แมงกานีส ( Manganese )
แมงกานีส ( Manganese ) คือ แร่ธาตุสำคัญที่มีอยู่ในร่างกายของคนในวัยผู้ใหญ่ 10-20 มิลลิกรัม ซึ่งมักพบในกระดูก ตับ ตับอ่อน และต่อมพิทูอิทารี
หน้าที่ของแมงกานีส คือ
1. แมงกานีส ช่วยให้ร่างกายสามารถใช้โคลีนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2. แมงกานีส เป็นตัวกระตุ้นน้ำย่อยที่มีความจำเป็นในการนำวิตามินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไบโอติน วิตามินบีหนึ่ง และวิตามินซี มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
3. แมงกานีส ช่วยในการสังเคราะห์กรดไขมันและคอเลสเตอรอล
4. แมงกานีส มีส่วนในการสร้างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน
5. แมงกานีส มีความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างของกระดูก โดยช่วยลดการสูญเสียแคลเซียมในร่างกายและมีส่วนสำคัญในการผลิตเลือด
6. แมงกานีส มีความจำเป็นต่อการผลิตน้ำนม ในหญิงตั้งครรภ์ และช่วยในการสร้างยูเรีย ซึ่งเป็นส่วนประกอบของปัสสาวะ
7. แมงกานีส ช่วยในการผลิตฮอร์โมนเพศ
8. แมงกานีส ช่วยเลี้ยงเส้นประสาทและสมอง ทำให้ระบบประสาทและสมองทำงานได้อย่างเป็นปกติ
9. แมงกานีส มีความจำเป็นต่อการปล่อยพลังงานในร่างกาย
แมงกานีส คือ แร่ธาตุสำคัญที่มีอยู่ในร่างกายของคนในวัยผู้ใหญ่ 10-20 มิลลิกรัม ซึ่งมักพบในกระดูก ตับ ตับอ่อน และต่อมพิทูอิทารี
การดูดซึมแมงกานีส ( Manganese )
ในอวัยวะบางส่วนอย่างเช่นลำไส้จะดูดซึมแมงกานีสได้น้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากร่างกายได้รับแคลเซียมและฟอสฟอรัสเข้ามาในปริมาณที่สูงมากก็จะไปทำให้อัตราการดูดซึมลดน้อยลงไปอีก ซึ่งในการดูดซึมแมงกานีสของร่างกายจะต้องอาศัยโปรตีนเฉพาะที่ชื่อ ทรานส์แมงกานิน ( Transmanganin ) เป็นตัวนำพาแมงกานีสเข้าสู่กระแสเลือด
การเก็บแมงกานีสในร่างกาย
แมงกานีสจะถูกเก็บไว้ในร่างกายที่ตับอ่อน ตับ ไต
แหล่งที่พบแมงกานีส
พบมากในธัญพืช ไข่แดง ผักสีเขียว ถั่ว ( Nut และ Legumes ) ชา แต่ปริมาณที่พบอาจจะมากน้อยแตกต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณที่มีอยู่ในดิน
ปริมาณแมงกานีสที่พอเพียงต่อวัน ( AI ) สำหรับคนไทยในแต่ละวัย | |||
เพศ | อายุ | ปริมาณ | หน่วย |
ทารก | 6-11 เดือน | 0.6 | มิลลิกรัม/วัน |
เด็ก | 1-3 ปี | 1.2 | มิลลิกรัม/วัน |
4-8 ปี | 1.5 | มิลลิกรัม/วัน | |
วัยรุ่นชาย | 9-12 ปี | 1.9 | มิลลิกรัม/วัน |
13-18 ปี | 2.2 | มิลลิกรัม/วัน | |
วัยรุ่นหญิง | 9-18 ปี | 1.6 | มิลลิกรัม/วัน |
ผู้ใหญ่ผู้ชาย | 19 – ≥ 71 ปี | 2.3 | มิลลิกรัม/วัน |
ผู้ใหญ่ผู้หญิง | 19 – ≥ 71 ปี | 1.8 | มิลลิกรัม/วัน |
ผู้หญิงตั้งครรภ์ | ควรได้รับเพิ่มอีก | 0.2 | มิลลิกรัม/วัน |
ผู้หญิงให้นมบุตร | ควรได้รับเพิ่มอีก | 0.8 | มิลลิกรัม/วัน |
ผลของการขาดแมงกานีส
การขาดแมงกานีสจะมีผลให้ร่างกายต้านทาน กลูโคส ( Glucose Tolerance ) ได้ลดน้อยลง คือ ร่างกายจะขาดความสามารถที่จะนำเอาน้ำตาลในเลือดที่มีอยู่มากเกินไปออกไป โดยการออกซิเดชั่น หรือเอาไปเก็บไว้ที่อื่นได้ นอกจากนี้การที่ร่ายกายไม่ได้รับแมงกานีสอย่างเพียงพอยังส่งผลให้เกิดภาวะเคลื่อนไหวไม่ประสานกันคือจะมีอาการเดินเซคล้ายคนเมาเหล้า และยังทำให้เกิดอัมพาต ตาบอด หูหนวก และชักในเด็กทารก ผู้ใหญ่จะมีอาการการวิงเวียนศีรษะ และมีปัญหาต่อการได้ยิน
การเป็นพิษจากแมงกานีส ( Manganese )
หากร่างกายได้รับแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงเกินไปจะทำให้เกิดความต้องการแมงกานีสเพิ่มมากขึ้น และหากได้รับแมงกานีส มาก ๆ จะทำให้ธาตุเหล็กที่ถูกเก็บไว้ในร่างกายลดลง และมีการใช้ธาตุเหล็กลดน้อยลงด้วย ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพมากทีเดียว
ผู้ที่เสี่ยงต่อการได้รับแมงกานีสสูงเกินไปก็คือคนงานในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นพิษต่อร่างกายได้ โดยจะมีอาการคือ ไม่มีเรี่ยวแรง เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างยากลำบาก ซึ่งมีผลจากมีระดับแมงกานีสในเนื้อเยื้อมีปริมาณสูง ดังนั้นในกลุ่มเสี่ยงจึงควรระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมตามลิ้งค์ด้านล่าง
เอกสารอ้างอิง
Zhang, Wensheng; Cheng, Chu Yong (2007). “Manganese metallurgy review. Part I: Leaching of ores/secondary materials and recovery of electrolytic/chemical manganese dioxide”. Hydrometallurgy. 89 (3–4): 137–159.
Corathers, L. A.; Machamer, J. F. (2006). “Manganese”. Industrial Minerals & Rocks: Commodities, Markets, and Uses (7th ed.). SME. pp. 631–636. ISBN 978-0-87335-233-8.
“Manganese Mining in South Africa – Overview”. MBendi.com. Retrieved 2014-01-04.