมีเมล็ด 4 เม็ด เรียกว่า “เมล็ดแมงลัก” มีลักษณะกลมรีและมีสีดำ

การนำไปใช้ประโยชน์ของสมุนไพรแมงลัก

แมงลัก สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งใบและเมล็ด
ใบแมงลัก : ใบมักจะมีกลิ่นฉุน นำมาใช้ประกอบอาหารในเครื่องแกงต่าง ๆ หรือนำมารับประทานกับขนมจีน นอกจากนั้นยังนำไปสกัดน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมสบู่และเครื่องสำอาง หรือใช้ในการแต่งกลิ่นอาหาร
เมล็ดแมงลัก : เมล็ดมักจะนำมาใช้ทำเป็นขนมหรือนำไปผสมกับเครื่องดื่มต่าง ๆ เช่น น้ำเต้าหู้ น้ำขิง น้ำใบเตย นอกจากนั้นยังเป็นยาระบายและอาหารเสริมลดความอ้วนได้อีกด้วย     

ประโยชน์ของใบและเม็ดแมงลัก

ประโยชน์ในการลดน้ำหนัก

1. เม็ดแมงลัก ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล สามารถเปลี่ยนคอเลสเตอรอลส่วนเกิน (LDL) ในร่างกายไปเป็นกรดน้ำดี แล้วขับกรดน้ำดีออกจากร่างกายได้ ในส่วนคอเลสเตอรอลที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายไม่ได้ถูกเปลี่ยนใด ๆ (HDL)
2. เม็ดแมงลักไม่ทำให้เกิดพลังงานในร่างกายจึงสามารถควบคุมปริมาณอาหารและควบคุมน้ำหนักได้ โดยทานก่อนรับประทานอาหารหรือทานเป็นอาหารก็ย่อมได้เช่นกัน มีวิธีการชงด้วยการนำเม็ดแมงลักประมาณ 2 ช้อนชาแล้วแช่ในน้ำ 1 แก้วใหญ่ จากนั้นทิ้งไว้จนพองตัวเต็มที่ ซึ่งเม็ดแมงลักสามารถพองตัวได้มากถึง 45 เท่า สามารถรับประทานด้วยการผสมกับน้ำร้อนหรือผสมกับน้ำผึ้งก็ได้เช่นกัน

ประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายและระบบทางเดินอาหาร

1. ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก เป็นยาระบาย กระตุ้นให้ระบบขับถ่ายทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการทานเม็ดแมงลักก่อนนอน เมื่อตื่นมาตอนเช้าจะทำให้การขับถ่ายมีประสิทธิภาพและตรงเวลา
2. เม็ดแมงลัก ช่วยล้างลำไส้และช่วยเรื่องอุจจาระตกค้าง
3. ใบแมงลักสด ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ มีฤทธิ์ช่วยขับลมในลำไส้

ประโยชน์ในการรักษาโรค

1. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจหากรับประทานอย่างสม่ำเสมอ
2. ช่วยดูดซึมน้ำตาลในร่างกายให้ลดลง เหมาะสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน
3. ใบแมงลักต้ม ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้หรือทางเดินอาหาร
4. ช่วยรักษาโรคกลากเกลื้อนหรือโรคเกลื้อนน้ำนม โดยใช้ใบแมงลักสดประมาณ 10 ใบ นำมาตำแล้วผสมน้ำเล็กน้อย จากนั้นทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อนวันละ 1 ครั้ง ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
5. ช่วยรักษาโรคประจำเดือนมาผิดปกติให้กลับมาปกติ
6. ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ ลดอาการเกร็งของหลอดลม

ประโยชน์ในการบรรเทาอาการต่าง ๆ

1. ใบแมงลักช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะหรืออาเจียนได้
2. ใบแมงลักมีสรรพคุณในการช่วยขับเหงื่อ
3. ใบแมงลักมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้
4. บรรเทาอาการปวดฟัน
5. ใบแมงลักบดผสมน้ำแล้วหยอดหู แก้อาการปวดหู หูตึง
6. แก้หวัด แก้ไอ ขับเสมหะ แก้ไอเรื้อรัง

คุณค่าทางโภชนาการ

คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดแมงลักขนาด 100 กรัม ให้พลังงาน 420 กิโลแคลอรี

  • คาร์โบไฮเดรต 54 กรัม
  • โปรตีน 15 กรัม
  • ไขมัน 16 กรัม
  • กากใยอาหาร 54 กรัม

คุณค่าทางโภชนาการของใบแมงลักขนาด 100 กรัม ให้พลังงาน 32 แคลอรี

  • แคลเซียม 350 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 4.9 มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ 10,666 มิลลิกรัม
  • ไทอามีน 0.3 มิลลิกรัม
  • ไรโบเฟลวิน 0.14 มิลลิกรัม
  • ไนอะซิน 1 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 78 มิลลิกรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 11.1 กรัม
  • โปรตีน 2.9 กรัม
  • ไขมัน 0.8 กรัม
  • กากใยอาหาร 2.6 กรัม

โทษของใบและเม็ดแมงลัก

1. ไม่ควรทานแทนอาหารทุกมื้อเพราะจะทำให้เกิดโรคขาดสารอาหาร ดังนั้นผู้ที่อยากลดน้ำหนักควรที่จะควบคุมอาหารการกินและควบคุมการรับประทานเม็ดแมงลักด้วย
2. หากรับประทานเกินปริมาณที่ควรจะทำให้เกิดอาการแน่นท้อง
3. ไม่ควรทานพร้อมกับการกินยา เพราะเม็ดแมงลักจะไปยับยั้งการดูดซึมของร่างกายต่อยาชนิดนั้น ทำให้ร่างกายดูดซึมยาเหล่านั้นได้ไม่ดีและน้อยลง หรือพูดง่าย ๆ ก็คือไปแย่งซีนยานั่นเอง
4. ไม่ควรทานในขณะที่เม็ดแมงลักยังพองตัวไม่เต็มที่ มิฉะนั้นจะทำให้เม็ดแมงลักจับตัวกันเป็นก้อนและอุดตันในลำไส้จนเกิดอาการท้องผูกตามมาได้
5. เม็ดแมงลักไม่มีคุณภาพหรือไม่ได้มาตรฐาน อาจก่อให้เกิดเชื้อราได้ เมื่อมีเชื้อราก็จะผลิตสารพิษอย่างอะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่ร้ายแรงมากชนิดหนึ่ง

เม็ดแมงลัก เหมาะสำหรับคนลดน้ำหนักหรือคนที่ไม่ชอบกินผัก ในต่างประเทศได้มีวิจัยว่า ใบแมงลักมีสารจำพวกสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ดังนั้นแมงลักเหมาะสมอย่างมากสำหรับสาว ๆ ที่อยากหุ่นดี อีกทั้งยังเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายหากทานอย่างถูกวิธี ควรรับประทานหลังอาหารเย็นประมาณ 3 ชั่วโมง ทั้งนี้ผลตอบรับอาจจะต้องใช้เวลาไประยะหนึ่ง เนื่องจากร่างกายจะมีการปรับตัวต่อสมุนไพรธรรมชาติ ไม่เหมือนกับการกินยาลดความอ้วนที่ให้ผลทันทีแต่มีผลเสียตามมามากมาย

บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม