ไวอาก้า
ไวอาก้า (Viagra) หรือ Sildenafil คือ สารที่ขยายหลอดเลือดไปเลี้ยงที่อวัยวะเพศ ช่วยรักษาอาการอวัยวะเพศไม่แข็งตัว นกเขาไม่ขัน ช่วยให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้ดี ไม่อ่อนตัวขณะมีเพศสัมพันธ์ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (ED) เนื่องจากกลไกการทำงานของ ไวอากร้า ( Viagra ) จริง ๆ จะเข้าไปกระตุ้นให้หลอดเลือดขยาย ซึ่งส่งผลให้สมรรถภาพทางเพศเพิ่มขึ้น ช่วยให้สมองสั่งการผ่านเส้นประสาทไปยังอวัยวะเพศทำให้แข็งตัวขณะมีเพศสัมพันธ์ จนการร่วมรักดำเนินไปได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้เรื่องการใช้ยาไวอากร้าไม่ควรใช้กับยาชนิดอื่นๆ โดยไม่ได้รับการแนะนำการแพทย์ ก็เป็นจุดที่ควรระวัง เพราะอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตได้
ไวอากร้าที่มีขายในท้องตลาด
1. Sildenafil หรือ ไวอากร้า (ยอดนิยม)
เป็นยาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด กินก่อนมีเพศสัมพันธ์ 1 ชั่วโมง แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง คือ มีผลเสียต่อจอเรตินาในตา ทำให้จะเห็นทุกอย่างเป็นสีฟ้า แต่อาการจะหายไปเองภายใน 2-3 ชั่วโมง
2. Vardenafil หรือ เลวิตร้า
ยาตัวนี้ดีพอๆ กับซิลเดนาฟิล แต่ออกฤทธิ์ได้ไวกว่า 1 ชั่วโมง เพราะเป็นแบบละลายในปากทำให้ได้ผลไว แต่ก็พบว่าบางคนอาจแพ้หรือมีผลข้างเคียงได้เช่นกัน
3. Tadalafil หรือ เซียลิส
ยาตัวนี้บางคนอาจจะเรียกกันว่า ยาวันหยุด หรือ Holiday Pill ซึ่งชนิดนี้เป็นตัวที่ผู้ชายส่วนใหญ่เลือกกินเพราะออกฤทธิ์ได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว เป็นยาที่แรง แต่ก็เสี่ยงกับผลข้างเคียงที่เพิ่มขึ้น
4. Avanafil หรือ สเตนดร้า
ยาชนิดนี้เป็นตัวใหม่ที่พึ่งได้รับการรับรองจากอเมริกาและแถบยุโรป ซึ่งข้อดีของมันคือ เป็นชนิดเดียวที่ออกฤทธิ์ได้เร็วที่สุด ภายใน 15 นาทีหลังกินยา จะกินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่ข้อเสียของมันก็คือ คนที่กินยาไนเตรทห้ามทานเด็ดขาด เพราะทำให้เกิดความดันต่ำจนเสียชีวิตได้เลย
ผลข้างเคียงของไวอาก้า
1. หัวใจเต้นเร็ว มีอาการเหนื่อยง่าย เหงื่อออกง่าย หากใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจ ต้องใช้อย่างระมัดระวังและเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
2. อาการของผู้ใช้ยาครั้งแรกที่พบได้บ่อยๆ คือ ปวดศีรษะ หน้าแดง ร้อนวูบวาบ คลื่นไส้ ตาพร่ามัว ตาพร่าแสงแดดง่าย หรือ มองเห็นแสงสีฟ้าสีเขียว
3. ภาวะองคชาตแข็งค้าง และการสูญเสียการได้ยินอย่างเฉียบพลัน
ข้อควรระวัง
1. ผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ยานี้หรือส่วนประกอบอื่นๆในตำรับยา
2. ผู้ที่มีโรคประจำตัว โรคหัวใจ สมองขาดเลือด (Stroke) หรือมีปัญหาเรื่องความดันโลหิตต่ำ เคยมีประวัติการมองเห็นลดลง หรือสูญเสียการมองเห็น ให้แจ้งแพทย์ก่อนเริ่มกินยา
3. ห้ามใช้ยา Viagra ในผู้ที่เป็นโรคหัวใจที่ใช้ยาขยายหลอดเลือดกลุ่มไนเตรดที่ส่วนใหญ่ใช้บรรเทาอาการเจ็บหน้าอกเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่พอ เช่น Nitroglycerine, Isosorbide Mononitrate, Isosorbide dinitrate เพราะอาจทำให้ความดันโลหิตต่ำ อาจถึงแก่ชีวิตได้
4. ไม่มีข้อบ่งใช้ในผู้ที่อายุน้อยกว่า 18 ปี และไม่มีข้อบ่งใช้ในเพศหญิง
5. ห้ามใช้ยาร่วมกับยาปฏิชีวนะชนิดอื่นๆ เช่น อีริโทรมัยซิน (Erythromycin) ยาชนิดนี้เป็นยาต้านเชื้อรา ที่จะไปเสริมฤทธิ์ทำให้เกิดผลข้างเคียง อาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
6. ไม่ควรรับประทานยาร่วมกับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ โดยเด็ดขาด
สารอาหารที่ออกฤทธิ์คล้ายไวอาก้า
- Silkpupa (ดักแด้ไหม)
- Niacin (วิตามินบี 3)
- Cordycepins (ถั่งเช่า)
- Avena Sativa (สารสกัดข้าวโอ๊ต)
- Soy Protein Concentrate (โปรตีนจากถั่วเหลืองเข้มข้น)
- Epimedium Sagittatum
- Saw Palmetto (ไขมันที่สกัดจากผลปาล์มแห้ง)
- Guarana Extract (กัวรานาสกัด)
- Ginsenosides (โสมเกาหลี)
- L-Arginine
- L-Taurine
- Tribulus Terrestris (โคกกระสุน)
- Maca (มาก้า)
ไวอากร้า ผู้หญิงกินได้ไหมหรือไม่
ยาไวอากร้าสำหรับผู้หญิง ชื่อว่า ฟลิแบนเซริน ซึ่งจะออกฤทธิ์ต่างกับไวอาก้าสำหรับผู้ชาย ยานี้จะออกฤทธิ์ต่อสมอง ปรับสมดุลของระบบในสมองที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นความพอใจและอารมณ์ทางเพศ ในขณะที่ไวอากร้าสำหรับผู้ชายจะส่งผลต่อปริมาณเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศชาย
ปัญหาสุขภาพของคนวัย 50 ปีขึ้นไป
- โรคเกี่ยวกับกระดูก
- ความดันโลหิตสูง
- เบาหวาน
- สมรรถภาพทางเพศเสื่อม
- โรคเกี่ยวกับตา
- โรคอัลไซเมอร์
- โรคหัวใจ เส้นเลือดหัวใจตีบ
- ระบบเผาผลาญลดลง
- ขาดสารอาหาร
- ระดับฮอร์โมนลดลง
- โรคพาร์กินสัน
อาหารที่เหมาะสมต่อสุขภาพของคนวัย 50 ปีขึ้นไป
1. โปรตีน ความต้องการสารอาหารในผู้สูงอายุทั่วไปที่ไม่มีโรคประจําตัวรุนแรงที่ความต้องการโปรตีนสูงขึ้นเพื่อกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อใหม่ ควรเลือกโปรตีนที่เคี้ยวง่ายหรือไม่ต้องเคี้ยว เช่น ดักแด้ไหม ไข่ตุ๋น เนื้อปลา หมูสับหมักนิ่ม หรือเนื้อสัตว์ตุ๋น นม เต้าหู้ เลือดหมู หรือไก่ เป็นต้น โดยสลับทานทั้งเนื้อสัตว์สีแดงและสีขาว เพื่อให้ได้รับธาตุเหล็กที่เพียงพอ
2. แป้ง ควรทานมือละ 3-4 ทัพพี เลือกประเภทนิ่ม เช่น ข้าวต้ม ข้าวหุงนิ่มๆ ขนมปังนิ่มๆ ฟักทอง มันนึงเนื้อนิ่มๆ หรือวุ้นเส้น เป็นต้น
3. ผักผลไม้ ควรทานผักมื้อละ 1-2 ทัพพี และผลไม้มื้อละ 1 ฝ่ามือ โดยเลือกแบบที่นิ่มหรือไม่ต้องเคี้ยว เช่น ผักที่ต้มหรือปรุงจนนิ่ม ส้ม มะละกอ แก้วมังกร แตงโม มะม่วงสุก กล้วยสุก ผักหรือผลไม้ปั่นพร้อมกาก เป็นต้น จะช่วยให้ระบบร่างกายทํางานได้ดีขึ้น และป้องกันท้องผูก
4. เครื่องปรุงรส ทานน้ำมันและน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน น้ำปลาหรือซีอิ๊วไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน จะช่วยป้องกันโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และอีกหลายๆ
5. การดื่มนมวัว หรือนมถั่วเหลือง (นมถั่วเหลืองแนะนําประเภท UHT เนื่องจากมีการเติมแคลเซียมให้เท่าแคลเซียมในนมวัว) โดยทานวันละ 1-2 แก้ว จะช่วยรักษามวลกระดูกและกล้ามเนื้อ
บทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม